คุณหวังว่าลูกของคุณจะได้เรียนรู้อะไรในโรงเรียน?
ร้อยละ 36,7 ของผู้ตอบแบบสำรวจตอบว่าพวกเขาคาดหวังว่าเมื่อสำเร็จการศึกษา พวกเขาจะ บุตร สามารถทำงานเป็นทีม สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ร่วมมือและแบ่งปัน …ร้อยละ 18,5 ตอบว่า คาดหวังให้ลูกเรียนรู้.
จะช่วยให้ลูกของคุณประสบความสำเร็จในโรงเรียนได้อย่างไร?
10 วิธี ช่วยลูกของคุณ เพื่อให้บรรลุ ความสำเร็จในโรงเรียน...
- เข้าร่วมการกลับบ้านและการประชุมผู้ปกครองและครู …
- เยี่ยมชม la โรงเรียน และเว็บไซต์ของคุณ …
- สนับสนุนความคาดหวังของการบ้าน …
- ส่งถึงคุณ บุตรชาย ไปยัง โรงเรียน พร้อมที่จะเรียนรู้
พ่อแม่คาดหวังอะไรจากโรงเรียน?
ความคาดหวังที่ว่า พ่อแม่ และมารดาจากโรงเรียนเข้ามามีบทบาทในความสัมพันธ์แบบครอบครัว-โรงเรียน เรียกร้องการเตรียมตัวอย่างมีคุณภาพ การฝึกอบรมด้านค่านิยม การเอาใจใส่ในความแตกต่างของแต่ละบุคคล การรับประกันความปลอดภัยและการคุ้มครองในศูนย์ ทางการศึกษา, เชื่อมต่อกับโลกของการทำงานและการเตรียมความพร้อมสำหรับ ...
ความคาดหวังของโรงเรียนคืออะไร?
ลา ความคาดหวัง คุณวุฒิการศึกษาของนักเรียนหมายถึงระดับการศึกษาสูงสุดที่พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะบรรลุในอนาคต เป็น ความคาดหวัง ไม่เพียงได้รับอิทธิพลจากการวิเคราะห์ทักษะและความสนใจส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมของครอบครัวและ โรงเรียน ที่นักเรียนพัฒนา
คุณหวังว่าลูกของคุณจะเรียนรู้อะไรในโรงเรียนอนุบาล?
ใน ก่อนวัยเรียนคุณ เด็กจะต้องได้รับความรู้และทักษะบางอย่างที่เตรียมเขาให้พร้อมสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ XNUMX ทักษะการเข้าสังคม คือ การรู้จักมีส่วนร่วมอย่างกลมกลืนใน un รวมกลุ่มและอยู่กับคนอื่นและต้องการเป็นเหมือนเพื่อนของพวกเขา7. ...
อยากให้ลูกเรียนรู้อะไร?
เป็นเจ้าของ su ชีวิต มี un ตำแหน่งการควบคุมภายใน ไม่ทิ้ง su ชีวิตอยู่ในกำมือของโชคหรือโชคชะตา อย่าหาข้อแก้ตัว เรียน เพื่อแยกความแตกต่างของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้และสิ่งที่ไม่สามารถ ยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้และถูกกำหนดต่อหน้าผู้ที่สามารถ
กลยุทธ์ในการบรรลุความสำเร็จของโรงเรียนมีอะไรบ้าง
10 คีย์เพื่อให้แน่ใจว่า ความสำเร็จ โรงเรียน
- ภาคภูมิใจในตนเองสูง. …
- ครูที่ดี. …
- มีเวลาเรียนมากขึ้น …
- การกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง …
- ครอบครัวและโรงเรียนออนไลน์ …
- การอ่านมีวัตถุประสงค์ …
- ห้องสมุดที่ดี …
- ด้วยบรรยากาศแบบครอบครัว
ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ของฉัน
สิ่ง 7 นี้ คุณมี จะทำอย่างไรเพื่อปรับปรุง el การเรียนรู้
- 1.- ดื่มน้ำ …
- 2.- ออกกำลังกายร่างกายและสมองของคุณ …
- 3.- กินผลไม้ที่มีสีเข้ม …
- 4.- ใช้เวลาอยู่กลางแดด …
- 5.- ความฝัน …
- 6.- โภชนาการและสุขภาพทางอารมณ์ …
- 7.- กลยุทธ์การลดความเครียด
พ่อแม่คาดหวังอะไรจากลูก?
มันบ่อย นี้ el พ่อ รอของคุณ บุตร รักเป็นเงื่อนไขเดียว ถ้าตีความแบบนั้นจะไม่เข้าใจ นี้ สำหรับ นี้ ลิงค์นั้นเจริญรุ่งเรืองจะมี นี้ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยการหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่แรกเกิดและ นี้ เราจะอยู่ต่อหน้าการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลความผูกพัน
พ่อแม่คาดหวังอะไรจากครู?
ลอส พ่อแม่รออยู่ จาก ครูผู้สอน ความช่วยเหลือและคำแนะนำเพื่อให้สามารถบรรลุภารกิจที่สำคัญนี้และแน่นอนความมั่นใจในการแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้น
ความคาดหวังและตัวอย่างคืออะไร?
La การคาดหมาย เป็นความเป็นไปได้ที่สมเหตุสมผลของ นี้ เหตุการณ์เกิดขึ้น … โดย ejemplo, บุคคลสามารถมี การคาดหมาย เพื่อรับโปรโมชั่นในงานของคุณ ซึ่งแสดงผลงานได้ดีและเพราะว่าผู้บังคับบัญชาได้กล่าวไว้แล้ว นี้ การเลื่อนตำแหน่งดังกล่าวเป็นไปได้
ความช่วยเหลือด้านการศึกษาคืออะไร?
การแนะนำ เครื่องช่วยการศึกษา เป็นองค์ประกอบหรือแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการสอนและการเรียนรู้และช่วยเพิ่มความเข้าใจในหัวข้อ
คุณเขียนความคาดหวังอย่างไร
การสะกดที่ถูกต้องคือ'การคาดหมาย' กับ x ตาม RAE และพจนานุกรมอื่น ๆ ความคาดหวังคือ กำหนด ในขณะที่ 'ความหวังหรือสถานการณ์ในการได้อะไรจากคน' ไม่ว่าจะมีโอกาสดีหรือไม่ก็ตาม
คงเป็นเรื่องปกติมากๆ ที่พ่อแม่อยากที่จะให้ลูกคนหนึ่งประสบความสำเร็จ และเป็นเด็กที่สมบูรณ์แบบ ไปซะทุกๆ เรื่อง ซึ่งพ่อแม่แต่ละคนก็มีความคาดหวังที่ไม่เท่ากัน ยิ่งลูกโตขึ้นความคาดหวังของพ่อแม่ก็มากขึ้นไปด้วย ซึ่งการคาดหวังของพ่อแม่นั้นหากมากเกินไปมันจะส่งผลดีผลเสียยังไงกับลูกบ้าง และแบบไหนที่เรียกว่าพอดี วันนี้ทางผู้เขียนจะมาบอกถึงข้อดีและข้อเสียกัน ไปดูกันเลย
เรามาดูกันก่อนนะคะว่า พ่อแม่แบบไหนที่แสดงให้เห็นว่าเป็น “คุณพ่อคุณแม่ที่คาดหวังลูกมากเกินไป” ซึ่งได้แก่
- พ่อแม่ที่ติมากกว่าชม : เพราะพ่อแม่บางคนรับไม่ได้กับความผิดหวังหรือผิดพลาดของลูก ทำให้เมื่อไหร่ก็ลูกทำไม่ดีขึ้นมาพ่อแม่ก็คอยจะติ ซึ่งการที่ลูกเผชิญกับคำติที่มากเกินไป มันจะกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายกับตัวเด็กได้ เพราะฉะนั้นควรมองด้านดีของลูกและแสดงคำชื่นชมกับเขา ดีกว่ากดดันเขาด้วยคำพูดที่ติดลบค่ะ
- พ่อแม่ชอบเปรียบเทียบ : ซึ่งข้อนี้ถือว่าไม่ดีมากๆ เพราะการตอกย้ำในบางเรื่องจะทำให้เด็กๆ ต้องกดดันและพยายามแข่งขันด้วยการเอาชนะอยู่ตลอดเวลา หากพลาดขึ้นมาเขาก็อาจจะเสียใจมากหรือไม่ทำในสิ่งนั้นอีกเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นพยายามสอนให้ลูกแข่งขันกับตัวเองมากกว่าที่จะเอาลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ สอนให้เขาใช้ทักษะด้วยการฝึกฝนโดยไม่ต้องสนใจคนรอบข้างและเอามาเป็นข้อเปรียบเทียบกับเขานั่นเองค่ะ
- คาดหวังลูกจนอารมณ์เสียบ่อย : การกดดันลูกไม่ใช่เพียงแค่ลูกจะรับรู้ความรู้สึกได้เพียงคนเดียวนะคะ พ่อแม่ก็รู้สึกกดดันในความคาดหวังด้วย เมื่อไหร่ที่ลูกทำไม่ได้ดั่งใจ พ่อแม่ก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากพ่อแม่คนไหนเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าคุณเป็นคนที่ชอบกดดันและคาดหวังลูกจนไปนั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นการกดดันไม่ใช่ทางออกที่คุณหรือว่าลูกจะประสบความสำเร็จหรอกนะคะ มันจะทำให้แย่ลงต่างหาก ทางที่ดีควรหาความพอดี และสอนลูกให้ทำให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องคาดหวังจะดีกว่าค่ะ
- พ่อแม่ที่คอยควบคุมทุกอย่าง : เพราะการคาดหวังก็มักจะมาพร้อมกับการควบคุม และการควบคุมก็จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ยิ่งเสี่ยงที่จะเป็นพ่อแม่ที่กดดันและชอบคาดหวังลูกสูงเกินไปนั้นเอง โดยเรื่องที่จะควบคุมง่ายๆ อย่างเช่น บังคับให้ทำการบ้าน งานบ้าน ขนาดเล่นก็ต้องบังคับ เพื่อให้เป็นดั่งใจที่พ่อแม่หวัง ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้เด็กๆ รู้สึกอึดอัดและไม่เป็นอิสระ จะทำอะไรก็ทำอย่างไม่มั่นใจ บางทีคุณพ่อคุณแม่เองก็ควรจะให้เขาได้ลองผิดลองถูกจะดีกว่านะคะ ลองให้เขาได้เห็นผลลัพธ์ในสิ่งที่เขาทำ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับลูกในทางที่ดีต่อๆ ไปนั่นเองค่ะ
ควาดหวังแบบไหนถึงเรียกว่าพอดี
1. ต้องคาดหวังให้ตรงกับศักยภาพของลูก
พ่อแม่เองต้องคอยหมั่นสังเกตว่าลูกชอบหรือถนัดอะไรเป็นพิเศษ และคอยสนับสนุนเขาในด้านนั้นๆ แทนการบังคับหรือกดดัน เพียงเพราะความคาดหวังของเรา เพราะการคาดหวังในสิ่งที่ลูกไม่ถนัดนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเด็กแต่ละคนก็มีความถนัดเป็นของตัวเองแตกต่างกันไป หากพ่อแม่ทราบว่าลูกถนัดอะไร จุดด้อยจุดเด่นคืออะไร ก็คอยส่งเสริมให้ถูกทางจะดีกว่าค่ะ เพราะสิ่งที่ลูกทำนั้นหากเป็นสิ่งที่ลูกชอบหรือรัก เชื่อเลยว่าสิ่งนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
2. ต้องคาดหวังแบบร่วมด้วยช่วยกัน
ข้อนี้ถือว่าต้องใช้ความร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายเลย ระหว่างลูกและผู้ปกครอง เพื่อตัดสินใจในแนวทางและความคาดหวัง ถือแม้ว่าเรื่องที่ลูกคาดหวังอาจจะเป็นไปได้อยาก แต่ก็อยากให้พ่อแม่ลองเปิดใจรับฟังไว้เสียก่อน ให้เขาได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น จะทำให้เด็กๆ เข้าใจเหตุผลของพ่อแม่ในการตัดสินใจมากขึ้น และเด็กๆ จะยินดีที่จะปฏิบัติตามที่เราบอก โดยเป็นแนวทางที่ถูกคนลงความเห็นด้วยกันแบบไม่ต้องบังคับ กดดัน วิธีนี้ถือว่าจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่กับเด็กได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
3. ต้องคาดหวังแบบไม่น้อยและไม่มากเกินไป
พ่อแม่ที่คาดหวังมากไป ก็จะทำให้เด็กมีปฏิกิริยาต่อต้าน และส่งผลต่อจิตใจเด็กเมื่อเขาผิดหวัง แต่หากน้อยเกินไปหรือไม่คาดหวังเลย ก็จะทำให้เด็กๆ ขาดความรับผิดชอบ ขาดระเบียบวินัย ในการทำสิ่งต่างๆ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเดินทางสายกลาง โดยการคาดหวังที่พอดีไม่กดดันจนลูกรู้สึกแย่ หรือเรียกว่า เอาใจใส่ลูกมากกว่าที่จะกดดันหรือคาดหวังลูกจะดีกว่า คอยอยู่เคียงข้างเขาให้เขาได้ลองทำในสิ่งต่างๆ แบบที่มีเราคอยเป็นเทรนเนอร์ที่ดีจะดีกว่าค่ะ
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญเลยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากเป็นพ่อแม่ที่คาดหวังลูกมากเกินไปนั้น ก็คือ การวางความคาดหวังไว้บนความต้องการของลูก และพร้อมที่จะผลักดันและเป็นกำลังใจให้ลูกมากกว่าที่จะเป็นคนที่คอยคาดหวัง ลองให้อิสระในความคิดและชีวิตของลูก และคอยเป็นสิ่งที่ช่วยดึงเมื่อลูกล้ม ก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่กดดัน และเราเองก็จะเป็นพ่อแม่ที่ไม่คาดหวังจนลูกกลายเป็นเด็กที่อมทุกข์ตลอดไปนั่นเองค่ะ