การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis) เป็นการจัดระเบียบแยกแยะส่วนต่าง ๆ ของหลักฐาน หรือข้อมูลที่ได้ออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อหาคำตอบตามความมุ่งหมาย และตามสมมติฐานที่ได้กำหนดไว้ การวิเคราะห์ข้อมูลนี้เป็นขั้นการทำงานที่ต่อเนื่องมาจากการวัด การนับ และจัดเรียงลำดับข้อมูล ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำเอาวิธีการทางสถิติมาวิเคราะห์หาค่าตัวแปรหรือหาลักษณะของตัวแปร ผู้วิจัยจะต้องวางแผนและเตรียมการณ์ล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มทำการวิจัยโดยมีข้อแนะนำในการวิเคราะห์ดังนี้
1. กลับไปอ่านจุดมุ่งหมายหรือข้อความที่เป็นปัญหาจนแจ่มแจ้งก่อน
2. ดูแต่ละหัวข้อปัญหาว่าต้องการข้อมูลประเภทใด และจะใช้วิธีการสถิติอะไร
3. สถิติเหล่านั้นหาได้หรือไม่จากข้อมูล เพื่อไปแก้ปัญหาจากจุดมุ่งหมายแต่ละข้อ
4. เลือกข้อมูลที่ได้มา นำมาจัดเป็นหมวดหมู่ แบ่งตามเนื้อหาของปัญหาแต่ละข้อ
5. คำนวณค่าสถิติให้ตรงตามหัวข้อปัญหาที่จะตอบ
6. พยายามแปลความหมายของข้อมูลเป็นระยะ ๆ ไป
7. พยายามนึกถึงรูปร่างของตารางที่จะเสนอ ลักษณะควรย่อ สั้น แต่บรรยายความได้มาก
8. ถ้าข้อมูลจัดเสนอเป็นกราฟชนิดต่าง ๆ ก็ต้องหาวิธีการทำให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด อย่าให้ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ข้อมูลใด ๆ มักไม่พ้นการใช้วิธีการทางสถิติ ดังนั้น ในการวิเคราะห์ข้อมูล ควรมีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
ขั้นตอนในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. จัดหรือแยกประเภทข้อมูลที่จะศึกษาออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกและง่ายต่อการที่จะนำไปวิเคราะห์ต่อไป รวบรวมและจดบันทึกข้อมูลลงในกระดาษที่ได้เตรียมไว้
2. ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยเลือกใช้เทคนิคต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะของข้อมูลและระดับของข้อมูลที่นำมาศึกษาและสามารถตอบคำถามตามจุดมุ่งหมายการวิจัยที่ตั้งไว้
3. เสนอผลการวิเคราะห์ที่ได้ โดยพยายามเสนอให้มีความแจ่มชัดและเข้าใจง่าย ซึ่งนิยมเสนอในรูปตารางหรือแผนภูมิ
4. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เป้าหมายหลักในการดำเนินการวิจัย คือ การศึกษาหาข้อสรุปเกี่ยวกับคุณลักษณะของประชากร การที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ โดยหลักการควรศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากประชากร แต่เป็นการยากมากหรือในบางครั้งอาจเป็นไปไม่ได้ตามหลักการดังกล่าว ในทางปฏิบัติงานวิจัย จึงใช้วิธีการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชากรนั้น ๆ การวิเคราะห์ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจึงเป็นการหาค่าคุณลักษณะประจำกลุ่มตัวอย่างนั้น แล้วจึงใช้ค่าสถิติของกลุ่มตัวอย่างไปประมาณค่าคุณลักษณะของประชากร โดยการทดสอบสมมติฐานและการสรุปอ้างอิง
เมโสหน้าใส หรือ Mesotheraphy เป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใส ลดการอักเสบ ช่วยขับสารพิษที่สะสมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
ในบทความนี้หมอจะอธิบายเจาะลึกว่าเมโส คืออะไร ช่วยให้หน้าใสได้อย่างไร เมโสหน้าใส อันตรายไหม เหมาะกับใครบ้าง เมโสหน้าใสราคาเท่าไหร่ รวมถึงข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง?
สามารถศึกษาได้ในหัวข้อต่อไปนี้ครับ
สารบัญเมโสหน้าใส
- เมโสหน้าใส คืออะไร
- คำว่า “เมโส” มีที่มาอย่างไร?
- เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- เมโสหน้าใส อันตรายไหม?
- เมโสหน้าใส แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?
- เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี?
- เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด vs 16 จุด
- ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม?
- เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?
- หน้ามัน รูขุมขนกว้าง เมโสช่วยได้ไหม?
- เมโสรักษาฝ้าได้จริงไหม?
- ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?
- หลังทำเมโสแล้วผื่นแดงขึ้น ต้องทำอย่างไร?
- เมโสหน้าใส เห็นผลในกี่วัน และต้องทำบ่อยแค่ไหน?
- การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?
- นอกจากเมโสหน้าใสแล้ว มีวิธีไหนที่ช่วยให้หน้าใสได้อีก?
- เมโสหน้าใสแบบทา ได้ผลจริงไหม?
- ข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใส
- ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี?
- เมโสหน้าใส รีวิว
- เมโสหน้าใส ราคา เท่าไหร่?
Q : เมโสหน้าใส คืออะไร?
เมโสหน้าใสคือ ทรีทเม้นท์บำรุงผิว เป็นทางลัดในการนำส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมต่างๆ โดยเฉพาะตัวที่ดูดซึมจากการทาได้ยาก มาทำให้สามารถฉีดเข้าในชั้นผิวได้โดยตรง และออกฤทธิ์ไวขึ้น จากปกติอาจใช้เวลาเป็นเดือน ทำให้เริ่มเห็นผลได้ใน 1 อาทิตย์หลังฉีด
การฉีดเมโสหน้าใส จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิวเพื่อให้ผิวเต่งตึงคล้ายผลแอปเปิ้ลในรูป หลังฉีดหน้าขาวใสดูเป็นธรรมชาติ
Q : คำว่า “เมโส” มีที่มาอย่างไร?
คำว่าเมโส มาจากคำว่า meso แปลว่าตรงกลาง หมายถึงการฉีดลงใน “ชั้นกลางของผิว”
โครงสร้างผิวชั้นกลาง
ในผิวชั้นกลาง (Dermis) เป็นชั้นผิวหนังแท้ จะประกอบไปด้วยคอลลาเจน อิลาสติน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิว และ hyaluronic acid ซึ่งอายุที่มากขึ้นหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตจะทำให้ระดับคอลลาเจน อิลาสติน และโครงสร้างผิวเสื่อมสภาพลง
การฉีดเมโสหน้าใสเข้าไปในจุดนี้ จึงเป็นวิธีบำรุงโครงสร้างผิวที่เห็นผลดีและรวดเร็ว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น
Q : เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- ฟื้นฟูผิวจากสารพิษ เช่น ภาวะผื่นแพ้ สิว
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน
- ให้ผิวมีความชุ่มชื้น แข็งแรง สุขภาพดี
- ลดฝ้า กระ แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
- เสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
หลังฉีดเมโสหน้าใส ผิวจะค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพ ให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น
Q : เมโสหน้าใส อันตรายไหม?
การฉีดเมโสหน้าใส ไม่อันตรายครับ ส่วนผสมในตัวยาเมโสประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ตามหลัก Homeopathy เป็นวิตามินต่างๆ ที่ช่วยบำรุง และเสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว ถ้าฉีดโดยใช้ตัวยาเมโสแท้ที่ผ่านอย. กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย 100%
การฉีดเมโสหน้าใสในคลินิกที่ได้มาตรฐาน กับหมอที่มีประสบกาณ์
จะช่วยเพิ่มความมั่นใจเรื่องผลลัพธ์และความปลอดภัยของตัวยาครับ
เมโสหน้าใสที่ต้องระวังคือการฉีดเมโสปลอม เมโสที่รับฉีดตามบ้าน หรือสั่งซื้อเองทางออนไลน์ เป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้แล้วอาจมีอาการแพ้ เป็นผื่น ทำให้ผิวบางหรือเกิดการอักเสบได้ครับ
Q : เมโสหน้าใส มีกี่แบบ? เมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?
แบ่งเมโสหน้าใสได้เป็น 3 แบบ ดังนี้
- ฉีดหน้าขาวใส มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆที่ทำให้หน้าขาว เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutathione
- เน้นหน้าใส จะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน
- เน้นลดสิว-แก้ผื่น จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมออก คอลลาเจนยังช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลงช่วยลดสิว เมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้คือ มาเด้-คอลลาเจน ครับ
Q : เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี?
เนื่องจากผิวหน้าแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกัน การจะทราบว่าผิวหน้าของเรานั้น เหมาะกับใช้ เมโส ยี่ห้อไหนดี? ควรให้หมอตรวจประเมินเพื่อปรับสูตรเมโสให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของแต่คนครับ
- Made Collagen ลดสิว ลดผื่น
- Tensonez ผิวขาว ใส ลดฝ้า
- Depigment ช่วยลดฝ้า
- Filorga ช่วยผิวขาวใส ลดฝ้า และบำรุงผิวล้ำลึก
- Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง
ที่ V Square Clinic เราจะให้แพทย์ตรวจประเมินผิวหน้าคนไข้ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้จะได้สูตรเมโสที่เหมาะกับสภาพผิวคนไข้มากที่สุด
Q : เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด vs แบบ 16 จุด
การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
แต่เดิมการฉีดเมโส จะใช้เข็มฉีดตัวยากระจายเป็นจุดเล็กๆ ในผิวชั้นตื้นทั่วทั้งหน้าเรียกว่า mesotherapy ข้อดีของการใช้เข็มจิ้มเป็นจุดเล็กๆ ทั่วหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปด้วยในตัว แต่ข้อเสียคือ อาจเกิดรอยช้ำรอยแดง และถ้าระหว่างฉีดไม่สะอาดพอจะเกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ (ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้ที่ซื้อเมโสมาฉีดเอง)
ในรูปนี้จะเป็นการทำเมโสหน้าใสแบบสะกิดครับ
การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด
ต่อมาที่ประเทศอิตาลีมีการค้นพบเทคนิคการฉีดวิตามินหน้าใส 16 จุด โดยจะฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง การฉีดเมโสหน้าใส แบบนี้ มีข้อดีคือ เป็นแผลน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า เปรียบเทียบคล้ายเราฝังตัวยาไว้ที่ต้นน้ำแล้วปล่อยให้ยาค่อย ๆ ไหลกระจายออกมา เทคนิคนี้จะออกฤทธิ์ได้นานกว่าแบบสะกิด เมโสหน้าใส
ภาพแสดงการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองที่นำมาใช้ในเทคนิคการฉีดเมโสแบบ 16 จุด
Q : ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม?
หากไม่ได้ใช้ยาชา จะมีรู้สึกตอนฉีดแต่ความเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ครับ โดยปกติแล้ว การฉีดเมโสหน้าใสจะไม่ได้มีการแปะยาชา เนื่องจากฉีดผิวชั้นกลาง ปริมาณตัวยาไม่มากและใช้เวลาไม่นาน การประคบน้ำแข็งก่อนฉีดก็เพียงพอครับ
Q : เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?
เมโสหน้าใส อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอครับ และจะอยู่ได้นานขึ้น ที่สำคัญคือดูแลตัวเองและไม่ทำพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอลล์หรือสูบบุหรี่
Q : หน้ามัน รูขุมขนกว้าง มีฝ้า การฉีดเมโสช่วยได้ไหม?
หน้าที่ของต่อมไขมันคือรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวครับ ถ้าเราฉีดคอลลาเจนลงในผิวก็จะทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง หน้ามันน้อยลง และรูขุมขน(ที่ไม่ใช่รอยสิว) ก็จะค่อย ๆ เล็กลงตามครับ
การทำเมโสหน้าใสด้วยคอลลาเจนจะช่วยให้ความชุ่มชื้นและลดความมันของใบหน้าลงได้
Q : เมโสรักษาฝ้าได้จริงไหม?
ในกรณีฝ้า สามารถใช้เมโส เพื่อชะลอการกระจายของฝ้า และ ช่วยให้จางลงได้ 20-50 % ในบางเคสครับ ฝ้าเกิดจากการที่เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเมลานิน หรือเม็ดสีออกมามากเกินจำเป็น ทำให้เกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลบนผิว ซึ่งการเกิดฝ้าเป็นกลไกป้องกันผิวตามธรรมชาติ โดยมีหลายสาเหตุไม่ว่าจะจากการแพ้ หรือจากแสงแดด
ซึ่งในเทคโนโลยีล่าสุดปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ pico ยาทา ยากิน ยาฉีด ยังไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ฝ้าหายขาดได้เลยครับ การรักษาทำได้เพียงช่วยชะลอไว้ หรือในฝ้าบางประเภท อาจจะไม่ได้ผลเลยก็มีครับ
Q : ฉีดเมโสฝ้า กี่วันเห็นผล?
การฉีดเมโสเพื่อรักษาหรือชะลอฝ้า จะเห็นผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มีปัญหามากน้อยแค่ไหน และมีความสม่ำเสมอในการฉีดเมโสหน้าใสหรือไม่ครับ
การที่จะให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ต้องฉีดเมโสหน้าใสต่อเนื่อง การฉีดครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอครับ หมอจะแนะนำให้ฉีดคอร์ส 5 ครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ และช่วยให้ฝ้าลดลงเร็วขึ้น ปกติจะค่อยๆ เห็นผลใน 7-14 วัน
Q : ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง? การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว จำพวกวิตามินช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส
ดังนั้น ผลข้างเคียงที่มีจะเป็นในเรื่องของรอยเข็มตามใบหน้าที่เกิดจากตอนฉีดตัวยา ซึ่งรอยเข็มเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-3 วัน หลังฉีดจะมีเป็นตุ่มนูนๆ ตรงบริเวณที่ฉีด แต่เมื่อตัวยาซึมเข้าผิวหมดแล้วก็จะยุบลงไปเองครับ
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : //www.vsquareclinic.com/tips/must-know-about-meso/
Q : หลังทำเมโสแล้วผื่นแดงขึ้น ต้องทำอย่างไร?
ผื่นแดงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- เกิดจากการอักเสบติดเชื้อ มักจะไม่บวมแดงทันทีหลังทำทันที จะเริ่มบวมแดงมากขึ้นหลังจากวันที่ 3 หลังฉีด หากรีบรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อก็จะหายได้อย่างปลอดภัย 100% และควรระวังเรื่องความสะอาดในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป
- เกิดจากการแพ้ ยาชาแบบทา หรือตัวยาเมโส จะบวมแดงทันทีหลังทำ และเป็นทั่วทุกจุดที่ฉีด หรือ จุดที่ทายาชา ถ้าแพ้แบบไม่รุนแรง(ไม่อันตราย) จะหายเองใน 1 คืนหลังฉีด หากบวมแดงนานเกิน 24 ชม ควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับยากินเพิ่ม
- เกิดจากผื่นคนไข้กำเริบ หรือเป็นผื่นจากโรคอื่น ๆ ที่เกิดพร้อมกันพอดี ระยะเวลาการเกิดผื่นจะไม่แน่นอน ตำแหน่งที่เกิดผื่นจะไม่ตรงกับทุกจุดที่ฉีด ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามโรคนั้น ๆ ต่อไป
- ผื่นแดงจากรอยเข็ม รอยช้ำ จะออกสีม่วงเขียวตามจุดที่ฉีด อาจเกิดทันที หรือหลังฉีด 2-3 วันได้ แก้ไขด้วยการประคบเย็นภายใน 48 ชม.แรก หลังจากนั้นสามารถประคบอุ่นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
Q : ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล? ต้องทำบ่อยแค่ไหน?
หลังฉีดเมโสหน้าใส จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน โดยปกติ เมโสหน้าใส จะฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพ เมโสหน้าใส ไม่มีแบบถาวรครับ สลายหมดไม่มีสารตกค้าง
Q : ฉีดเมโสหน้าใสดีไหม การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นเหมือนการให้อาหารผิวโดยการฉีดสารบำรุงที่มีประโยชน์ ถ้าถามว่าฉีดเมโสหน้าใสดีไหม จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนด้วยครับ บางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนต้องใช้เวลา ดังนั้นควรให้หมอประเมินก่อนว่าเหมาะกับการใช้ยาตัวไหน สูตรใดครับ
- คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่าการทาครีม
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง อดนอน ทำงานหนัก
- คนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน ก็สามารถฉีดถี่ขึ้น 3 วัน/ครั้ง ได้ครับ
Q : นอกจากเมโสหน้าใสแล้ว มีวิธีไหนที่ช่วยให้หน้าใสได้อีก?
ดาราหลายๆคนก็นิยมทำ เมโสหน้าใส เป็นประจำ
เลเซอร์หน้าใส
เป็นการใช้คลื่นแสงจำเพาะเพื่อกระตุ้นเซลล์ผิวต่าง ๆ กระตุ้นคอลลาเจน ลดการทำงานของเม็ดสี แต่ข้อเสียคือ ไม่ว่าคลื่นแสงนั้นจะจำเพาะเพียงใด สำหรับผิวคนเอเชียจะมีเม็ดสีของผิวชั้นบน ทำให้ผิวชั้นบนหลุดออกบางส่วน ผิวชั้นบนมีส่วนช่วยในการป้องกันแสงแดด ประกอบกับแสงแดดเมืองไทยที่ค่อนข้างแรงย่อมไม่เป็นผลดีต่อผิวในระยะยาวครับ (เทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวกับเลเซอร์หน้าใสจะเหมาะกับทางยุโรปที่ผิวขาวและแดดไม่แรงครับ)
ทางคลินิกจึงไม่แนะนำเลเซอร์หน้าใสครับ จะแนะนำให้ทำเลเซอร์หน้าใสเฉพาะกรณีต้องการผลเร่งด่วน หรือหากทำเพื่อรักษาหลุมสิว กำจัดขน ลดรอยฝ้า หรือโรคอื่นๆ ก็สามารถทำได้ปกติครับ
เมโสหน้าใส ในปัจจุบัน ได้ผลใกล้เคียงกับเลเซอร์หน้าใส โดยที่ไม่ทำให้ผิวชั้นบนหลุดออกครับ
โบท็อกหน้าใส
ในชั้นผิวนอกจะมีเส้นใยเล็ก ๆ ที่เชื่อมลงไปสู่ชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกลงไป เมื่อกล้ามเนื้อดึงจะทำให้เกิดริ้วรอย ในคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไปคอลลาเจนและไขมันเริ่มลดลง จะทำให้เส้นใยเหล่านี้ดึงผิวเราได้ชัดขึ้น วิธีการเลือกใช้โบท็อก และโบท็อก อเมริกา vs เกาหลี vs อังกฤษ แตกต่างกันอย่างไร ?
เราใช้โบท็อกฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อให้ดึงผิวเราน้อยลง ก็จะทำให้ ผิวชั้นบนเรียบเนียนขึ้น และใสขึ้นครับ
Skin booster
ในต่างประเทศคำนี้จะถูกใช้เรียก Restylane vital light skin booster จะเป็น Hyaluronic acid ที่เข้มข้นกว่า เมโสหน้าใส ทั่ว ๆ ไป อยู่ได้นานกว่า และเป็นน้ำมากกว่าฟิลเลอร์ปกติ จะสามารถแพร่กระจายในชั้นผิวได้ทั่วทุกชั้นและกว้างกว่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ความหย่อนของผิว มีร่องลึก และต้องการหน้าใสควบคู่กัน คล้าย ๆ การที่เราเติมนุ่นเข้าไปในหมอนให้หมอนตึง
Hifu
เป็นคลื่นเสียง ไม่ใช่แสง จึงไม่มีผลเสียต่อผิวชั้นนอก ทำให้ชั้นหนังแท้หดตัว คล้าย ๆ การเย็บให้ผิวตึง และใสขึ้น ถ้าให้เห็นภาพง่ายขึ้นเหมือนกับเราดึงปลอกหมอนให้หมอนตึงครับ 9 ข้อ ที่ต้องระวัง ! และควรรู้ ในการทำ Hifu
เมโสหน้าใสแบบทา ได้ผลจริงไหม?
เมโสหน้าใสแบบทา ที่เคยได้ยินทั่วไปในอินเทอร์เน็ตเป็นครีมหรือเซรั่มที่ใช้บำรุงผิวครับ การเห็นผลก็เหมือนกับครีมทั่วๆ ไป ต้องรอให้ผิวซับตัวยาเข้าไป ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ประสิทธิภาพจะต่างจากเมโสหน้าใสแบบฉีดมากครับ
Q : ข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใส
มี เมโสหน้าใส หลายยี่ห้อที่ไม่ผ่าน อย. นั่นหมายความว่า จะไม่สามารถยืนยัน ที่มาและแหล่งผลิตได้ รวมถึง ไม่มั่นใจว่าตัวยาที่อยู่ในเมโสนั้น ๆ จะเกิดผลเสียในระยะยาวหรือไม่ เช่น ถ้ามีส่วนผสมของ สเตียรอยด์หรือฮอร์โมน ก็จะทำให้เห็นผลไว ผิวขาวเนียนนุ่ม แต่เมื่อฉีดไปนานๆ 1-2 ปี จะทำให้ชั้นผิวบางลง เกิดฝ้า ผิวไวต่อแดดและเกิดริ้วรอยก่อนวัย บางทีอาจจะถึงขั้นเกิดมะเร็งได้ครับ
ดังนั้น จึงแนะนำว่า ควรขอดูยี่ห้อยา ก่อนฉีดเมโสทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย
มี อย. หมายถึง เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง มีบริษัทที่นำเข้าชัดเจน การขนส่งยาถูกกรรมวิธี ยาไม่เสื่อมสภาพ และสามารถเช็คแหล่งผลิตได้ มีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบกับ บริษัทที่นำเข้าได้ว่าคลินิกนั้นๆใช้ยาแท้หรือไม่
ถ้าไม่มี อย. ก็จะไม่มั่นใจว่า ใช่ยาแท้หรือไม่ เนื่องจากมีโรงงานจำนวนมากที่จีนนิยมทำสินค้าเลียนแบบ ประเภท เมโสหน้าใส ต่าง ๆ นี้ออกมามาก เพราะแค่กล่องเล็ก ๆ ก็สามารถขายได้ราคาสูง
โดยที่เทคโนโลยีการปลอมนั้น สามารถเลียนแบบแพคเกจได้เหมือน 100% แม้แต่หมอก็แยกไม่ออก หมอก็ต้องสั่งจากบริษัทที่นำเข้าที่ขึ้นทะเบียนกับ อย.เท่านั้นครับ (ยาหนึ่งยี่ห้อจะมีเพียงบริษัทเดียวที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง)
Q : หลังฉีดเมโสหน้าใสห้ามทำอะไร?
- ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทำทันที
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็มหลังทำทรีทเม้นท์ 1 คืน
- หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี?
ก่อนตัดสินใจ ฉีดเมโสหน้าใส ควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ดำเนินงานโดยแพทย์ ให้คำแนะนำอย่างละเอียด ราคาสมเหตุสมผล และควรตรวจสอบตัวยาและกล่องยาก่อนฉีดทุกครั้ง
โดยปกติ เมโสหน้าใส ที่ผ่าน อย. นั้น บริษัทที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง จะขายให้กับแพทย์เท่านั้นเพราะมีกฏหมายยาบังคับ ยาเมโสหน้าใสที่ลักลอบขายตามอินเทอร์เน็ตจะเป็นยาหิ้วและไม่ปลอดภัยครับ ที่ V Square Clinic จะประเมินผิวหน้าและเลือกสูตรที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด
เมโสหน้าใส รีวิว
เมโสหน้าใส รีวิว การฉีดที่ V Square Clinic หมอมือเบา ไม่เจ็บ ผิวชุ่มชื้น แข็งแรงขึ้น
รีวิวจากผู้ใช้จริงใน Facebook Fanpage
การดูรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ โดยรีวิวนั้นเขียนโดยผู้ใช้บริการจริงและมีความเป็นปัจจุบัน ก็จะช่วยให้คนไข้นั้นสามารถตรวจสอบคุณภาพการทำหัตถการของแพทย์และผลการรักษาได้ดียิ่งขึ้นครับ
เมโสหน้าใส ราคา เท่าไหร่?
ที่ V Square Clinic เมโสหน้าใส ราคาแตกต่างกันไปตามสูตร ซึ่งหมอจะแนะนำว่าแต่ละสูตรมีข้อดีอย่างไร เหมาะกับแก้ปัญหาไหน เพื่อให้คนไข้ตัดสินใจครับ