ช่วง COVID-19 ระบาดเช่นนี้ เปิดมือถือมาก็เจอแต่ข่าวเครียด ๆ ทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ สิ้นหวังไม่เว้นแต่ละวัน หากมีอะไรที่พอจะเยียวยาจิตใจได้บ้างก็คงจะดี
บทความนี้จะพาทุกท่านไปร่วมค้นพบ 6 วิธีที่ทำได้ทุกวันในการรับมือและจัดการกับความกังวลเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของสุขภาพจิต แนะนำโดย Wendy Suzuki ศาสตราจารย์และนักประสาทวิทยาจาก The Center for Neural Science ที่ New York University กันค่ะ
1. มองภาพผลลัพธ์เชิงบวก
ไม่ว่าจะเป็นตอนเริ่มต้นวันใหม่หรือจบวัน ให้ลองคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงนี้ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แล้วลองมองภาพและผลลัพธ์ในแง่บวกเข้าไว้ ไม่ใช่แค่ “โอเค” แต่ต้องจินตนาการให้เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แต่นี่ไม่ใช่การเตรียมให้คุณตั้งรับกับความผิดหวังครั้งใหญ่นะคะ เพราะจริง ๆ แล้ว มันควรเป็นการเตรียมตัวกับความคาดหวังพร้อมรับผลลัพธ์เชิงบวก และเปิดรับความคิดใหม่ ๆ เพื่อสร้างผลลัพธ์ตามที่คุณได้วาดฝันไว้
2. เปลี่ยนความกังวลให้เป็นความก้าวหน้า
ความยืดหยุ่นของสมองทำให้เราสามารถปรับตัวได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ด้วยการเรียนรู้ที่จะสงบสติอารมณ์ ประเมินสถานการณ์ใหม่ ปรับความคิดของเรา และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น
เราก็สามารถอาศัยข้อได้เปรียบจากสิ่งเหล่านี้เมื่อเราเตือนตัวเองเสมอว่า ความวิตกกังวลไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
- ความโกรธ
เปลี่ยนความโกรธที่อาจปิดกั้นความสนใจและความสามารถในการทำงานให้กลายมาเป็นเชื้อเพลิงกระตุ้นและขับเคลื่อนคุณ พร้อมคอยย้ำเตือนถึงสิ่งสำคัญ
- ความกลัว
เปลี่ยนความกลัวที่อาจรื้อฟื้นความล้มเหลวในอดีตให้เป็นตัวช่วยตัดสินใจอย่างรอบคอบระมัดระวังมากขึ้น และสร้างโอกาสใหม่ให้เกิดขึ้น
- ความเศร้า
เปลี่ยนความเศร้าที่ทำให้เราหมดกำลังใจให้กลายมาเป็นแรงเสริมในการจัดลำดับความสำคัญใหม่และกระตุ้นให้คุณเปลี่ยนสภาพที่เป็นอยู่ รวมถึงพฤติกรรมของคุณด้วย
- ความกังวล
เปลี่ยนความกังวลที่ทำให้คุณผัดวันประกันพรุ่งและเป็นอุปสรรคในการไปถึงเป้าหมายให้กลายมาเป็นตัวช่วยปรับแผนงาน ปรับความคาดหวัง และทำให้เป้าหมายเป็นจริงมากขึ้น
- ความหงุดหงิดขุ่นเคือง
เปลี่ยนความรู้สึกขุ่นเคืองที่กั้นขวางแรงจูงใจของคุณให้กลายมาเป็นความท้าทายให้คุณพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
การเปรียบเทียบที่กล่าวมาทั้งหมดฟังแล้วอาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เป็นการเปลี่ยนความคิดที่ทรงพลังและสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน
3. ลองทำอะไรใหม่ ๆ
ทุกวันนี้ การได้ทำอะไรใหม่ ๆ นั้นง่ายกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์ เข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงินก็สามารถช่วยให้ร่างกายและสมองได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่คุณอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยาก แค่เป็นเรื่องที่เหมาะกับคุณและช่วยให้คุณได้ออกจาก Comfort Zone บ้างเล็กน้อยก็พอแล้ว
4. หาที่พึ่ง ขอความช่วยเหลือ
การที่สามารถขอความช่วยเหลือ ติดต่อกับเพื่อน ๆ และครอบครัว และยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกันนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณคลายความกังวลใจ แต่ยังให้ความรู้สึกว่าคุณไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง
แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้ แต่ความเชื่อและความรู้สึกที่ว่า การมีคนที่ใส่ใจคุณอยู่เคียงข้างนั้นเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะช่วงที่เรารู้สึกตึงเครียด เพราะทำให้คุณยังคงยืดหยุ่นและมีสุขภาพจิตที่ดีได้เพราะมีคนคอยช่วยเหลือคุณอยู่ข้างหลัง
5. ฝึกทวีตแต่สิ่งดี ๆ
การคิดในแง่บวกเริ่มต้นที่ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แค่ลองทวีตหรือโพสต์อะไรก็ได้เชิงบวก ไม่จำเป็นต้องแชร์ให้เห็นสาธารณะก็ได้ แค่เปลี่ยนแนวคิดก็เริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดใสและสร้างพลังบวกได้ตลอดทั้งวันแล้ว
สำหรับใครที่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น ลองคิดว่าถ้าเป็นเพื่อน ที่ปรึกษา หรือพ่อแม่ พวกเขาจะบอกเราว่าอย่างไร คุณก็ลองทวีตบอกกับตัวเองแบบนั้นก็ได้นะคะ
6. ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
การได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติส่งผลดีต่อสุขภาพจิต อย่างงานวิจัยในปี 2015 ก็เผยว่า การอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติก็ช่วยส่งเสริมความยืดหยุ่นทางอารมณ์และสุขภาวะทางจิตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ
คงไม่ต้องถึงขั้นเอาตัวเองไปอยู่ในป่านะคะ เพียงแวะเวียนไปสวนสาธารณะใกล้บ้านหรือสภาพแวดล้อมเงียบ ๆ ที่คนไม่พลุกพล่านก็ช่วยได้แล้วค่ะ แค่ได้หายใจเข้าออกสูดอากาศบริสุทธิ์ ฟังเสียงธรรมชาติ ชื่นชมบรรยากาศรอบตัวก็ช่วยสร้างการรับรู้ธรรมชาติรอบตัวและสงบจิตใจของเราได้เป็นอย่างดีแล้ว เหมือนได้มาเติมพลังกลับสู่สมดุลและฟื้นฟูจิตใจให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งแล้วค่ะ
หลาย ๆ ครั้งที่การเรียนภาษาในห้องเรียนไม่สามารถช่วยให้คุณพูดอังกฤษได้จริงในชีวิตประจำวัน และการเรียนแบบท่องจำยังทำให้คนไทยคิดเป็น Eng ไม่ได้อีกด้วย บางครั้งเพียงแค่ประโยคง่าย ๆ อย่างการให้กำลังใจจึงสามารถพูดออกมาได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าปกติฝรั่งใช้คำพูดหรือสำนวนพูดแบบไหนนั่นเองค่ะ
สำหรับใครที่อยากให้กำลังใจเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ สามารถลองนำทั้ง 9 วลีด้านล่างนี้ไปใช้กันได้เลยค่ะ แต่อย่าลืมดูสถานการณ์และบริบทให้เหมาะสมด้วยนะคะ
stay strong
ออกเสียงว่า “สเตย์ สตรอง”
หมายถึง “เข้มแข็งไว้”
I'm impressed.
ออกเสียงว่า “อัม อิมเพรส”
หมายถึง “ทำได้ดี”
smile on chin up
ออกเสียงว่า “สไมล์ ออน ชิน อัพ”
หมายถึง “ยิ้มไว้ เชิ่ดไว้”
I’m right behind you.
ออกเสียงว่า “อัม ไรท์ บิไฮด์ ยู”
หมายถึง “ฉันเป็นกำลังใจให้อยู่”
Give it your best shot.
ออกเสียงว่า “กิฟ อิท ยัวร์ เบส ช็อต”
หมายถึง “ทำให้ดีที่สุด”
That was a good effort.
ออกเสียงว่า “แธด วอส อะ กูด เอฟเฟิร์ต”
หมายถึง “พยายามได้ดี”
Keep up the good work!
ออกเสียงว่า “คีพ อัพ เดอะ กูด เวิร์ก”
หมายถึง “ทำดีต่อไป”
I’m behind you all the way.
ออกเสียงว่า “อัม บิไฮด์ ยู ออล เดอะ เวย์”
หมายถึง “ฉันคอยเป็นกำลังใจให้เสมอ”
There’s a light at the end of the tunnel.
ออกเสียงว่า “แธร์ส อะ ไลต์ แอท ดิ เอน ออฟ เดอะ ทันเนิล”
หมายถึง “มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ”
อยากพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ และเป็นธรรมชาติ คุณเองก็พูดได้ที่ Globish สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ รับคำปรึกษาด้านการเรียนคลิก