AirAsia Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำในมาเลเซีย ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Capital A ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุน ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์
โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Capital A กล่าวว่า นี่ไม่ใช่แค่การเปิดตัวโลโก้ใหม่เท่านั้น แต่เป็นก้าวสำคัญสู่ยุคใหม่ของพวกเรา เพื่อประกาศว่าเราไม่ใช่แค่สายการบินอีกต่อไป แต่มีธุรกิจที่หลากหลาย
“เราได้เห็น Facebook และ Google ทำมัน เพราะมันสะท้อนถึงวิวัฒนาการที่บริษัทได้ก้าวผ่านจากที่เคยเป็นมา” เขากล่าว
Nikkei Asia รายงานว่า Capital A วางแผนที่จะระดมเงินกว่า 1 พันล้านริงกิต หรือราว 8 พันล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนในการทำงานและการดำเนินงาน และจะจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำในสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้
เฟอร์นานเดสไม่ได้ระบุชื่อประเทศที่เป็นเป้าหมายสำหรับการดำเนินงานของสายการบินใหม่ แต่กล่าวว่าการเจรจายังดำเนินอยู่และจะประกาศเร็วๆ นี้ นอกจากมาเลเซียแล้ว AirAsia ยังมีธุรกิจในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
การเปลี่ยนชื่อใหม่ยังมาพร้อมกับเป้าหมายการดำเนินการที่ต้องการบรรลุให้ได้ภายในปี 2026 คือ
- กลุ่มสายการบินที่เชื่อมต่อและให้บริการผู้คนกว่า 1 พันล้านคนในอาเซียน
- แผนกวิศวกรรม (ADE) กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริการบำรุงรักษา ซ่อมแซม หรือเป็น MRO ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- airasia Super App ก้าวเป็นสุดยอดแอปพลิเคชันในอาเซียน
- ผู้ใช้งาน BigPay 10 ล้านคนต่อเดือน
- ส่วนแบ่งตลาด 10% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับ Teleport ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซ
- มีผู้ลงทะเบียน 5 ล้านสำหรับกลุ่มผู้ให้ความรู้ AirAsia Academy
- ยอดสั่งซื้อของชำ (Grocery) ของ AirAsia กว่า 21 ล้านรายการต่อเดือน
แต่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2021 AirAsia รายงานว่าผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 2.2 พันล้านริงกิต จาก 2.7 พันล้านริงกิตในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 ส่วนรายได้ลดลงอย่างรวดเร็ว จาก 2.97 พันล้านริงกิต เป็น 1.02 พันล้านริงกิต
อ้างอิง:
- //asia.nikkei.com/Business/Transportation/Capital-A-formerly-AirAsia-to-raise-funds-start-new-operations
- //newsroom.airasia.com/news/airasia-group-is-now-capital-a-th
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram:
instagram.com/thestandardwealth
Official Line: //lin.ee/xfPbXUP
TAGS:
ABOUT THE AUTHOR ถนัดกิจ จันกิเสน
Content Creator ประจำกองบรรณาธิการ THE STANDARD WEALTH
เคยลองคิดเล่นๆไหมว่าเดี๋ยวนี้จะไป สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไปง่ายกว่านั่งรถไฟไปเชียงใหม่เสียอีก หากนึกย้อนกลับไปเมื่อสักสิบกว่าปีก่อนการนั่งเครื่องบินแต่ละครั้งดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่โดยเฉพาะการเดินทางในประเทศ การนั่งเครื่องดูจะไม่ค่อยเป็นความสามัญของการเดินทาง อีกทั้งราคาตั๋วยังสูงมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ทำให้การเข้าถึงการคมนาคมที่สะดวกสบายและประหยัดเวลาเช่นนี้ ถูกจำกัดอยู่แค่คนที่มีกำลังในการจ่ายเท่านั้น
แต่การมาของสายการบินทุนต่ำหลากหลายเจ้า ที่กระหน่ำเปิดเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนไทยที่สามารถเดินทางไปได้ไกลหลากหลายพื้นที่ในราคาที่ประหยัดขึ้น วันนี้เราจึงนำเรื่องราวของ AirAsia สายการบินราคาประหยัดเจ้าของสโลแกน “Everyone can fly” มาบอกเล่าให้ได้รู้จักแอร์เอเชียกันมากขึ้น
1. ซื้อต่อจากเจ้าของเดิมในราคา 0.25 ดอลลาร์สหรัฐ
แอร์เอเชียเริ่มให้บริการครั้งแรกปี 2001 ด้วยเครื่องบินเก่าจำนวน 2 ลำ โดยซื้อมาจากแอร์เอเชียที่บริหารโดยเจ้าของเดิมในช่วงภาวะใกล้เจ๊ง โดยจ่ายไปเพียง 1 ริงกิตมาเลเซีย (0.25 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเดิมทีแอร์เอเซียก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1993 โดยบรรษัท DRB-Hicom ในมาเลเซียมีรัฐบาลเป็นเจ้าของ แต่ด้วยภาระหนี้สินอย่างหนัก ทำให้แอร์เอเซียถูกขายต่อให้ Tony Fernandes นักธุรกิจชาวมาเลเซียในราคา 0.25 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมหนี้สินกว่า 400 ล้านบาท
2. การเริ่มต้นที่ไม่งดงาม
ด้วยภาระหนี้สินที่มี บวกกับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก และ เหตุการณ์ 911 ที่ทำให้วงการอุตสหกรรมการบินสั่นคลอน การเริ่มต้นของ AirAis ในปี 2001 จึงไม่ง่าย แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี Tony Fernandes ก็สามารถทำกำไรให้แอร์เอเชียได้ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร
ปัจจุบันบริษัทแม่ หรือ headquartered ของแอร์เอเชียอยู่ใกล้เมืองกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ภายใต้การบริหารของกลุ่ม Tune Group โดยมีนาย Tony Fernandes กุมบังเหียนเป็น Co-founder และ CEO ปัจจุบันแอร์เอเชียมีพนักงานมากกว่า 14,000 คนจากจุดเริ่มต้นที่มีเพียง 250 คน ในปี 2001
3. กลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใครของต้นแบบสายการบินราคาประหยัด
แอร์เอเชียโดดเด่นในเรื่องราคาประหยัด สะท้อนจุดยืนในเรื่องที่ทำให้เครื่องบินเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครๆก็ใช้บริการได้ ด้วยการให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อบริการเสริมอื่นๆนอกเหนือจากการเดินทางได้ตามต้องการ แน่นอนว่าผู้โดยสารบางรายต้องการเพียงแค่เดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ บริการเสริมอย่างอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนบนเครื่องบิน Inflight Comfort สามารถเลือกซื้อเพิ่มได้ตามความพอใจ อีกทั้งระบบการจอง เช็คอิน หรือการตรวจสอบข้อมูล ผู้โดยสารสามารถทำทุกขั้นตอนได้ด้วยตัวเองผ่านระบบของแอร์เอเชีย ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนมาก และตั้งราคาค่าตั๋วแบบ low-cost ได้
4. นวัตกรรมที่ช่วยประหยัดต้นทุน
แอร์เอเชียเป็นสายการบินแรกที่ใช้ อากาศยาน Airbus A320 เป็นเครื่องรุ่นที่มีอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า “Sharklets” ติดอยู่ตรงปลายปีก ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วยลดแรงลากที่คอยต้านเครื่องบิน ทำให้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงในการบินได้มากยิ่งขึ้น
5. รหัสสายการบิน
- AK แอร์เอเชีย
- FD ไทยแอร์เอเชีย
- QZ อินโดนีเชียแอร์เอเซีย
- D7 แอร์เอเชียเอ็กซ์
- Z2 ฟิลิปปินส์แอร์เอเชีย
- XJ ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
- I5 แอร์เอเชียอินเดีย
6. Airbus
แอร์เอเชียใช้อากาศยาน Airbus A320-200 สามารถจุผู้โดยสารได้ 180 คน ซึ่งประจำอยู่ในท่าอากาศยานทั้งหมด 188 ลำ แต่ละลำมีอายุการใช้งานเฉลี่ยเพียง 3.5 ปี และยังมีเครื่องที่อยู่ระหว่างการสั่งซื้ออีก 41 ลำ ส่วน “A320 neo” เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่จุผู้โดยสารได้ 186 คน อยู่ในระหว่างการสั่งซื้อเพิ่มเข้ามาอีก 300 ลำ
(ข้อมูลอัพเดทล่าสุด July 2015)
7. จำนวนเครื่องบินที่ประจำการอยู่ในแต่ละประเทศ
- AirAsia (Malaysia) – 82
- Thai AirAsia – 44
- Indonesia AirAsia – 29
- AirAsia Zest – 18
- Philippines AirAsia – 10
- AirAsia India – 5
(ข้อมูลอัพเดทล่าสุด July 2015)
8. เส้นทางการบินของ AirAsia
จุดเริ่มต้นของเส้นทางการบินแอร์เอเชียคือเส้นทาง ระหว่างกัวลาลัมเปอร์และลังกาวี ด้วยเครื่องบิน 2 ลำและพนักงาน 250 คนในปี 2002 จนกระทั่งปัจจุบันแอร์เอเชียให้บริการรับส่งผู้โดยสารไปยัง 88 ประเทศจุดหมายปลายทาง ซึ่งแอร์เอเชียค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องเปิดเส้นทางการบินใหม่ๆ ที่เข้าถึงเมืองเล็กในภูมิภาคต่างๆ
9. ไทยแอร์เอเชีย
เดิมทีสายการบินที่ได้รับอนุญาตให้บินตรงภายในประเทศไทยได้มีเพียงสายการบินแห่งชาติเท่านั้น (การบินไทย) จนกระทั่งปี 2002 รัฐบาลได้เปิดเสรีการบินในไทย ทำให้สายการบินเอกชนสามารถให้บริการบินตรงภายในประเทศได้ จุดนี้เองที่ทำให้เกิดสายการบินต้นทุนต่ำขึ้นในไทย
“บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด” ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 19 กันยายน 2546 ประกอบธุรกิจสายการบินราคาประหยัด โดยใช้ชื่อว่า Thai AirAsia ปัจจุบัน บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น คือบริษัทในไทย ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 55 และ AirAsia Berhad (ผ่าน AirAsia Investment ที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศมาเลเซียถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 45 มีทุนจดทะเบียนจำนวน 435,555,600 บาท
10. เครื่องบินของ ไทยแอร์เอเชีย
ไทยแอร์เอเชีย เริ่มต้นด้วยเครื่อง Boeing 737-300 จำนวน 2 ลำ ให้บริการเส้นทางบินเชิงพาณิชย์แบบ Point-to-point ครั้งแรกในเส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 ปัจจุบันได้ขยายเส้นทางการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และปลดประจำการเครื่องบิน Boeing ทุกรุ่น โดยเปลี่ยนมาใช้ Airbus 320 ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ 180 คน (เที่ยวบินของแอร์เอเชีย ที่ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า 4 ชั่วโมง) และ Airbus 330 รองรับผู้โดยสารได้ 377 คน (เที่ยวบินของแอร์เอเชีย เอกซ์ ที่ใช้เวลาเดินทางมากกว่า 4 ชั่วโมง) ภาพด้านล่างเป็นที่นั่งผู้โดยสารของเครื่อง Airbus 320
Source: AirAsia.com
Source: Wikipedia
Source: Time Magazine
- TAGS
- Air Asia
- Air Asia Pantip
- AirAsia
- airasiax
- low cost airline
- จองตั๋วเครื่องบิน
- นกแอร์
- บางกอกแอร์เวย์
- แอร์เอเชีย
- แอร์เอเชีย พันทิป
- แอร์เอเซีย
- ไทยสไมล์