ปลดล็อกแอปธัญวลัย (แอนดรอยด์)
เนื่องจากเหตุผลทางเทคนิคบางประการ ทำให้ผู้ใช้งานแอปธัญวลัยบนแอนดรอยด์ต้องทำการยืนยันเพื่อปลดล็อกระบบทั้งหมดของแอปก่อน จึงจะสามารถใช้งานแอปได้เหมือนเดิม
หากท่านอยากให้แอปกลับมาเป็นเหมือนเดิม กรุณากด "ยืนยัน"
34
แม้วันนี้จะเป็นวันว่างของขวัญข้าว วันที่เธอมีเรียน ไม่ต้องไปซ้อมละคร แต่ก็ยังมีคนหางานมาให้เธอทำจนไม่ได้นอนพักสบาย ๆ อยู่ที่บ้านอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมทำตามความต้องการของชายหนุ่มไปเสียทั้งหมด เธอต่อรองเขาด้วยการขอไปทำทำงานของเธอที่เรือนกระจกบนชั้นดาดฟ้า
“ทำไมต้องหนีพี่ไปนั่งทำงานที่เรือนกระจกด้วย ห้องทำงานพี่ก็ออกจะกว้างขวาง แอร์ก็เย็นสบาย”
“ขวัญชอบความเย็นที่มาจากธรรมชาติมากความเย็นที่มาจากเครื่องปรับอากาศค่ะ แล้วที่นั่นก็บรรยากาศดี ช่วยให้ขวัญทำงานออกมาได้ดี งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะคะ”
“ไม่ พี่จะไปส่งขวัญก่อน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้เอง ขวัญไปคนเดียว รับรองว่าไม่หลงทางแน่นอน”
“พี่ไม่ได้กลัวขวัญจะหลงทาง แต่พี่กลัวว่าจะมีหนุ่ม ๆ มาขายขนมจีบให้เมียพี่ต่างหาก”
“คนบ้า พูดออกได้ไม่อายปาก”
“ไม่อายหรอก พูดความจริงทำไมต้องอาย ขวัญรู้มั้ยว่าพี่อึดอัดมากแค่ไหนที่ต้องปิดเรื่องของเราเป็นความลับ พี่อยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็น...”
ขวัญข้าวรีบเอื้อมมือไปปิดปากชายหนุ่มเอาไว้ก่อนที่เขาจะตะโกนเสียงดังประกาศความลับระหว่างเขากับเธอให้ประชาชีได้รับรู้ “รอไปก่อนนะคะสุดหล่อ อีกสี่ห้าเดือนถ้ายังไม่หมดรักกันค่อยมาพูดคำนั้นใหม่ แต่ตอนนี้สุดหล่อต้องไปทำหน้าที่ท่านรองประธานได้แล้ว มีพนักงานอีกหลายชีวิตรอท่านรองไปเปิดการประชุมอยู่นะคะ”
“ให้รอนิดรอหน่อยจะเป็นไรไป” ท่ารองประธานสุดหล่อยังทำงอแงไม่ยอมกลับไปทำงานง่าย ๆ
ขวัญข้าวไม่รู้จะงัดเอาวิทยายุทธ์บทไหนมาจัดการให้เด็กโข่งยอมกลับไปทำงาน สุดท้ายเธอก็เลือกวิทยายุทธ์บทสุดท้าย ไม้ตายสำหรับเธอ แขนเรียวโอบรอบลำคอของชายหนุ่มโน้มร่างสูงให้ใบหน้าเคลื่อนย้ายมาอยู่ในระดับเสมอกัน ให้เธอสามารถประกบริมฝีปากมอบจุมพิตอ่อนหวานเป็นกำลังใจให้เด็กโข่งมีแรงทำงาน เด็กโข่งพึ่งพอใจกับวิธีการของหญิงสาวมาก ๆ และจากเป็นฝ่ายตั้งรับก็เปลี่ยนตัวเองมาเป็นฝ่ายรุกเสียเองเปลี่ยนจุมพิตอ่อนหวานเป็นจุมพิตร้อนแรงดังเพลิงเผา อาศัยช่วงจังหวังที่หญิงสาวเผยอขออากาสหายใจสอดลิ้นอุ่นเขาไปในโพรงปากหยอกล้อกับลิ้นนุ่ม และเมื่อปล่อยร่างกายให้ทำตามจิตใจ มือไม้ก็เริ่มไม่อยู่นิ่ง มันเริ่มทำหน้าที่เป็นนักสำรวจตรวจตามืออาชีพ สำรวจเรือนร่างของหญิงสาวที่ซุกซ่อนอยู่ใต้อาภรณ์เนื้อนิ่ม เมื่อเนื้อแท้ต้องมือชายความเสียวซ่านก็บังเกิดขึ้น เส้นขนบนเรือนกายพากันลุกฮือ และเมื่ออกสวยถูกครอบครองคลึงเค้นด้วยสองมือของนักสำรวจสุดหล่อ สมองสองฝั่งก็ตีกันจนหญิงสาวเกิดความสับสน ชายหนุ่มสัมผัสได้ความผิดปกติของเรือนร่างในอ้อมกอด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเขามีวิธีจัดการกับมัน “ขวัญผมขอนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากขออนุญาตเสียงหวานข้างใบหู
แม้จะรู้ว่าไม่ควรอนุญาตให้เขาทำตามใจ แต่เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนวาวระยับเธอก็อดใจอ่อนพยักน้อย ๆ แทนคำตอบ
ชายหนุ่มดีใจเหมือนลิงโลด ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปอย่าไร้ค่า ช้อนร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน พาไปที่ห้องพักส่วนตัว ส่งคีย์การ์ดให้หญิงสาวช่วยรูดเพื่อเปิดประตูห้องพัก แต่ก็เหมือนจะไม่ทันใจหนุ่มใหญ่ใจร้อน เมื่อประตูปลดล็อกเขาก็ใช้เท้าถีบประตูเปิดออกกว้างก่อนจะดันมันปิดด้วยวิธีเดิม เขาพาร่างบางมาวางที่เตียงนุ่มสีขาวสะอาดตา
“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย”
“ก็ผมอยากรักขวัญเร็ว ๆ นี่ครับ คิดถึงจะแย่”
“คนลามก พูดอะไรไม่อายปาก”
คนถูกกล่าวหน้าว่าหน้าไม่อายรีบสลัดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากเรือนกายจนเหลือแต่เนื้อแท้ แม้จะเคยเห็นเรือนร่างนี้มาหลายครั้งหลายคราแต่เธอก็ยังไม่กล้าจ้องมองเรือนร่างงดงามแบบเต็มตา “อายเหรอครับ งั้นเพื่อความเสมอภาคขวัญก็ต้องถอดเหมือนกัน” มือใหญ่ลงมือปฏิบัติการปลดเปลื้องชุดสวยออกจากเรือนร่างงาม จากนั้นอาภรณ์ชิ้นน้อยที่ปลดตะขอออกไว้เรียบร้อยแล้วก็ปลิวไปกองอยู่ที่เดียวกับชุดสวย และตอนนี้บนเรือนร่างงามก็เหลือเพียงปราการชิ้นน้อยด่านสุดท้ายที่ใช้ปกปิดดอกไม้งาม มือร้ายเลงเป้าไปที่ปราการชิ้นน้อยเกี่ยวติดมือแล้วค่อย ๆ รูดมาออกไปตามเรียวขางาม ดวงตาสีนิลมองสำรวจประติมากรรมชิ้นงาม “ที่นี่เราสองคนก็เหมือนกันแล้ว เลิกอายได้หรือยังครับ” มือร้ายยังไม่สิ้นฤทธิ์ไต่กลับมาตามเส้นทางเดิมก่อนจะแวะไปทักทายหยอกเย้ากับกลีบดอกไม้งามทามกลางแพรไหม สร้างความเสียวซ่านให้กับเจ้าของดอกไม้งามจนส่งเสียงร้องกระเส่า
“พี่หนึ่งขา ช่วยขวัญด้วย ขวัญทรมาน” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยเสียงหวานร้องขอสิ่งเติมเต็ม
ไม่ใช่แค่หญิงสาวที่รู้สึกทรมานชายหนุ่มเองก็รู้สึกเจ็บปวดหนึบที่แก่นกายกลางร่าง “พี่ก็ทรมานเหมือนกัน” ร่างสูงใหญ่เคลื่อนกายขึ้นมาคอมทับร่างบางกลางเตียงกว้าง แทรกกายไว้ตรงกางขาเรียวงาม จัดขาเรียวให้เกาะเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ แล้วฝังอาวุธร้ายประจำกายเข้าไปจนลึกสุดทาง ฝากฝังอาวุธคู่กายไว้ในช่องทางเร้นลับเพื่อให้เกิดความคุ้นชิน
“คนบะ...อะ อ้า อืม...” หญิงสาวกำลังจะต่อว่าร่างใหญ่ที่ฝังกายเข้ามาอยู่ตัวเธอแล้วไม่ยอมขยับเขยื้อนจนเธอรู้สึกคับแน่น แต่เสียงนั้นก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่าแทน เมื่อร่างใหญ่วาดลวดลายลีลา ขยับเข้าออกช้า ๆ ไปตามจังหวังอารมณ์ และค่อย ๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามแรงพิศวาส ในจังหวังที่ชายหนุ่มเคลื่อนกายเข้าออกสุดแรง สุดปลายทางหญิงสาวก็เดินทางไปแตะขอบสวรรค์ ชายหนุ่มเร่งจังหวังเกมรักเพื่อตามหญิงไปให้ทัน เขาถอดความเป็นชายออกมาเกือบหมดก่อนจะสอดกลับเข้าไปจนสุดทาง เสียงกรีดร้องดังลั่นห้องเมื่อสองร่างพากันไปถึงดินแดนสรวงสรรค์ ชายหนุ่มพลิกกายลงนอนที่เตียงกว้างแต่ยังไม่ยอมถอดถอนตัวตนออกจากร่างงาม ฝังตัวตนไว้ในช่องทางรักเพื่อปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าสู่กายสาว หญิงสาวรู้อุ่นวาบในช่องท้อง การร่วมรักครั้งนี้เธอรู้สึกว่ามันอิ่มเอมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
แม้จะยอมเคลื่อนกายออกจากช่องทางรักแล้ว แต่ชายหนุ่มยังไม่ยอมขยับกายลงจากเตียง คว้าร่างบางมากอดไม่แนบอก อกอวบอิ่มเบียดเสียดกับอกกว้างทำให้คนที่เพิ่งจะเสร็จกิจกามไปเมื่อไม่กี่นาทีเกิดความต้องการจะรักขึ้นมาอีกครั้ง
หญิงสาวรีบผลักอกกว้างให้ห่างจากกายเปลือยเปล่าเพราะเธอสัมผัสได้การตื่นตัวของอาวุธร้ายกลางกายหนุ่ม “ไม่ค่ะ ครั้งนี้ยังไงก็ต้องไปทำงาน แค่นี้ก็สายมาแล้วนะคะ”
“ใครว่าผมสาย ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 10 นาทีกว่าจะถึงเวลาเข้าประชุม”
“แต่นี่มัน 9 โมงกว่าแล้วนะคะ”
“นาฬิกาขวัญไม่ได้เสียหรอก แต่ที่พี่บอกว่ายังเหลือเวลาก็เพราะวันนี้ประชุมเลื่อนเป็น 10 โมง พี่ยังไม่ได้บอกขวัญเหรอครับ”
หญิงสาวสะบัดหน้าหนีด้วยความงอนที่เขาหลอกให้เธอรู้สึกแย่ที่ทำให้เขาเสียการเสียงาน
“ขวัญ หันมาคุยกันดี ๆ ถ้าหันมาพี่จะยกเลื่อนการประชุมไปเป็นวันอื่นจริง ๆ ด้วย สำหรับพี่ไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าการทำให้คนที่รักมีความสุข”
หญิงสาวค่อย ๆ พลิกหายกลับมานอนในท่าเดิม ฝังใบหน้าเนียนไว้กับอกกว้าง “ขวัญไปงอนแล้ว พี่หนึ่งไปทำงานเถอะค่ะ”
“แน่ใจว่าไม่งอน”
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่น ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองสบตา
ชายหนุ่มสัมผัสได้กับความผิดปกติ เขาดันร่างบางให้ขยับออกห่างจากอกกว้าง ชายหนุ่มตกใจที่เห็นดวงตากลมสวยมีหยาดน้ำใส ๆคลออยู่เต็มหน่วยตา “ขวัญเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
หญิงสาวไม่สามารถตอบคำถามที่ชายหนุ่มเอ่ยถามมาได้ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ไม่ร้องนะครับคนดี” ชายหนุ่มบรรจงจุมพิตแผ่วเบาที่ดวงตาคู่งามช่วยซับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา “ไม่ร้องไห้แล้วนะ เด็กน้อยขี้แย”
“ขวัญโตแล้วนะคะ ไม่ได้เป็นเด็กน้อยเสียหน่อย”
“ตัวนะโตแล้ว เต็มไม้เต็มมือด้วย แต่ว่านิสัยเนี่ยไม่ต่างกับเจ้าสองแสบเลย เรื่องนี้เราต้องคุยกันอีกยาว เอาไว้ประชุมเสร็จพี่จะมาเคลียร์” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าไปฝากจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนจะดันกายลุกจากเตียง เดินโชว์หุ่นสวยไร้อาภรณ์ปกปิดไปหยิบชุดทำงานชุดใหม่ในตู้สวมใส “ที่รักครับ ไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าเหนื่อยก็นอนพักที่นี่ เดี๋ยวประชุมเสร็จจะมาหา”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขวัญอยากไปทำงานต่อมากกว่า”
“ถ้าลุกไหวก็ตามใจ แต่ตอนนี้ขอกำลังใจก่อนไปทำงานหน่อยนะ” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปให้หญิงสาวหอมแก้มซ้ายขวาก่อนจะออกไปทำงาน
หลังจากชายหนุ่มออกไปจากห้องได้ไม่นานหญิงสาวก็ลุกขึ้นจัดการกับตัวเองบ้าง แต่เธอไม่ได้ไปนั่งทำงานที่เรือนกระจกอย่างที่บอกชายหนุ่มไว้ หญิงสาวเดินออกจากโรงแรมหรูไปที่ร้านขายยา ยื่นมือไปรับยาที่ต้องการพร้อมจ่ายเงิน หญิงสาวรู้สึกกังวลมาก ๆ กับการร่วมรักครั้งนี้ แม้จะมั่นใจว่าชายหนุ่มรักเธอและพร้อมจะรับผิดชอบหากเธอตั้งครรภ์ แต่หญิงสาวไม่ต้องการให้ลูกของเธอเกิดมาพร้อมกับคำว่าไม่พร้อม ยาเม็ดเล็ก ๆ สองเม็ดที่ได้รับจากเภสัชกรถูกนำไปวางที่โคนลิ้นก่อนจะตามด้วยน้ำเปล่าอึกใหญ่ เมื่อรู้สึกเบาใจหญิงสาวก็กลับไปนั่งทำงานที่เรือนกระจกชั้นดาดฟ้า
การประชุมครั้งนี้ไม่มีปัญหามากนัก เพราะผู้บริหารทุกคนต่างให้ความไว้วางใจท่านรองประทานหลังจากเขาได้พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานมากมาย ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือเรือนงามขึ้นดูเวลาพบว่าใกล้เวลารับประทานอาหารกลางวันแล้วเลยตั้งใจว่าจะไปหาหญิงสาวที่เรือนกระจกแล้วพาไปทานข้าวด้วยกัน ระหว่างที่กำลังเดินไปหาหญิงสาวโทรศัพท์มือถือที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทก็ส่งเสียงดังขึ้น ก่อนจะกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขของเพื่อนสนิท “ว่าไงไอ้พี นึกยังไงโทรมาหาฉันได้ วันนี้ไม่มีสาว ๆ ให้ควงหรือไง ถึงคิดถึงเพื่อนได้”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องสาว ๆ ฉันมีเรื่องด่วนมาก ๆ ต้องการความช่วยเหลือจากแก แต่ฉันไม่อยากคุยผ่านโทรศัพท์ แกพอจะเดินทางมาหาฉันที่ตรังได้มั้ย วันนี้เลยได้ยิ่งดี"
“ด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ ด่วนมาก ๆ เลยเพื่อน”
“ถ้าเป็นเรื่องงาน ฉันก็ตกลง ฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุด แต่แกช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังคราว ๆ ก่อนได้มั้ย ไม่งั้นฉันต้องอกแตกตายก่อนถึงตรังแน่ ๆ”
พีระพงศ์เล่าเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นในรีสอร์ทให้วีรพลฟังคราว ๆ ตามคำขอ
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเพียงแค่ได้รับรู้รายละเอียดบางส่วน “เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” ชายหนุ่มพูดแค่นั้นก็กดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่เสื้อสูทไว้ตามเดิม
ขวัญข้าวได้ยินเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นก็ละสายตาจากงานหันไปมอง หญิงสาวสัมผัสได้กับความตรึงเครียดที่แผ่ออกมาจากดวงตาสีนิลของชายคนรัก “หน้าเครียดเชียว ประชุมมีปัญหาเหรอคะ”
“เปล่าหรอก เรื่องที่นี่เรียบร้อยดี แต่ที่มีปัญญาคือรีสอร์ทที่ตรัง ไอ้พีมันโทรมาบอกพี่ว่ามีคนลอบทำร้ายพนักงาน แล้วตอนนี้ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และตอนนี้เราก็สงสัยว่าเป็นการกระทำของคนในที่ถูกส่งตัวมาจากรีสอร์ทคู่แข่ง จริง ๆ แล้วปัญหาแค่นี้ไอ้พีมันจัดการได้สบาย ๆ อยู่แล้ว แต่มันติดที่ว่าไอ้พีต้องเดินทางไปประชุมที่ประเทศอังกฤษเย็นนี้ พี่ก็เลยว่าจะลงไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“พี่หนึ่งต้องไปกี่วันคะ”
“พี่ไม่รู้ ถ้าตกลงกันได้ก็ไม่น่าจะเกินสามวัน”
“ขวัญอยากไปด้วยจังเลยค่ะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ขวัญต้องอยู่ซ้อมละคร อาทิตย์หน้าก็ต้องขึ้นแสดงจริงแล้ว”
“ไม่เป็นไร พี่ไปคนเดียวได้ อีกอย่างพี่ก็ไม่อยากให้ขวัญไปเจอเรื่องวุ่นวายเหมือนกัน จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยพี่จะรีบกลับมานะครับ”
“ค่ะ ขวัญจะรอพี่หนึ่งกลับมาดูขวัญแสดงละครนะคะ”
“เสร็จธุระเมื่อไหร่พี่จะรีบกลับมาทันที พี่ไม่ยอมให้ไอ้เจ้าชายจอมขี้หลีมันทำเกินเลยกับแฟนของพี่หรอก”
“หึงอีกแล้ว ขวัญบอกพี่ครั้งแล้วค่ะ ว่าน้องโดมก็เป็นแค่รุ่นน้องคนหนึ่งเท่านั้น นอกจากแสดงละครด้วยกันแล้ว ขวัญไม่ได้ติดต่อกับน้องเขาเลย”
“ก็ไม่แน่หรอก ละครจบแต่หมอนั่นอาจจะไม่ยอมจบก็ได้”
“เรื่องงานยังมีให้คิดมากไม่พอเหรอคะ ถึงเก็บเรื่องหยุบหยิบพวกนี้ไปคิดมากอีก”
“ถ้าไม่อยากให้พี่คิดมาก ขวัญก็ต้องสัญญาว่าจะไม่สนใจผู้ชายคนไหนทั้งนั้น”
“ถ้าขวัญสัญญาแล้วพี่หนึ่งสบายใจ ขวัญก็ตกลงค่ะ”
“น่ารักที่สุดเลย เมียใครเนี่ย”
“เมียคุณวีรพลค่ะ”
“เมียสวยน่ารักขนาดนี้ นายวีรพลก็ต้องทั้งหล่อ ทั้งเท่ มาก ๆ แน่นอนเลย”
“คนหลงตัวเอง” หญิงสาวต่อว่าด้วยน้ำเล่น ๆ ก่อนเอ่ยถามข้อสงสัย “พี่หนึ่งจะเดินทางวันนี้ จองตั๋วเครื่องบินหรือยังคะ”
“ยัง เพราะพี่จะขับรถไปเอง ช่วงนี้ตั๋วเครื่องบินในประเทศหายาก ใกล้เทศกาลนักท่องเที่ยวเยอะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับที่รัก พี่สัญญาว่าจะขับรถด้วยความระมัดระวัง แต่ตอนนี้เราต้องรีบกลับบ้าน พี่ต้องกลับไปเอาเอกสารสำคัญ ยิ้มหน่อยนะครับคนดี ทำหน้าบูดแบบนี้ไม่น่ารักเลย” ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือแตะที่มุมปากของหญิงสาว ฉีกริมฝีปากของหญิงสาวให้กรีดยิ้ม
ขวัญข้าวระบายยิ้มหวานให้คนรักสบายใจ เธอไม่อยากให้เขาคิดมาก แค่เรื่องงานมันก็หนักหนามากพอแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านหญิงสาวช่วยจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางให้ชายหนุ่ม เสร็จเรียบร้อยก็เดินไปช่วยชายหนุ่มแต่งตัว
“ทำไมทำหน้าเศร้าอีกแล้วครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิคะ ขวัญรู้สึกแปลก ๆ มันบอกไม่ถูก” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับช่วยติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขา
“ขวัญทำหน้าเศร้าแบบนี้พี่ไม่สบายใจเลย งั้นพี่ไม่ไปดีกว่า พี่จะโทรบอกไอ้พีเดี๋ยวนี้ ให้มันอยู่จัดการปัญหาที่รีสอร์ท ส่วนประชุมค่อยหาคนอื่นไปแทน”
“พี่หนึ่งไปทำงานเถอะนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงขวัญหรอก ขวัญอยู่ที่นี่มีคุณแม่ มีนายวัน มีป้าพิมพา หนูนิ่ม นายไม้ เพื่อน ๆ อีกเป็นตั้งหลายคน รีบไปทำงาน แล้วรีบกลับมานะคะ ขวัญจัดกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว”
“พี่รู้นะว่าขวัญเป็นห่วงที่พี่ขับรถไปคนเดียว เอาแบบนี้ดีมั้ย ระหว่างทางพี่จะโทรศัพท์คุยกับขวัญ ว่าแต่เราเถอะเตรียมเรื่องไว้เยอะ ๆ นะ”
“ไม่ต้องมาท้าเลย เรื่องเล่าขวัญมีเยอะนะจะบอกให้”
“เยอะไม่กลัว กลัวไม่เยอะ แต่ก่อนอื่นขอรางวัลก่อนไปทำงาน ไม่ได้เจอตั้งหลายวันพี่ต้องคิดถึงขวัญมาก ๆ แน่เลย”
“ไม่ต้องมาปากหวานเลย ขวัญกลัวว่าไปเจอสาว ๆ ที่นั่นแล้วจะลืมขวัญเสียมากกว่า”
“ใครจะลืมคนน่ารักได้ลงละครับ เร็วสิ ขอรางวัลหน่อย”
ขวัญข้าวเขย่งปลายเท้าขึ้นเต็มความสูงโน้มใบหน้าฝากจุมพิตนุ่มนวลที่แก้มสากทั้งสองข้าง และปิดท้ายที่ริมฝีปากสวยได้รูป จากนั้นก็เดินไปส่งที่รถ ยืนรอจนรถของชายหนุ่มแล่นไปสุดสายตาจึงเดินเข้าบ้าน เธอทิ้งก้นลงนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ได้ไม่นานโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของเธอก็ส่งเสียงร้อง เธอหยิบมันออกมากดรับสายโดยไม่ต้องดูหมายเลข
“คิดถึงจังเลยครับ”
“เวอร์ไปแล้วค่ะ เพิ่งจะห่างกันไม่ถึง 10 นาที”
“ห่างกันแค่นาทีเดียวพี่ก็คิดถึงขวัญแล้วล่ะ”
หนุ่มสาวพูดคุยกันผ่านเครื่องมือสื่อสารไม่สนใจว่าเวลาจะล่วงเลยไปมากแค่ไหนหนุ่มมสาวก็ยังสรรหาเรื่องมาพูดคุยได้ไม่มีเบื่อ
“พี่ขวัญครับมิรันกลับมาแล้ว”
“อันดาก็กลับมาแล้วเหมือนกันค่ะ”
เด็กน้อยชายหญิงส่งเสียงร้องเรียกหาขวัญข้าวเสียงดังลอดเข้าไปในสายโทรศัพท์
“กลับมาจากโรงเรียนต้องทำยังไงก่อนคะ” ขวัญข้าวเอ่ยถามเด็ก ๆ เสียงหวาน
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
“เก่งมาก น่ารักแบบนี้ต้องให้รางวัลเป็นขนม ๆ อร่อย ๆ กับน้ำหวานเย็นชื่นใจเสียแล้ว”
“ไชโย” เด็กน้อยทั้งสองคนกระโดนร้องไชโยพร้อมกันด้วยความดีใจ
“อย่าเพิ่งดีใจ เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้อง อาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วเดี๋ยวพี่ขวัญจะเตรียมขนมไว้รอ ตกลงมั้ย”
“ตกลงครับ/ค่ะ”
สองพี่น้องพากันเดินขึ้นไปยังชั้นสองเอาของไปเก็บตามที่รับปากกับขวัญข้าว หญิงสาวมองภาพเด็ก ๆ ก็ระบายยิ้มออกมา คิดถึงวันที่เธอมีลูกตัวเล็ก ๆ แบบนี้เป็นของตัวเอง ไม่รู้ว่าวันนั้นเธอจะมีความสุขมากแค่ไหน
“ขวัญ ทำไมเงียบไปล่ะ”
“อุ๊ย! ขวัญขอโทษ พอดีขวัญมัวแต่คุยกับเด็ก ๆ แต่ตอนนี้ขวัญให้เอาของไปเก็บแล้วก็ ไปอาบน้ำ พี่หนึ่งถึงนครศรีธรรมราชแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ อีกไม่ประมาณชั่วไมงกว่า ๆ ก็จะถึงรีสอร์ทแล้ว ขวัญวางสายก่อนก็ได้นะ แบตโทรศัพท์ของพี่ก็ใกล้จะหมดแล้วด้วย”
“ค่ะ งั้นถ้าถึงรีสอร์แล้วโทรหาขวัญอีกครั้งนะคะ”
“ครับ รักขวัญนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยคำรักเสียงหวานก่อนจะกดตัดสายไป
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน ๆ แม้จะรู้ว่าคนปลายสายคงไม่ได้ยิน แต่เธอก็อยากจะบอกว่าเธอก็รักเขาเหมือนกัน “รักพี่หนึ่งสุดหัวใจ”
“ยืนยิ้มคนเดียวแบบนี้ กำลังมีความสุขอะไรอยู่คะ บอกนิ่มบางสิ”
“หนูนิ่ม มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขวัญตกใจหมดเลย”
“นิ่มเข้ามาตั้งนานแล้วค่ะ แต่คุณขวัญมัวแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็เลยไม่เห็นตอนที่นิ่มเดินเข้ามา เมื่อกี้นิ่มได้ยินเสียงเด็ก ๆ คุณหนูมิรันกับคุณหนูอันดากลับมาแล้วใช่มั้ยคะนิ่มจะได้ไปจัดอาหารว่างมาให้”
“กลับมากันแล้ว ขวัญให้ไปอาบน้ำอีกเดี๋ยวคงลงมา หนูนิ่มจัดอาหารวางไปให้ขวัญที่ห้องนั่งเล่นเลยแล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
ลับร่างของสาวใช้ไปไม่นานเด็กน้อยทั้งสองคนก็เดินลงบันไดมาพร้อมกับสมุดการบ้านในมืออย่างเคย “พี่ขวัญสอนการบ้านให้เราสองคนหน่อยครับ”
“ได้สิคะ ไหนพี่ขวัญขอดูหน่อย” ขวัญข้าวพาเด็ก ๆ ไปนั่งทำการบ้านที่ห้องนั่งเล่น หยิบสมุดการบ้านของเด็กชายสิมิรันมาเปิดดู แล้วก็อธิบายให้เด็กชายเข้าใจ ยกตัวอย่างให้ดู เด็กน้อยพยักหน้างึก ๆ แล้วก็รับสมุดการบ้านไปนั่งทำ จากนั้นก็หยิบของเด็กหญิงอันดามันมาเปิดดูบ้าง เธอใช้วิธีการสอนแบบเดียวกับเด็กชาย สองพี่น้องนั่งทำการบ้านของตัวเองไปเงียบ ๆ
“ขนมอร่อย ๆ มาแล้วค่ะ”
“เย้ ๆ ขนมมาแล้ว” หนูน้อยอันดามันวางดินสอเตรียมจะลงมือรับประทานขนม แต่มือของหนูน้อยก็หยุดชะงักเมื่อถูกห้ามด้วยเสียงเรียบนิ่งของขวัญข้าว
“ยังทานไม่ได้ค่ะ ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน”
“ค่ะ” หนูน้อยกลับมานั่งทำการบ้านไม่แสดงท่าทางอิดออด เมื่อการบ้านเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งทานขนมกับพี่ชายที่ทำการบ้านเสร็จก่อน
“อันนี้พี่ให้อันดา” สิมิรันแบ่งขนมส่วนของตัวเองให้น้องสาว
“ไม่เอาหรอก ของอันดาก็มี พี่มิรันกินเถอะ”
ขวัญข้าวมองภาพของเด็กน้อยทั้งสองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่แล้วเสียงมือถือก็ทำให้เธอละความสนใจจากภาพน่ารัก ๆ ของเด็ก ๆ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาดู หมายเลขที่โชว์อยู่บนหน้าจอไม่คุ้นตา “สวัสดีค่ะ ขวัญข้าวค่ะ”
“สวัสดีค่ะ เราโทรมาจากโรงพยาบาลนครศรีธรรมราชนะคะ พอดีเราได้เบอร์มือถือของคุณจากโทรศัพท์ของผู้ป่วย”
“ผู้ป่วย ใครเป็นอะไรคะ” ขวัญข้าวรู้สึกใจฝ่อ ความกลัวมุ่งเข้าโจมดี
“คือเราจะโทรมาแจ้งว่าคุณวีรพลประสบอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ แต่อาการยังไม่ทราบแน่ชัด ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับผู้ป่วยคะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากขวัญข้าวอีกเลย เพราะเธอหมดสติไปตั้งแต่ที่ทราบว่าวีรพลประสบอุบัติเหตุ โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กหล่นลงพื้นทำให้สายตัดไป เด็ก ๆ เห็นภาพร่างพี่สาวคนสวยค่อย ๆ ทรุดลงกองอยู่กับพื้นก็พากันร้องเสียงดังโวยวาย
“พี่ขวัญ พี่ขวัญ พี่ขวัญเป็นอะไรครับ” สิมันรันเขย่าร่างหมดสติของขวัญข้าวสุดแรงที่มี
“พี่มิรันพี่ขวัญเป็นอะไร ฮือ ๆ ๆ ๆ...” เด็กหญิงอันดามันร้องไห้เสียงจ้า เพราะความกลัว
คุณหญิงภัคมนต์กลับบ้านเข้ามาได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ ก็วิ่งเข้ามาดู เมื่อเห็นร่างว่าที่ลูกสะใภ้นอนหมดสติอยู่ที่พื้นก็ยิ่งเร่งความเร็วเดินเข้าไปดู “มีใครอยู่แถวนี้บ้าง เอายาดมมาให้ฉันหน่อย หนูขวัญเป็นลม”
เมื่อมีคนดูแลขวัญข้าวแล้วหนูน้อยสิมิรันก็เลยหันไปโอบกอดร่างของน้องสาวปลอบประโลมให้น้องหยุดร้องไห้ ไม่นานเสียงสะอื้นก็เงียบลง
“เด็ก ๆ บอกย่าได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ขวัญถึงเป็นลม”
“ได้ครับ พี่ขวัญคุยโทรศัพท์อยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ ก็หมดสติไปครับ” สิมิรันตอบเสียงดังฟังชัด
“ยมดมได้แล้วค่ะคุณหญิง คุณขวัญเป็นอะไรไปคะ”
“ฉันก็ไม่รู้ ตอนนี้ต้องทำให้หนูขวัญฟื้นขึ้นมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เราฟัง นิ่มพาเด็ก ๆ ไปเล่นที่อื่นก่อน ฉันมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี”
“อันดาไม่ไปค่ะ อันดาอยากอยู่กับพี่ขวัญ”
“มิรันก็อยากอยู่กับพี่ขวัญครับ”
“มิรัน อันดา ฟังย่านะลูก ตอนนี้พี่ขวัญไม่สบาย เด็ก ๆ ออกไปวิ่งเล่นกับพี่นิ่มข้างนอกก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวถ้าพี่ขวัญฟื้นย่าจะให้เด็ก ๆ เข้ามา ดีมั้ยคะ”
“เราไปเล่นวิ่งไล่จับที่สนามหญ้ารอพี่ขวัญตื่นดีกว่านะคะ”
หนูน้อยทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย ยอมเดินตามสาวใช้ไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้า เด็กน้อยออกไปได้สักพักขวัญข้าวก็รู้สึกตัว หญิงสาวกระพริบตาติดกันหลายครั้งเพื่อปรับสภาพดวงตาคุ้นชินกับแสงสว่าง สมองของเธอประมวลผลเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะหมดสติ น้ำหยดใสค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามเปรอะเปื้อนแก้มเนียนใสทั้งสองข้าง
“หนูขวัญเป็นอะไรไปลูก ร้องไห้ทำไม บอกแม่มาซิลูก” คุณหญิงภัคมนต์เอ่ยถามเสียงสั่น นางเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นน้ำตาของว่าที่ลูกสะใภ้ “หนูบอกแม่มาสิลูก”
“ พี่หนึ่งรถชนคะคุณแม่”
เพียงได้ยินประโยคบอกเล่าสั้น ๆ จากว่าที่ลูกสะใภ้หญิงสูงวัยก็แทบเป็นลมล้มพับไปอีกคน นางพิมพารีบเอายาดมให้ประมุขหญิงของบ้านดม ไม่นานนางก็มีสติกลับมาอีกครั้ง “หนูขวัญบอกแม่อีกครั้งได้มั้ย”
“พี่หนึ่งรถชน ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครศรีธรรมราชค่ะ”
“ตาหนึ่งไปทำอะไรที่นั่น”
“ รีสอร์ทที่ตรังมีปัญหา พี่หนึ่งต้องลงไปจัดการด่วน เพราะเย็นนี้คุณพีต้องเดินทางไปประชุมที่อังกฤษค่ะ” หญิงสาวเล่ารายละเอียดเท่าที่เธอทราบให้กับมารดาของชายหนุ่มฟัง
“ตาหนึ่งลูกแม่...” คุณหญิงภัคมนต์พูดได้แค่นั้นก็ทำท่าจะเป็นลมไปอีกรอบ แต่เมื่อได้สูดเอากลิ่นแอมโมเนียจากหลอดยาดมเข้าไปก็ทำให้สติกลับคืนมา “พิมพาโทรจองตั๋วเครื่องบินให้ฉันกับหนูขวัญ ขอเที่ยวบินที่ด่วนที่สุด”
“เดี๋ยวขวัญจัดการเองดีกว่าค่ะคุณแม่ ป้าพิมพาช่วยไปจัดกระเป๋าเสื้อผ้าให้ขวัญกับคุณแม่หน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ”
อย่างน้อยโชคก็ยังเข้าข้างทั้งสองคนได้ตั๋วเครื่องบินเดินทางไปนครศรีธรรมราชรอบหนึ่งทุ่ม เพราะมีคนมาคืนตั๋วพอดี ขณะที่โดยสารอยู่บนเครื่องขวัญข้าวแทบไม่ได้นอนเลย เธอร้อนใจจนนอนหลับ เป็นห่วงชายหนุ่มมาก ๆ
“ใจเย็น ๆ นะลูก พี่เค้าต้องไม่เป็นไร ลูกชายแม่เข้มแข็งอยู่แล้ว” หญิงสูงวัยเอ่ยปลอบว่าที่ลูกสะใภ้ โอบกอดร่างบางเพื่อให้ความอบอุ่น ขวัญข้าวรู้สึกดีขึ้นมากแต่ก็ยังโอบกอดร่างของคุณหญิงภัคมนต์เอาไว้จนเครื่องบินที่ทั้งสองคนโดยสารมาแตะรันเวย์ที่สนามบินจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งสองคนรีบต่อรถเดินทางไปที่โรงพยาบาลนครศรีธรรมราชทันที
“คุณแม่คะ พี่หนึ่งไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามหญิงสูงวัยขณะที่กำลังเดินเข้าโรงพยาบาลไปพร้อมกัน
“พี่หนึ่งปลอดภัย ไม่เป็นอะไรหรอกลูก อย่าคิดมากนะ”
หญิงสาวมีกำลังใจมากขึ้นเป็นกอง เธอเดินไปถามหาคนไข้ชื่อวีรพลที่เพิ่งถูกรถชนกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ ได้รับคำตอบว่าชายหนุ่มเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดและตอนนี้เข้าพักอยู่ที่ห้องพักคนไข้เรียบร้อยแล้ว หญิงรีบไปหาชายหนุ่มที่ห้องพัก ยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ผลักประตูให้เปิดออก เธอเดินไปยืนข้าง ๆ ร่างหมดสติของชายหนุ่มที่บนศีรษะมีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบ ๆ มีบาดแผลตามตัวอีกเล็กน้อย มองดูอาการภายจากบาดแผลภายนอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เธอก็เบาใจได้เพียงครึ่งเพราะไม่รู้ว่าอาการภายในจะเป็นอย่างไร หญิงสาวคว้ามือของคนป่วยมาจับไว้ น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วก็เริ่มเออล้นขอบตาออกมาอีกครั้ง
“พี่เขาปลอดภัยแล้ว ไม่ร้องไห้แล้วนะ เดี๋ยวพี่เขาตื่นขึ้นมาเห็นหนูขวัญร้องไห้จะไม่สบายใจนะลูก” คุณหญิงภัคมนต์เอ่ยพร้อมกับลูบศีรษะของหญิงสาวเพื่อปลอบโยน น้ำตาที่ไหลอาบแก้มค่อย ๆ เหือดแห้งไปจนทิ้งไว้เพียงคาบน้ำตาเท่านั้น
ก๊อก ๆ ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังนำมาก่อนจะตามด้วยเสียงพูด “หมอขอเข้าไปดูอาการคนไข้หน่อยนะครับ”
ขวัญข้าวลุกจากเก้าอี้หลีกทางให้คุณหมอเข้าไปตรวจอาการของชายหนุ่ม หญิงสาวรอจนคุณหมอปฏิบัติหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยถามอาการกับคุณหมอ “คุณหมอคะอาการพี่หนึ่งเป็นยังไงบ้าง”
“อาการภายนอกไม่น่าเป็นห่วงครับ ไม่มีบาดแผลมากนัก กระดูกก็ไม่หัก มีแค่กระดูกขาเคลื่อนนิดหน่อยเท่านั้น ทำกายภาพเดี๋ยวเดียวก็กลับมาเดินได้คล่องป่อ แต่ที่น่าเป็นห่วงคืออาการภายใน หมอตรวจพบว่าสมองของคนไข้มีเลือดซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้หมอใช้วิธีให้คนไข้ทานยาก่อน ถ้าพรุ่งนี้ตรวจดูว่าเลือดหยุดก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ถ้าไม่อาจต้องทำการผ่าตัด แต่ญาติอย่าเพิ่งกังวลไปนะครับ สิ่งที่หมอพูดเป็นแค่การคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเท่านั้น เดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรด่วนกดปุ่มเรียกได้เลยครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หญิงสาวเดินไปส่งนายแพทย์ที่ประตูแล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้อีกครั้ง เธอคว้ามกมือของชายหนุ่มมาแนบไว้ที่หน้าอกด้านซ้าย หวังให้คนไร้สติสัมผัสความความรู้สึกที่ก่อตัวอยู่ในก้อนเนื้อที่ชื่อว่าหัวใจ
คุณหญิงภัคมนต์เห็นอาการเหงาหงอยเศร้าสร้อยของว่าที่ลูกสะใภ้แล้วก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ “หนูขวัญ อีกนานกว่าพี่เขาจะตื่น แม่ว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่านะลูก”
“ขวัญไม่หิวค่ะคุณแม่”
“ไม่หิวก็ฝืนทานหน่อยนะลูก ร่างกายของเราต้องการสารอาหารไปบำรุงรักษาร่างกาย ถ้าหนูขวัญล้มหมอนนอนเสื้อขึ้นมาอีกคนแม่คงเคว้ง”
“ตกลงค่ะ ขวัญจะไปทานข้าวกับคุณแม่”
ขณะที่กำลังนั่งทานอาหารกันอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสูงวัยก็ส่งเสียงร้องดัง ใช้เวลาค้นหาต้นต่อของเสียไม่กี่วินาทีก็เจอ นางหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วออกมากดรับสาย
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่ ทำไมที่บ้านไม่มีคนอยู่เลย”
“ตอนนี้แม่กับหนูขวัญอยู่ที่โรงพยาบาลนครศรีธรรมราช ตาหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”
“พี่หนึ่งไปทำอะไรที่นั่น แล้วพี่หนึ่งเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
คุณหญิงภัคมนต์เล่าลายเอียดเท่าที่รู้ให้บุตรชายคนเล็กฟัง “แม่ฝากวันดูแลทางนู้นด้วยนะลูก"
“ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบตามไปนะครับ”
“จ๊ะ”
“วันโทรมาเหรอคะ”
“จ๊ะ ตาวันสงสัย กลับถึงบ้านไม่มีใครอยู่ก็เลยโทรมาถาม แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะรีบตามมา แม่จะได้ให้ไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่รีสอร์ทแทนตาหนึ่งด้วย”
“ขวัญก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ”
ทั้งสองคนทานอาหารที่สั่งมาได้แค่คนละเศษหนึ่งส่วนสี่ของอาหารทั้งหมดก็รวบช้อนแล้วพากันกลับไปที่ห้องพักของคนป่วย ขวัญข้าวสละเตียงนอนขนาดเล็กสำหรับญาติคนป่วยให้มารดาของชายหนุ่ม และตัวเองก็เลือกนั่งดูอาการของชายหนุ่มอยู่ข้าง ๆ เตียง
“อีกสองชั่วโมงหนูขวัญปลุกแม่นะลูก เดี๋ยวแม่จะลุกมาเปลี่ยน”
“คุณแม่นอนหลับให้สบายเถอะค่ะ ขวัญจะดูแลพี่หนึ่งให้เอง”
คุณหญิงภัคมนต์ล้มลงลงนอนบนเตียงขนาดเล็กเงียบ ๆ ไม่คิดจะคัดค้าน เพราะนางเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดี และแอบภูมิใจที่ลูกชายได้รู้จักกับผู้หญิงดี ๆ แบบนี้
หญิงสาวนั่งกุมมือของคนไร้สติไว้ตลอดทั้งคืน ไม่ยอมหลับเพราะกลัวชายหนุ่มจะรู้สึกตัวตอนที่เธอหลับ แต่ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้เธอเผลอหลับไปตอนใกล้รุ่งสาง
คุณหญิงภัคมนต์ตื่นขึ้นมาเห็นภาพขวัญข้าวฟุบหลับอยู่บนอกกว้างของบุตรชายก็ระบายยิ้มออกมาด้วยความสุขนางคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่วางแผนให้ทั้งสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง “คุณปอแก้ว ตอนนี้ลูก ๆ ของเรามีความสุขมาก ๆ เลยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ” นางเอ่ยถึงเพื่อนของสามีที่ตอนนี้คงกำลังท่องเที่ยวอยู่ที่ใดทีหนึ่งไหนบนโลกใบนี้