- คุณอยู่ที่:
- บทความ
- ข่าวสารไอที
- ซื้อ Apple Watch รุ่นไหนดี
หมวดหลัก: บทความ หมวด: ข่าวสารไอที เทคโนโลยี ข่าวสารไอที เทคโนโลยี อัปเดตล่าสุด: 24 มิถุนายน 2565 24 มิถุนายน 2565
ในปัจจุบันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยการใช้ชีวิตประจำวันของเราไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, โน็ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ใหม่ ที่ช่วยทำให้เราสามารถท่องโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย สามารถติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกสบายและรวดเร็ว ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้พัฒนาไปอีกขั้นนั้นก็คือแอปเปิ้ลวอช (Apple Watch) หรือนาฬิกาข้อมือที่ไม่ใช่แค่นาฬิกาข้อมือแบบทั่วไป แต่สามารถวิเคราะห์สุขภาพได้ สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ แถมยังมีระบบเซ็นเซอร์ต่าง ๆอีกด้วย
จะเลือกซื้อ Apple Watch ที่เป็นรุ่น GPS หรือ GPS+Cellular ดี
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Apple Watch ที่เป็นรุ่น GPS กับรุ่นที่เป็น GPS+Cellular กันก่อนเลย ว่าแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร
- Apple Watch รุ่นที่เป็นแบบ GPS จะเป็นรุ่นที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตในตัวทำงานโดยการอาศัยการเชื่อมต่อกับ
iPhone เท่านั้น เมื่อระยะการเชื่อมต่อหลุดหรือถูกตัด apple watch จะทำการแสดงค่าของตัวมันเองเท่านั้น - Apple Watch รุ่นที่เป็นแบบ GPS+Cellular จะเป็นรุ่นที่มีทั้ง GPS และ Cellular ในตัว
ตัวเครื่องทำงานได้โดยใส่ซิม
eSIM ในการเชื่อมต่อ และอีกหนึ่งสิ่งที่พิเศษรุ่นนี้สามารถโทรเข้าโทรออกและรับสายได้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ iPhone
Apple Watch Series 3 GPS
ตัวเรือนถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่ายมีเพียงแค่หน้าจอกับปุ่ม Power และ Digital Crown เท่านั้น หน้าปัดนาฬิกาสามารถเลือกลวดลายได้ทำให้ดูสวยงาม ในส่วนของ Siri สามารถพูดและเปล่งเสียงออกมาจากลำโพงในตัวเรือนได้เช่นกัน ในส่วนการออกกำลังกายมีให้เลือกหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, การเดินในร่ม, การเดินขึ้นบันได, การว่ายน้ำหรืออื่นๆอีกมากมาย ตัวเรือนสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่มีความอึดชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง
สเปคภายใน
- ตัวเรือนเป็นอะลูมิเนียม มี 3 สี ได้แก่ สีเงิน สีทอง และสีสเปรซเกรย์
- มี GPS และ GLONASS ในตัว
- มีชิพโปรเซสเซอร์ S3 เป็นแบบ Dual-core ที่เร็วขึ้น
- มีชิพ W2 (Apple wireless chip รุ่นที่ 2)
- มีมาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
- มีความจุ 8GB
- มีระบบเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- มีอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและไจโรสโคป
- สามารถทนน้ำได้ที่ระดับ 50 เมตร
- มีกระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง
- มีฝาหลังวัสดุคอมโพสิต
- มีWi-Fi (802.11b/g/n 2.4GHz)
- Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- มีความละเอียดหน้าจอ 312×390 pixels (42 มม.) ถ้ารุ่น 38 มม. ความละเอียดหน้าจอ 272×340 pixels
- มาพร้อม watchOS 4
Apple Watch Series 5
มาพ้อมหน้าจอแบบ LTPO OLED Retina ที่ติดตลอดเวลาให้ความสว่างถึง 1,000 nits และหน้าจอยังสามารถปรับความสว่างให้ได้แบบอัตโนมัติ ในส่วนของความเร็วมีการตอบสนองการทำงานได้ดีและมีความลื่นไหลสามารถเปิดใช้งานแอปต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นแอปการออกกำลังกาย, การตรวจจับระดับความดังเสียง, การฟังเพลงและอื่นๆอีกมากมายก็ทำได้ดี ในส่วนของแบตเตอรี่ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้ถึง 18 ชั่วโมงหรือ 2 วัน
สเปคภายใน
- มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม (Fall Detection)
- Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นชนิดชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง
- มีอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB สำหรับการชาร์จ
- มีมาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
- ทนน้ำความลึก 50 เมตร ใส่ว่ายน้ำได้
- มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
- มีไมโครโฟน
- พิเศษรุ่น GPS+Cellular สามารถใช้งานการโทรฉุกเฉิน 150 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ตรวจจับการล้มที่จะโทรหาหน่วยฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้ไม่ตอบสนอง
Apple Watch SE
หน้าจอเป็นแบบ LTPO OLED Retina ให้ความสว่างสูงสุดถึง 1,000 nits หน้าจอไม่สามารถแสดงผลได้ตลอดเวลา ตัวเรือนมีความสวยงามใช้คู่กับสายแบบ Sport Loop ที่มีน้ำหนักที่เบาสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นฐานสามารถใช้ได้ทั่วไปเหมือนรุ่นอื่นๆ ในส่วนของแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 18 ชั่วโมง
สเปคภายใน
- มีพื้นที่เก็บข้อมูล 32 GB
- หน้าจอมีให้เลือกทั้งแบบ 40 (324×394 px) และแบบ 44 มม. (368×448 px)
- สามารถกันน้ำได้ลึกสุดถึงระดับ 50 เมตร (ใส่ว่ายน้ำได้)
- มีเข็มทิศ สามารถวัดระดับความสูงแบบ realtime ได้
- มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล (รุ่น 2)
- มีลำโพงและไมโครโฟนในตัว ใช้คุยโทรศัพท์ได้
- รองรับ WiFi b/g/n 4 GHz และ Bluetooth 5.0
- รุ่น Cellular รองรับ 4G และ 3G แบบ eSIM
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง
Apple Watch Series 6 GPS
หน้าจอเป็นแบบ LTPO OLED Retina ความสว่างสูงสุดถึง 1000 nit รองรับการแสดงผลแบบติดตลอดสามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติ รุ่นนี้มี 2 ขนาด มีขนาด 40 มิลลิเมตร ความละเอียดอยู่ที่ 324 x 394 พิกเซลและมีขนาด 44 มิลลิเมตร ความละเอียดอยู่ที่ 368 x 448 พิกเซล รุ่นนี้มีฟังก์ชันใหม่ที่พึ่งเพิ่มเข้ามา คือการวัดปริมาณออกซิเจนเลือดแดงตามอวัยวะต่างๆในร่างกายได้ การใช้งานพื้นฐานทั่วไปสามารถใช้ได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ในส่วนของแบตเตอรี่แบบเป็น li-ion 1.17Wh สามารถใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง
สเปคภายใน
- มีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32 GB
- มีชิประบบไร้สาย W3
- มี GPS/GNSS
- กันน้ำได้ลึกสุด 50 เมตร
- รองรับ WiFi 4 และ 5 GHz
- เพิ่มเซ็นเซอร์วัดปริมาณออกซิเจนในเลือดเข้ามา
- เพิ่มเซ็นเซอร์วัดระดับความสูงแบบ real time เข้ามา
- รองรับการวัดคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ (ECG)
- มีฟังก์ชันตรวจจับการล้ม (Fall detection)
- รองรับการโทรและส่ง SOS ฉุกเฉิน
- มีไมโครโฟนในตัว
- ใช้กดโทรออก กดรับสายเมื่อเชื่อมกับ iPhone ได้
สรุป
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า Apple Watch--mlinkarticle--} เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นใช้ในการการสื่อสาร การฟังเพลง การโทรเข้าออก การรับสาย การแจ้งเตือนต่างๆและสามารถใช้ในด้านสุขภาพได้ด้วยมีทั้งการตรวจวัดการอัตราเต้นของหัวใจ การแสดงผลการออกกำลังกายและสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นได้อีกด้วย สุดท้ายนี้เราหวังว่าข้อมูลข้างบนจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ Apple Watch นะครับ
อ้างอิง
Apple Watch (แอปเปิ้ลวอช) ซื้อรุ่นไหนดี ปี 2022 ช่องทางออนไลน์ เข้าได้จาก
//bestreview.asia/best-apple-smartwatch/
10 อันดับ Apple Watch รุ่นไหนดี ฉบับล่าสุดปี 2021 ช่องทางออนไลน์ เข้าได้จาก
//my-best.in.th/49643
รีวิว Apple Watch รุ่นไหนดี 2022 | Series 7 vs SE vs 3 ช่องทางออนไลน์ เข้าได้จาก
//proreview.co/apple-watch-%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5/