ประเภทของงานเขียน
การให้รางวัลซีไรต์ของประเทศไทยปีแรก คือ พ.ศ. ๒๕๒๒ เริ่มจากการให้รางวัลวรรณกรรม ประเภทนวนิยาย ต่อมาในปีที่ ๒ จึงพิจารณาให้รางวัลวรรณกรรมประเภทกวีนิพนธ์ ในปีที่ ๓ ได้พิจารณาให้รางวัลวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้น และนับจากปีที่ ๔ เป็นต้นมา ได้เวียนกลับมาให้รางวัลวรรณกรรมตามลำดับประเภทที่เริ่มไว้ คือ นวนิยาย กวีนิพนธ์ เรื่องสั้น และดำเนินต่อมาเช่นนี้ จนถึงปัจจุบัน
หลังจากดำเนินการมาเป็นเวลา ๖ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้มีการออกระเบียบการพิจารณาวรรณกรรมไทย เพื่อรับรางวัลซีไรต์ เป็นครั้งแรก ลงนามโดยคุณนิลวรรณ ปิ่นทอง นายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยฯ และนายทองใบ ทองเปาด์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ระเบียบการนี้ได้กำหนดประเภทของวรรณกรรมที่จะพิจารณาให้รางวัลว่ามี ๔ ประเภท คือ
๑. กวีนิพนธ์
๒ นวนิยาย
๓. เรื่องสั้น
๔. บทละคร
โดยแต่ละปี คณะกรรมการฯ จะประกาศประเภทของงานที่รับเข้าพิจารณาและรายละเอียดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การให้รางวัลซีไรต์ ที่ดำเนินมาตลอดเวลา ๓๖ ปี จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๗) ได้พิจารณาผลงานเพียง ๓ ประเภท ไม่เคยมีการจัดประกวดวรรณกรรม ประเภทบทละครเลย
งานนำเสนอเรื่อง: "ประเภทของงานเขียน."— ใบสำเนางานนำเสนอ:
1 ประเภทของงานเขียน
2 ประเภทของงานเขียน ๑) แบ่งตามลักษณะการประพันธ์ มี ๒ ประเภท ๒) แบ่งตามลักษณะการถ่ายทอด มี ๒ ประเภท
3
แบ่งตามลักษณะการประพันธ์ มี ๒ ประเภท ดังนี้
แบ่งตามลักษณะการประพันธ์ มี ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. วรรณกรรมร้อยแก้ว คือ วรรณกรรมที่ไม่กำหนดบังคับคำหรือฉันทลักษณ์ เป็นความเรียงทั่ว ไป การเขียน ในลักษณะนี้ยังแบ่งย่อยออก ได้ดังนี้ ๑.๑ บันเทิงคดี (Fiction) คือ วรรณกรรมที่มุ่งให้ความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่านเป็นประการสำคัญ และ ให้ข้อคิด คตินิยม หรือ สอนใจ แก่ผู้อ่านเป็นวัตถุประสงค์รอง
บันเทิงคดีสามารถจำแนกย่อยได้ดังนี้ ๑.๑.๑ นิยาย หรือ นวนิยาย (Novel) คือ การเขียนผูกเรื่องราวของชีวิตอันมีพฤติกรรมร่วมกัน มีความสัมพันธ์กัน ในลักษณะจำลองสภาพชีวิตของสังคมส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมีความมุ่งหมายให้ความบันเทิงใจแก่ผู้อ่าน คือให้ผู้อ่านเกิดสะเทือนอารมณ์ไปกับเนื้อเรื่องอย่างมีศิลปะ
4 ๑.๑.๒ เรื่องสั้น (Short Story) คือ การเขียนเรื่องจำลองสภาพชีวิตในช่วงสั้น คือมุมหนึ่งของชีวิต หรือเหตุการณ์หนึ่ง หรือช่วงระยะหนึ่งของชีวิต
เพื่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจผู้อ่าน ๑.๑.๓ บทละคร (Drama) คือ การเขียนที่ใช้ประกอบการแสดงเพื่อให้เกิดความบันเทิง เช่น บทละครวิทยุ บทละครพูด และบทละครโทรทัศน์ เป็นต้น
5 วรรณกรรมร้อยแก้ว ๑.๒ สารคดี (Non-Fiction) คือ วรรณกรรมที่มุ่งให้ความรู้ หรือ ความคิด เป็นคุณประโยชน์สำคัญ อาจจะเขียนเชิงอธิบายเชิงวิจารณ์ เชิงพรรณนาสั่งสอน โดยอธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างมีระบบมีศิลปะในการถ่ายทอดความรู้ เพื่อมุ่งตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นให้แก่ผู้อ่าน และก่อให้เกิดคุณค่าทางปัญญาแก่ผู้อ่าน ซึ่งแบ่งได้ดังนี้ ๑.๒.๑
ความเรียง (Essay) บางครั้งมีผู้เรียกว่า "สารคดีวิชาการ" ๑.๒.๒ บทความ ( Article) คือความคิดเห็นของผู้เขียนต่อเรื่องราวที่ประสบมาหรือต่อข้อเขียนของผู้อื่น หรือต่อเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด ๑.๒.๓ สารคดีท่องเที่ยว ( Travelogue) คือ การบันทึกการท่องเที่ยวและเรื่องราวต่าง ๆ ที่ประสบพบเห็นขณะที่ท่องเที่ยวไป
โดยมุ่งที่จะให้ความรู้แก่ผู้อ่านและให้ความเพลิดเพลินด้วย
6 ๑.๒.๔ สารคดีชีวประวัติ (Biography) คือ การบันทึกพฤติกรรมต่าง ๆ ของบุคคลหนึ่ง มุ่งที่จะให้เห็นสภาพชีวิตประสบการณ์ของบุคคลนั้นทุกแง่ทุกมุม แต่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ และนิยาย ๑.๒.๕ อัตชีวประวัติ (Autobiography)
เป็นสารคดีที่ผู้เขียนเล่าถึงประวัติของตัวเอง ๑.๒.๖ อนุทิน (Diary) คือการบันทึกประจำวันที่เกิดขึ้นแก่ตนเอง จะเป็นการบันทึกความรู้สึกนึกคิดของตนเองในประจำวัน หรืออาจจะบันทึกประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน หรือบันทึกเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเตือนความจำ ๑.๒.๗ จดหมายเหตุ ( Archive) คือ
การบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของทางราชการ หรือบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของสถาบัน หน่วยงานหรือตระกูล โดยมีความมุ่งหมายเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานเชิงประวัติเหตุการณ์ของชาติ หรือของสถาบัน หรือหน่วยงานราชการ หรือของตระกูล
7 ๒. วรรณกรรม ร้อยกรอง คือ วรรณกรรมที่การเขียนมีการบังคับรูปแบบด้วยฉันทลักษณ์ต่างๆ เช่น บังคับคณะ บังคับคำ และแบบแผนการส่งสัมผัสต่าง ๆ บางครั้งเรียกงานเขียนประเภทนี้ว่า กวีนิพนธ์ หรือ คำประพันธ์
เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิต เป็นต้น สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ ๒.๑ วรรณกรรมประเภทบรรยาย (Narrative) คือ มีโครงเรื่อง ตัวละคร และเหตุการณ์ต่าง ๆ ผูกเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกันไป เช่น ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี อิเหนา เป็นต้น ๒.๒ วรรณกรรมประเภทพรรณา หรือ รำพึงรำพัน ( Descriptive or Lyrical) มักเป็นบทร้อยกรองที่ผู้แต่งมุ่งแสดงอารมณ์ส่วนตัวอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีโครงเรื่อง เช่น นิราศ และเพลงยาว
เป็นต้น ๒.๓ วรรณกรรมประเภทบทละคร (Dramatic) เป็นบทร้อยกรองสำหรับการอ่าน และใช้เป็นบทสำหรับการแสดงด้วย เช่น บทพากย์โขน บทละครร้อง บทละครรำ เป็นต้น
8 แบ่งตามลักษณะการถ่ายทอด มี
๒ ประเภท คือ
แบ่งตามลักษณะการถ่ายทอด มี ๒ ประเภท คือ ๑. วรรณกรรมมุขปาฐะ หมายถึง วรรณกรรมที่ถ่ายทอดโดยการบอก การเล่า และการขับร้อง ไม่ว่าจะเป็นในโอกาสหรือในวาระใด เช่น การเต้น การรำ หรือพิธีกรรมต่าง ๆ วรรณกรรมมุขปาฐะมีปรากฏมานาน จึงมีอยู่ทุกภูมิภาคของโลก เมื่อมนุษย์มีภาษาพูดก็ย่อมมีโอกาสถ่ายทอดจิตนาการและอารมณ์ได้มากขึ้น ประกอบกับภาษาพูดสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายและเร็วกว่าภาษาเขียน ดังนั้นวรรณกรรมมุขปาฐะจึงมีมาก
และมีมานานกว่าวรรณกรรมประเภทอื่น ๒. วรรณกรรมลายลักษณ์ หมายถึง วรรณกรรมที่ถ่ายทอดโดยการเขียน การจาร และการจารึก ไม่ว่าจะเป็นการกระทำลงบนวัสดุใด ๆ เช่น กระดาษ เยื่อไม้ ใบไม้ แผ่นดินเผา หรือ ศิลา วรรณกรรมลายลักษณ์เป็นวรรณกรรมที่พัฒนาสืบต่อมาจากวรรณกรรมมุขปาฐะ กล่าวคือ เกิดขึ้นในยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักใช้สัญลักษณ์หรือตัวอักษร เพื่อบันทึกความในใจ ความรู้สึก และความคิดเห็นของตน เพื่อถ่ายทอกให้ผู้อื่นรับรู้นั่นเอง
9