ส่งเสริม และพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดแนวคิดในการเลือกใช้ที่เหมาะสม รู้เท่าทัน มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดอย่างมีเหตุผล มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และมี เจตคติทางวิทยาศาสตร์ มีความรู้พื้นฐานการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และสถิติเพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
สื่อการสอนแบบ Power Point ดาวน์โหลดเอกสารด้านล่างนี้
นวัตกรรม ได้รับการยกย่องให้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจน้อยใหญ่ควรจะมี เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน แต่วิธีการให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมกลับไม่ได้รับการอธิบายหรือชี้แจงแสดงเหตุผลและวิธีปฏิบัติให้เห็นได้ชัดเจน
คำว่า นวัตกรรม ในบางครั้งหรือสำหรับบางคน จึงกลายมาเป็น “กล่องดำ” ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะทำงานเพื่อสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างไร แต่มีความเชื่อว่ามันจะสามารถนำมาใช้อย่างได้ผลตามที่ได้รับการบอกเล่ามา
นอกเหนือจากคำว่า นวัตกรรม แล้ว คำที่พ่วงติดมาเสมอ ก็คือ คำว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ก่อนที่จะต่อท้ายด้วย นวัตกรรม
ความจริงแล้ว วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด และเป็นไปตามลำดับของการพัฒนาที่ต่อเนื่องกัน โดยก่อนที่จะเกิดนวัตกรรม มักจะต้องเกิดเทคโนโลยีที่เหมาะสมพอดีกับการนำเสนอสิ่งใหม่ที่ตลาดยังไม่เคยมีมาก่อน ให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเข้าถึงได้
และการเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมา มักจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการนำองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้
วิทยาศาสตร์ มีความหมายโดยกว้างว่า เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำการศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจและหาข้อสรุปได้ว่า สิ่งแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มีกลไกการทำงานหรือวิธีการให้มาซึ่งผลลัพธ์ตามที่เราสามารถสังเกตได้ในชีวิตประจำวัน
และเนื่องจากธรรมชาติมีขอบเขตที่กว้างขวางอย่างยิ่ง ตั้งแต่สิ่งที่มีขนาดเล็กจนตามนุษย์ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น เชื้อโรค จุลินทรีย์ ไปจนถึง โมเลกุล อะตอม และอิเล็กตรอน ไปจนถึงสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เช่น โลก ดวงอาทิตย์ แกแลคซี และจักรวาล เป็นต้น
วิชาวิทยาศาสตร์ จึงมีการจำแนกสาขา ออกไปอย่างมากมาย ที่เป็นหมวดใหญ่ๆ ได้แก่ ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ฯลฯ และเมื่อวิทยาการก้าวหน้าขึ้น ก็มีการแตกแขนงวิชาแยกย่อย ออกไป เช่น ชีววิทยา ก็แบ่งเป็น พฤษศาสตร์ สัตววิทยา จุลชีววิทยา ชีวเคมี ฯลฯ เป็นต้น
ในแต่ละแขนงหรือสาขาของวิชาวิทยาศาสตร์ ก็จะมีความพยายามในการประยุกต์องค์ความรู้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์และการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยมีการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ มาให้มนุษย์ได้ใช้หรือซื้อหามาใช้ได้เพื่อความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต หรือการมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น
การประดิษฐ์คิดค้นหรือสร้างสรรค์อุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นมาโดยมนุษย์ที่ใช้หลักวิชาทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวชี้นำนี้ ก็คือ สิ่งที่เราเรียกว่า เทคโนโลยี ซึ่งก็จะแยกย่อยออกไปตามสาขาของวิทยาศาสตร์ที่อ้างอิง ทำให้เกิด เทคโนโลยี ที่มีขอบข่ายเฉพาะด้านและมีชื่อเรียกที่จะทำให้เห็นความแตกต่างกัน เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ส่วน นวัตกรรม ก็คือ การนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดหรือผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นปลายทางของวิวัฒนาการจาก วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถสัมผัส หรือซื้อหามาใช้ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้วิธีการได้มาที่อยู่ใน “กล่องดำ” ที่กล่าวถึงไว้
ธุรกิจ สตาร์ทอัพ ซึ่งได้ชื่อว่า จะเป็นผู้นำ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาเป็นส่วนสำคัญในโมเดลธุรกิจ จึงควรที่จะทบทวนว่า ที่มาของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ประกอบการสร้างธุรกิจ มีความสัมพันธ์อย่างไรกับองค์ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งจะช่วยให้ สตาร์ทอัพ สามารถเข้าถึงวิธีการแก้ปัญหาเชิงเทคโนโลยีหรือการแสวงหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดมาใช้พัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย
และยังจะช่วยให้ภาครัฐ ที่จะเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุน เพื่อให้แนวคิดธุรกิจของ สตาร์ทอัพ ประสบความสำเร็จ เนื่องจากภาครัฐ มีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่สะสมมาจากการใช้งบประมาณจากภาษีอากรของประชาชนให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
“นวัตกรรมทางการศึกษา” (Educational Innovation) หมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำ รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียน และช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียน เช่น การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้วีดิทัศน์เชิงโต้ตอบ(Interactive Video) สื่อหลายมิติ (Hypermedia) และอินเตอร์เน็ต เหล่านี้เป็นต้น ต่อมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 62/ 2559 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 133 ตอนพิเศษ 225 ง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2559) ประกาศใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ในการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้เกิดการบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อนและสามารถผลักดันให้มีการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดให้มี “สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ” (นวนช.) โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และให้เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เป็นเลขานุการร่วม และให้ยุบเลิกคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (กวทน.) และโอนอำนาจหน้าที่ไปเป็นของ “สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ”