คำแนะนำ
1. แบบทดสอบแบ่งเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 แบบทดสอบเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก
มีจำนวน 10 ข้อ 10 คะแนน
2. ตอนที่ 2
ภาคปฏิบัติแบบอัตนัย 2 ข้อ 10 คะแนน
3. ตอนที่ 1 ให้นักเรียนคลิกตัวเลือกที่เห็นว่าถูกที่สุดเพียงข้อเดียว และเมื่อทำแบบทดสอบครบ
ทุกข้อแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม "ตรวจคำตอบ" จะทราบคะแนนทันที
ข้อที่ 1 : ขั้นตอนการวิเคราะห์ปัญหาขั้นตอนใดที่ผู้พัฒนาโปรแกรมต้องศึกษาถึงวิธีการประมวลผลมากที่สุด
ก. สิ่งที่ต้องการ
ข. รูปแบบการแสดงผลทางเอาต์พุต
ค. การประมวลผล
ง. ลักษณะของข้อมูลเข้า
ก. ทำความเข้าใจกับปัญหา
ข. ทำความเข้าใจกับลักษณะข้อมูลเข้าออก
ค.
ทดสอบขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา
ง. ทดสอบรูปแบบข้อมูลเข้าและข้อมูลออก
ก. การทำความเข้าใจกับปัญหา
ข. การอธิบายขั้นตอนการทำงานเป็นข้อๆ
ค. การคิดวิธีแก้ปัญหา
ง. การทดสอบขั้นตอนการทำงาน
ข. พิจารณาข้อมูลเอาต์พุต
ค. การอธิบายวิธีประมวลผล
ง. สิ่งที่ต้องการทางเอาต์พุต ข้อที่ 5 : ถ้าหากต้องการให้คอมพิวเตอร์คำนวณหาพื้นที่สามเหลี่ยม ท่านคิดว่าข้อมูลใดคือข้อมูลอินพุต
ก. พื้นที่, ความสูง
ข. พื้นที่, ความยาวฐาน
ค.
ความยาวฐาน, สูง
ง. พื้นที่, ความยาวฐาน, สูง
ก. อย่างน้อย 1 ชุด
ข. อย่างน้อย 2 ชุด
ค. ขึ้นกับลักษณะของปัญหา
ง. ทุกกรณีที่สามารถเป็นไปได้ในปัญหานั้นๆู
ก. การวิเคราะห์ว่าโปรแกรมนั้นต้องทำงานบนเครื่องรุ่นใด
ข. การวิเคราะห์ว่าต้องการผลลัพธ์อะไรจากการประมวลผล
ค. การวิเคราะห์รูปแบบการพิมพ์ผลลัพธ์
ง. ถูกทุกข้อ
"
ค่าเฉลี่ยออกทางจอภาพ" ผลลัพธ์ที่ต้องการจากปัญหานี้คือข้อใด
ก. ค่าของตัวแปร 3 ตัว
ข. ค่าของเลขจำนวนเต็ม 3 จำนวน ที่รับผ่านทางแป้นพิมพ์
ค. ค่าเฉลี่ยของเลขจำนวนเต็ม 3
จำนวน
ง. ค่าเฉลี่ยของเลขจำนวนเต็ม 3 จำนวน ที่แสดงออกทางจอภาพ
ก. ทำให้เข้าใจและแยกแยะปัญหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ข. สามารถหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ง่าย
ค. ผู้เขียนโปรแกรมมองเห็นลำดับการทำงาน
ง. ถูกทุกข้อ
ก. นิดฝึกคิดวิเคราะห์ และหารายได้เสริม
ข. เอลำดับขั้นตอนการทำอาหารของตนเอง
ค. เจลอกการบ้านเพื่อนเสมอ
ง. โอสร้างปฏิทินการทำงานของตนเองเสมอ
การเขียนโปรแกรม หมายถึง กระบวนการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูลและกำหนดขั้นตอนวิธีเพื่อใช้แก้ปัญหาที่ได้ออกแบบไว้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์การเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่ละภาษา การเขียนโปรแกรมมี 3 แบบ ได้แก่ การเขียนโปรแกรมโครงสร้าง (Structure Programming) การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-oriented Programming : OOP) และการเขียนโปรแกรมเชิงจินตภาพ (Virus Programming) ซึ่งการเขียนโปรแกรมแต่ละแบบมีแนวคิดและวิธีการเขียนโปรแกรมงานอย่างง่ายแตกต่างกันไป
การเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง
การเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง (Structure Programming) ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้ ในการเขียนโปรแกรมมีให้เลือกมากมายหลายภาษา เช่น ภาษาชี ภาษาจาวา ภาษาเดลไฟล์ ผู้เขียนโปรแกรมอาจใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาใช้ในการเขียนโปรแกรมตามลักษณะของปัญหาความสามารถ และความถนัดของตนเอง ซึ่งแต่ละภาษาก็จะมีรูปแบบคำสั่งและหลักการในการเขียนโปรแกรมที่แตกต่างกัน สำหรับภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง ซึ่งเป็นวิธีการเขียนแบบดั้งเดิม เช่น ภาษาปาสกาล ภาษาชี จะมีโครงสร้างในการเขียนโปรแกรม 3 แบบ ได้แก่ โครงสร้างแบบลำดับ (Sequential Strcture) โครงสร้างแบบมีทางเลือก (Selection Structure) และโครงสร้างแบบทำซ้ำ (Repetition Structure) ถึงแม้ว่าปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเปลี่ยนไป แต่แนวคิดเกี่ยวกับวิธีการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างก็ยังเป็นความรู้พื้นฐานในการเขียนโปรแกรมแบบสมัยใหม่อย่างการเขียนโปรแกรม มีรายละเอียดดังนี้
1. โครงสร้างแบบลำดับ (Sequential Structure) เป็นโครงสร้างที่แสดงขั้นตอนการทำงานที่เรียงเป็นลำดับก่อนหลัง จากคำสั่งที่ 1 ไปคำสั่งที่ 2 ต่อไปจนถึงคำสั่งสุดท้ายและแต่ลพคำสั่งจะมีการประมวลผลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น การเขียนโปรแกรมโครงสร้างแบบลำดับจึงเป็นการเขียนโปรแกรมที่ง่ายที่สุด