บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทยในด้านทักษะทั้ง 4 คือ การฟัง การพูด การอ่านและการเขียน จากศึกษาพบว่า คนไทยจะมีปัญหาในการเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์เป็นต้น ในด้านทักษะทั้ง 4 คือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่านและทักษะการเขียนพบว่า คนไทยมีปัญหาในด้านทักษะการฟัง เช่น การฟังและเข้าใจบทสนทนาภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การฟังวิทยุภาคภาษาอังกฤษและการฟังเสียงต้นฉบับจากภาพยนตร์ต่างประเทศเป็นต้นมากที่สุด ต่อมาทักษะการพูด เช่น การพูดทักทาย การแนะนำตนเอง การบอกทาง การสนทนาในชีวิตประจำวัน การอภิปรายเป็นภาษาอังกฤษมากที่สุด รองลงมาคือ ทักษะการเขียนปัญหาที่พบคือ การเขียนรายงานเป็นภาษาอังกฤษ การจดคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ การเขียนคำบรรยายสิ่งต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ การเขียนประวัติตนเองเป็นภาษาอังกฤษและทักษะการอ่านมีปัญหาน้อยที่สุด
ภาษาอังกฤษ ถือได้ว่าเป็นภาษาต่างประเทศที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นภาษากลางที่ใช้สื่อความหมายไปเกือบทั่วโลก ปัจจุบัน มีคนทั่วโลกใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการสื่อสารมากกว่า 2,000 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรของโลก ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมให้ประชากรไทยได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับที่จะสื่อสารได้ เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ และการประกอบอาชีพ ตลอดจนการเจรจาต่อรองสำหรับการแข่งขันด้านเศรษฐกิจและสังคมในเวทีสากล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีความพยายามที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ แต่ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษก็ยังไม่เกิดผลสัมฤทธิเท่าที่ควร ดังจะเห็นได้จากผลการประเมินด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ในหลายๆ ปีการศึกษา ที่ผ่านมาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่ว่าจะเป็นผลสอบ O-NET หรือ GAT พบว่ามีคะแนนผลสัมฤทธิ์อยู่ในระดับต่ำ และเมื่อเปรียบเทียบกับวิชาอื่นๆ พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษแทบจะอยู่ในระดับต่ำสุด
แนวความคิดทางการสอนนี้ต่างไปจากเดิมอย่างมากมาย ความล้มเหลวในการสอนภาษาอังกฤษเท่าที่ปรากฏอยู่เป็นที่รู้ซึ้งกันดีทั้งในกลุ่มนักวิชาการและผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ ทางที่ควรจะแก้ไขก็คือเปลี่ยนแนวการสอนเสียใหม่ คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยกันไหมคะว่าเพราะอะไร การเรียนภาษาอังกฤษ ในประเทศไทยจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะประสบผลสำเร็จ และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ อะไรกันนะที่เป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่ วันนี้ทางสถาบันได้ไปหา 3 สิ่งที่เป็นตัวขัดขวางการเรียนภาษาของเด็กไทยมาให้กับทุกท่านแล้วค่ะ ถ้าอยากทราบกันแล้ว... ไปดูกันเลยค่ะ!!!!
3 อุปสรรค ขัดขวาง การเรียนภาษาอังกฤษ ของเด็กไทย
1. ไม่มีโอกาสได้ใช้จริง
เนื่องจากเราคนไทยนั้นใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน คนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศใช้ภาษาไทยในการติดต่อสื่อสารและพูดคุยกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คนไทยไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษ และไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ฟังภาษาอังกฤษมากนัก
ด้วยเหตุนี้เองทำให้การเรียนรู้ภาษายากขึ้น เพราะเมื่อ เรียนภาษาอังกฤษ ในห้องเรียน หรือพยายามเรียนด้วยตนเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ แล้วไม่ได้รับการฝึกฝนหรือนำมาใช้จริง สิ่งที่เราได้เรียนมาจะค่อย ๆ เลือนหายไป จึงทำให้เมื่อเวลาที่เราอยากที่จะใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ การสื่อสาร เราจะต้องกลับไปเรียนเรื่องเดิมซ้ำ ๆ วนไปอย่างนี้
2. เด็กคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเรียนรู้
เนื่องจากเด็กไทย เรียนภาษาอังกฤษ จากที่โรงเรียนมาตั้งแต่เด็กจนโต และที่โรงเรียนจะเน้นสอนพวกแกรมม่า และไวยากรณ์ให้เด็ก และใช้การวัดผลการเรียนรู้เป็นการสอบ
ซึ่งการเรียนภาษาโดยเริ่มจากการให้เด็กเข้าใจจากแกรมม่า และไวยากรณ์ถือเป็นการข้ามขั้นตอนไปเรียนรู้ในระดับที่ยากเกินไป เพราะธรรมชาติของการเรียนภาษาทุกภาษาบนโลก จะต้องเริ่มต้นจากการฟัง เมื่อฟังจนเข้าใจ แล้วจึงเริ่มพูดลอกเลียนแบบตาม หลักจากนั้นจะเป็นขั้นของการอ่าน แล้วค่อยไปเขียนตามลำดับ
และเมื่อเด็ก ๆ ได้เริ่มเรียนจากขั้นตอนที่ยาก โดยไม่มีพื้นฐานของความเข้าใจมาก่อน ทำเพียงแค่จำที่ครูสอนเพื่อนำไปสอบให้ผ่าน จึงเป็นสาเหตุให้เด็ก ๆ ไม่สามารถนำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ในชีวิตจริงได้นั่นเอง
3. เด็กคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
เนื่องจากการไป เรียนภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียน เด็กจะได้ทำแค่นั่งฟังที่คุณครูผู้สอนพูด ได้อ่าน และได้เขียนเท่านั้น ทำให้เด็ก ๆ ไม่มีแรงกระตุ้น หรือแรงจูงใจให้อยากที่เรียนภาษาอังกฤษ
เมื่อไม่มีแรงกระตุ้น หรือแรงบันดาลใจให้อยากเรียนภาษาอังกฤษ ก็จะส่งผลให้เด็กไม่อยากที่จะกลับไปทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมา และฝึกฝนภาษาอังกฤษยามว่าง พอไม่ได้รับการทบทวน หรือฝึกฝนสิ่งที่เรียนมา ภาษาอังกฤษก็จะไม่ได้รับการพัฒนา ทำให้เด็กเรียนภาษาแบบย่ำอยู่กับที่นั่นเอง นี้จึงเป็นอีก 1 อุปสรรคที่ขัดขวางการประสบผลสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษของเด็ก
วันนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ทราบกันแล้วว่าอะไรกันนะ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการ เรียนภาษาอังกฤษ ของลูก ๆ ไม่ว่าจะเป็น การไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง การเรียนอย่างข้ามขั้นตอน หรือการที่เด็กไม่มีแรงบันดาลใจในการเรียนภาษา และคิดว่ามันน่าเบื่อมาก คุณพ่อคุณแม่อาจจะนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กับการเรียนภาษาอังกฤษของลูก โดยเริ่มจากการให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังก่อน และทำให้การเรียนภาษาสนุกยิ่งขึ้น โดยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากการ์ตูน หรือหนังเรื่องที่เด็ก ๆ สนใจ แล้วให้เด็กได้ลองใช้ภาษาอังกฤษ โดยการตั้งคำถาม หรือสมมติเหตุการณ์ที่มีคำตอบเป็นประโยคหรือคำที่อยู่ในการ์ตูน หรือหนังที่เด็กดู ให้เด็กได้มีโอกาสได้พูด และสื่อสารเป็นประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตจริงก็จะช่วยในการเรียนรู้ภาษาของเด็กได้
และทางสถาบัน BrainFit ของเสนอโปรแกรม Fast ForWord และโปรแกรม Reading Assistant ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากระดับพื้นฐาน ตั้งแต่เรื่องของการฟังไปจนถึงการอ่านระดับสูง ผ่านตัวเกมและเรื่องราวที่สนุกสนาน เด็ก ๆ จะเพลิดเพลินไปกับการเรียน และไม่คิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากและน่าเบื่อเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
ทำไมนักเรียนไทยไม่สนใจเรียนภาษาอังกฤษ
ทำไมคนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษ
เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้ได้ผล
ภาษาอังกฤษมีความสำคัญอย่างไร