สมทบทุน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. มอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้ สราวุธ วัชรพล เพื่อสมทบทุนมูลนิธิไทยรัฐ โดยมี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์, พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์, ไพลิน ศิริพัฒน์ และ ฑีฆาวุฒิ กุลลประภา มาร่วมในพิธีด้วย ที่ สนง.นสพ.ไทยรัฐ วันก่อน.
เข้าสู่บรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่...หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2566
- “ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...ตามที่ คณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มีมติ ครม.เห็นชอบให้วันที่ 29 ธ.ค.2566 ถึงวันที่ 1 ม.ค.2567 เป็นวันหยุดราชการ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวม 4 วันติดต่อกัน บรรยากาศในช่วงนี้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ใน กรุงเทพมหานคร ต่างทยอยเดินทางออกต่างจังหวัด กลับภูมิลำเนา กันอย่างคึกคัก เพื่อไปร่วมทำบุญ และ เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พร้อมหน้ากับครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหาย ตามประเพณีปฏิบัติ ขณะเดียวกันก็มีพี่น้องประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่ถือโอกาสช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้ พาครอบครัวเดินทางไป ท่องเที่ยวพักผ่อน ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ ฉลองเทศกาลแห่งความสุขในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
- แต่สำหรับปีนี้ มีสิ่งที่แตกต่างไปจากหลายปีที่ผ่านมา นั่นก็คือ รัฐบาล โดย มติคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดให้วันศุกร์ที่ 29 ธ.ค.2566 เป็นวันหยุดพิเศษ และให้วันอังคารที่ 2 ม.ค.2567 เป็น วันราชการ เริ่มทำงาน เปิดทำการวันแรกของปี 2567...แน่นอน ถ้ามองในแง่ของ การทำงาน เพื่อเปิดบริการ อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ที่ต้องมีธุระติดต่อ หน่วยงานราชการ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่มี วันหยุดราชการ ติดต่อกัน 4 วัน ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็ถือว่า เพียงพอแล้ว ต่อการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข แต่ถ้ามองในมุมของ วิถีชีวิตความเป็นจริง ของ คนไทย การฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มักจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันข้ามวันข้ามปี โดยเฉพาะในวันที่ 1 ม.ค. ที่เป็น วันขึ้นปีใหม่ ผู้คนส่วนใหญ่ยังมีการจัดงานฉลองเลี้ยงสังสรรค์กันอย่างคึกคัก...ตรงจุดนี้จึงขัดแย้งกับการที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้วันที่ 2 ม.ค. เป็น วันเปิดทำการทางราชการ ทำให้ ประชาชนจำนวนมาก ต้องรีบเดินทางกลับมาทำงาน บางคนอาจฉลองต้อนรับปีใหม่กันจน ดึกดื่น อดหลับอดนอน แต่ก็ต้องรีบขับรถเดินทางกลับมาทำงานให้ทันในวันรุ่งขึ้น ตรงนี้แหละ เป็นดาบสองคม ที่อาจก่อให้เกิด อุบัติเหตุทางถนน ขณะที่รัฐบาลเองก็พยายามรณรงค์เพื่อ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ในช่วงเทศกาลปีใหม่...งานนี้คงต้องรอดูผลลัพธ์กันว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในคืนวันที่ 1 ม.ค. ต่อเนื่องวันที่ 2 ม.ค.2567 จะพุ่งพรวดมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ถ้ายอดการเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิต บาดเจ็บ พุ่งสูงกว่าปกติ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การกำหนดวันหยุด ของ คณะรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่.
- อืม...ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ที่อาศัยจังหวะช่วงสิ้นปี ตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อต่อการทำงานของ รัฐบาล...สำหรับปี 2566 ที่กำลังผ่านพ้นไป สื่อสายทำเนียบฯตั้งฉายา รัฐบาล ภายใต้การนำของ พรรคเพื่อไทย และ นายกฯเศรษฐา ว่า “แกงส้มผลักรวม” สะท้อนพฤติกรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ พรรคก้าวไกล ถูก พรรคเพื่อไทย ผลักออกจากการ ร่วมรัฐบาล กลายเป็นปมด้อยทำให้ รัฐบาล ถูกมองว่าหักหลังเพื่อน ...ส่วน “นายกฯเศรษฐา” ได้รับฉายา “เซลส์แมนสแตนด์ชิน” สะท้อนการทำหน้าที่เป็น เซลส์แมนประเทศไทย ดึง นักลงทุนทั่วโลก เข้ามาลงทุนในประเทศไทย หวังฟื้นวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็ถูกมองว่าเป็นตัวแสดงแทน หรือสแตนด์อิน ของคนใน “ตระกูลชินวัตร” หลายนโยบายก็ถูกวิจารณ์ว่า ต่อยอดมาจากนโยบายเดิมของ รัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” และ รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”...ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้ฉายา “รองกอง” โดนให้รับผิดชอบงานหนักจนกองสุมอยู่รอบตัว ...สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้ฉายา “พลิกทินสู่ดาว” เป็นพลเมืองเต็มขั้นแต่ได้มาเป็น รมว.กลาโหม แต่ก็สามารถทำงานเข้ากับ ผบ.เหล่าทัพได้แบบเนียนๆ...
ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ฉายา “ทวี สอดไส้” เพราะเป็นเต็งหนึ่งในตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม แบบม้วนเดียวจบ สะท้อนว่าได้รับความไว้วางใจจาก “นายใหญ่” และโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักประเด็น เอื้อประโยชน์ให้ ทักษิณ ชินวัตร หลังเดินทางกลับมารับโทษ แต่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว...ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้ฉายา “มาเฟียละเหี่ยใจ” เพราะประวัติโลดโผน จนถูกมองเป็น ผู้ทรงอิทธิพล แถมพอมาเป็น รมช.มหาดไทย ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ ปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ขณะเดียวกัน ลูกเขย ดันถูกเจ้าหน้าที่ ปปป. จับกุมในข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปา จนต้องสั่งให้ลูกเขยยื่นใบลาออก...ส่วน วาทะแห่งปี เป็นคำพูด ของ นายกฯเศรษฐา ที่ประกาศหลังทำพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเน้นย้ำว่า “ขอทำหน้าที่นายกฯ ที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนักฯ”...สรุปภาพรวมการตั้งฉายาของสื่อครั้งนี้ ถือว่าสะท้อนภาพได้ตรงแง่มุม หยิกนิดสะกิดหน่อย ตามเทศกาล แต่ก็มีสาระที่ ผู้ได้รับฉายา จะได้ประโยชน์ ถ้ารู้จักรับฟัง นำไปทบทวน ปรับปรุง ถือว่า เป็นการติเพื่อก่อ ก็แล้วกันนะจ๊ะ