ในช่วงยุคทองของอาณาจักรล้านนา มีเจดีย์บางแห่งที่มีรูปแบบพิเศษ แสดงถึงอิทธิพลจากต่างถิ่นอย่างชัดเจน โดยไม่ได้รวมเข้าในกระบวนการพัฒนารูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนา กล่าวคือ ไม่รวมอยู่ในกลุ่มเจดีย์ ๒ รูปแบบหลัก ได้แก่ เจดีย์ทรงปราสาทและเจดีย์ทรงระฆัง ที่พัฒนาการมาเป็นแบบอย่างพื้นเมือง
มีรูปลักษณ์แสดงถึงต้นแบบที่มาจากภายนอกอาณาจักรล้านนาอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์เจ็ดยอด ที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ที่ได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย แต่รูปแบบเจดีย์เหล่านี้มีจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับรูปแบบเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลจากพม่าในยุคหลัง เช่น เจดีย์ทรงกู่เต้าและเจดีย์ทรงระฆังแบบพม่า – มอญ ซึ่งมีการสร้างเป็นจำนวนมากในล้านนา
อิทธิพลจากอินเดีย
รูปแบบเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาจากศิลปะอินเดียอย่างชัดเจนที่สุด คือ เจดีย์เจ็ดยอด
เป็นเจดีย์ก่อด้วยศิลาแลง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปจำลอง ที่สร้างขึ้นในช่วงยุคทองของอาณาจักรล้านนา เมื่อครั้งมีการสังคายนาพระธรรมวินัยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในปี พ.ศ. ๒๐๒๐ พญาติโลกราชทรงส่งพระสงฆ์ไปจำลองแบบจากวิหารมหาโพธิ์ เมืองพุกาม ซึ่งพม่าได้สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยถ่ายทอดมาจากรูปแบบพระมหาโพธิเจดีย์ (พระมหาเจดีย์พุทธคยา) ประเทศอินเดีย โดยมีการปรับปรุงแบบบางส่วน เช่น การเพิ่มเจดีย์ทรงระฆังอีกสององค์ด้านหน้าจึงรวมเป็นเจ็ดยอด จากต้นแบบทั้งสองแห่งที่มีเพียงห้ายอด
ส่วนฐานประทักษิณประดับรูปปูนปั้นเทวดายืนและนั่งในแต่ละด้าน มีช่องคั่นด้วยเสาติดผนังซ้อนสองชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
เจดีย์อิทธิพลอินเดีย เจดีย์เจ็ดยอด วัดเจ็ดยอด หรือวัดโพธารามมหาวิหาร) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
อิทธิพลจากสุโขทัย
ในช่วงยุคทองของอาณาจักรล้านนา
มีการอัญเชิญพระสุมนเถระจากสุโขทัยมาเผยแผ่ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทลังกาวงศ์ จึงได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย คือ เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ที่มีรูปทรงแบบดอกบัวตูม ซึ่งมีจำนวนไม่มากนักในล้านนา ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงองค์เดียว มีสภาพเป็นโบราณสถาน
อิทธิพลจากพม่า
เจดีย์ทรงระฆังแบบมอญ – พม่า ที่พัฒนามาตั้งแต่สมัยพุกาม มีองค์ประกอบที่เหมือนกัน คือ องค์ระฆังมีลวดลายรัดอกและบัวคอเสื้อ ไม่มีบัลลังก์รับส่วนยอด และส่วนยอดมีปัทมบาทคั่นระหว่างปล้องไฉนกับปลียอด
ส่วนความแตกต่างขององค์ประกอบสำคัญที่มีข้อสังเกตได้ค่อนข้างชัดเจน ระหว่างเจดีย์แบบมอญกับเจดีย์แบบพม่าแท้ เช่น ส่วนฐานประทักษิณ รายละเอียดของส่วนประดับในแต่ละชั้นขององค์เจดีย์ และสัดส่วนของส่วนปลียอดต่อมาในสมัยอมรปุระ-มัณฑะเลย์ มีการพัฒนารูปแบบเจดีย์ทรงระฆัง โดยการผสมผสานรูปแบบพม่า – มอญเข้าด้วยกัน และไม่มีการเจาะช่องสี่เหลี่ยมในชั้นท้องไม้ของส่วนฐาน นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบเจดีย์ทรงปราสาทแบบพม่า เรียกว่า “เจติยวิหาร” หรือ “กู่ปายา” เป็นรูปแบบสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยพุกามมาจนถึงสมัยอมรปุระ-มัณฑะเลย์
ส่วนเรือนธาตุจะเป็นวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่เข้าไปสักการะภายในได้ เจดีย์ลักษณะนี้ในล้านนาจะทำเพียงซุ้มโขงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปในซุ้มเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปภายในได้
เจดีย์ทรงระฆังแบบอมราปุระ-มัณฑะเลย์ วัดป่าเป้า (วัดเชตะวันวิหาร วัดเวฬุวันวิหาร) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม
ล้อมรอบด้วยซุ้มประตูประดับปูนปั้นเหนือประตูทางเข้า
เจดีย์ทอง วัดม่อนจำศีล อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นเจดีย์ทรงระฆัง
ซึ่งมีกำแพงล้อมรอบบริเวณลานรอบเจดีย์ ทั้ง ๔ ด้าน และซุ้มประตูโขง พร้อมปูนปั้นประดับซุ้มประตู ทางเข้า พระกริ่งทะลุยอดปิดทองด้วยแผ่นทองจังโก
เจดีย์ทรงปราสาท วัดพระยืน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีการสร้างพระพุทธรูปยืนเพิ่มอีก ๓ องค์ เพื่อประดิษฐาน ในซุ้มจระนำให้ครบทั้ง ๔ ด้าน
โดยสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่ให้ครอบพระพุทธรูปยืนเดิม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า คล้ายกับอนันทเจดีย์ในเมืองพกุาม
เจดีย์ทรงระฆัง วัดแสนฝาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งบนฐานสี่เหลี่ยมแบบอมราปุระ – มัณฑะเลย์ แบบเดียวกับเจดีย์วัดป่าเป้า
เจดีย์อรหันต์ ๘ ทิศ วัดม่อนจำศีล อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
เป็นเจดีย์แปดเหลี่ยมทรงปราสาทยอดแบบพม่า เรียกว่า เจติยวิหาร หรือกู่ปายา
เจดีย์วัดกู่เต้า
(วัดเวฬุวนาราม) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ รูปทรงเจดีย์ได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า มีเรือนธาตุซ้อนชั้น รูปทรง คล้ายผลแตงโม บาตร หรือหม้อน้ำ ประดับลวดลายปูนปั้นโดยรอบ แต่ละชั้นมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป
ที่มา: หนังสือสถาปัตยกรรมล้านนา
ภาพถ่าย: วีระพล สิงห์น้อย / รุ่งกิจ เจริญวัฒน์
ด้านสถาปัตยกรรมอินเดียได้รับอิทธิพลมาจากที่ใด
สถาปัตยกรรมอินเดีย หมายถึงสถาปัตยกรรมที่พบในประเทศอินเดียปัจจุบัน หยั่งรากมาจากประวัติศาสตร์ของชาติอินเดีย, วัฒนธรรมอินเดีย และ ศาสนาที่เกิดขึ้นในอินเดีย ซึ่งมีการวิวัฒนาการและพัฒนา แตกต่างกันไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ได้รับอิทธิพลจากภายนอกในแต่ละยุค ทั้ง กรีก, โรมัน, เปอร์เซีย และ อิสลาม ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมยุคก่อน ๆ ...
สถาปัตยกรรมที่สำคัญของอินเดียได้เเก่อะไร
1. กุตับมีนาร์ 13,240. จุดที่น่าสนใจและสถานที่สำคัญ • อาคารทางสถาปัตยกรรม ... .
2. Hawa Mahal - Palace of Wind. 9,016. ... .
3. ทัชมาฮาล 31,794. ... .
4. Sree Padmanabhaswamy Temple. 2,615. ... .
5. Bara Imambara. 1,515. ... .
6. วังหลวงอุทัยปุระ 9,235. ... .
7. Lukshmi Vilas Palace. 1,305. ... .
8. Mahalaxmi Temple. 1,050..
วรรณกรรมข้อใดที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย
วรรณกรรมอินเดียที่มีอิทธิพล ได้แก่ รามายณะ มหาภารตะ คัมภีร์ปุราณะและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับธรรมเนียมกษัตริย์ การสืบราชวงศ์ตามแบบธรรมเนียมโบราณของราชวงศ์ในลุ่มแม่น้ำคงคา วรรณกรรมอินเดียมีอิทธิพลต่อชีวิตชาวบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยการเล่า การอ่านนิทานแสดงเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในวรรณกรรม การแสดงหุ่นกระบอก หนัง ...
ศิลปะสมัยก่อนอินเดียได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมใด
ศิลปะสมัยประวัติศาสตร์สมัยแรกสุดน่าจะเรียกได้ว่าเป็นสมัยหัวเลี้ยวหัวต่อคือ ศิลปะในวัฒนธรรมของโมเหนโจดาโรและฮารัปปา ซึ่งแสดงออกถึงอิทธิพลของศิลปะ เมโสโปเตเมียอย่างเต็มที่ ศิลปะกรีกและอิหร่าน (เปอร์เซีย) ได้ให้อิทธิพลต่อศิลปะอินเดียใน