วันที่ปรับปรุงล่าสุด : 2022-06-30
อัพเดทล่าสุด 10 ส.ค. 60
Q : ตอนไหนที่เครื่องจะปล่อยน้ำยาปรับผ้านุ่มมา จะต้องรอเวลาให้เวลาหน้าเครื่องเหลือเท่าไร
A : แนะนำให้สังเกตุเวลาหน้าเครื่องเหลือที่ประมาณ 20-25 นาที จะเป็นช่วงเวลาที่เครื่องปล่อยน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้ามา ก่อนที่จะทำการปั่นหมาด
คำถามที่เกี่ยวข้อง
- [Washing Machine] หากต้องการให้เครื่องซักผ้าแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มต้องทำอย่างไร
- [Washing Machine] เครื่องซักผ้า Samsung มีโปรแกรมสำหรับแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มหรือไม่
- [Washing Machine] ระหว่างการทำงานของเครื่องซักผ้าสามารถกดหยุดเครื่องได้นานเท่าใด
โปรดคลิกปุ่ม "ส่ง" ด้านล่างเพื่อแสดงความคิดเห็นของคุณ ขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วมของคุณ
ใช่ ไม่ใช่
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
โปรดตอบคำถามทุกข้อ
Contact Info
ออนไลน์
ช่องทางในการติดต่อเราด้วยบริการการออนไลน์ต่างๆ ผ่านทาง สนทนาออนไลน์(Live Chat), Email และอื่นๆ
เปิดให้บริการท่านทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
เริ่มสนทนาออนไลน์ บริการออนไลน์อื่นๆ เพิ่มเติม
โทรศัพท์ ตลอด 24 ชั่วโมง
1282
ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์สำหรับ สินค้าโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต และสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน
ดูเพิ่มเติม
หรือ
1800-29-3232 (โทรฟรีจากเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน)
สนทนาเกี่ยวกับบริการอื่นๆ
ความช่วยเหลือที่ศูนย์บริการ
ไม่ว่าสินค้าของคุณจะอยู่ในประกันหรือไม่อยู่ในประกันเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ดูรายละเอียดศูนย์บริการ จองคิวซ่อมมือถือ
ดูเพิ่มเติม
ร้านค้าออนไลน์
เช็คโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy S22Series / Fold3 / Flip 3 และรุ่นอื่นๆ แอดไลน์ เพื่อสนทนากับพนักงานของเราทันที
แอดไลน์ ตอนนี้
Samsung Members
ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์เพื่อรับความช่วยเหลือ และสิทธิ์ประโยชน์อีกมากมาย
เข้าร่วม Samsung Members
พร้อมดูแลคุณถึงที่ด้วยบริการ Door to Door Service สะดวก ซ่อมไว ได้เครื่องเร็ว
สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่
รายละเอียดเพิ่มเติม
ดูเพิ่มเติม
- หน้าหลัก หน้าหลัก
- ความช่วยเหลือและการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ซัมซุง ความช่วยเหลือและการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ซัมซุง
- เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
เรื่องควรรู้และข้อควรระวังในการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ของใช้ในบ้าน สุดโปรด คู่หูของเครื่องซักผ้า บอกเลยใครไม่อยากพลาดทำร้ายและทำลายเนื้อผ้า ต้องมาเช็กไปพร้อม ๆ กันเลย
นอกจากน้ำยาซักผ้าแล้ว น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ถือเป็นไอเทมยอดฮิตที่เหล่าแม่บ้านมักจะขาดไปไม่ได้เหมือนกัน ก็แหม กลิ่นหอมนุ่ม ติดทนนานซะขนาดนั้น จะไม่ให้เหล่าแม่บ้านชอบอก ชอบใจ ชอบใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้าทุกครั้งได้อย่างไร อ๊ะ ๆ ๆ แต่รู้ไหมคะว่าแท้จริงแล้วน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีข้อห้าม ข้อควรระวัง แถมยังไม่สามารถใช้ได้กับเสื้อผ้าทุกชนิดและเป็นอันตรายต่อเนื้อผ้าด้วยนะ เอาเป็นว่าวิธีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง ห้ามใช้กับผ้าชนิดไหน ตามมาดูเคล็ดลับการซักผ้า และถนอมใยผ้าที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาฝากกันได้เลยค่ะ
1. ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มซักผ้ากับผ้าเช็ดตัว
แน่นอนว่าไม่มีใครชอบการเช็ดตัวกับผ้าขนหนูแข็ง ๆ หลังอาบน้ำเสร็จ ดังนั้นเวลาซักผ้าขนหนูแต่ละครั้ง ก็มักจะใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปด้วยเสมอ แต่ช้าก่อนค่ะ รู้ไหมคะว่าการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมาก ๆ หรือบ่อย ๆ สามารถลดประสิทธิภาพการดูดซึมของผ้าขนหนูลงได้ คราวนี้ก็จะส่งผลให้เราเช็ดตัวให้แห้งได้ยากขึ้นด้วย ฉะนั้นทางที่ดีเราควรลดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วเปลี่ยนมาซักด้วยน้ำส้มสายชูหนึ่งถ้วยตวงแทนจะดีกว่า อ้อ แล้วในระหว่างที่ซักก็อย่าลืมเติมเบกกิ้งโซดาตามลงไปสักครึ่งถ้วยตวงด้วยนะคะ รับรองเลยว่าผ้าขนหนูของคุณจะนุ่มนิ่มน่าใช้เหมือนซักด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม แต่ที่สำคัญปลอดภัยกว่า ช่วยถนอมใยผ้า และสามารถคงประสิทธิภาพได้เท่าที่ควรจะเป็นเลย
2. ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเนื้อผ้าชนิดพิเศษ
เนื่องจากส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นสารเคมี จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าชนิดพิเศษต่าง ๆ ได้แก่ ผ้าไมโครไฟเบอร์ เพราะจะลดประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำลง ผ้าเส้นใยสังเคราะห์ เพราะจะทิ้งสารเคมีตกค้างและกระตุ้นให้เกิดแบคทีเรีย ชุดออกกำลังกาย เพราะจะทำลายการดูดซับเหงื่อและลดความเย็น รวมถึงเสื้อผ้าเด็กหรือเสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้กันน้ำ ทนไฟ เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไปกำจัดคุณสมบัติต่าง ๆ ของเสื้อผ้าออกไปนั่นเอง
3. ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าเด็ก
ผิวของเด็กมีความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ ฉะนั้นคุณพ่อ-คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ซึ่งมีสารเคมีผสมปนเปื้อนอยู่ เพราะนอกจากน้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำให้ผิวของเด็กระคายเคืองได้แล้ว ยังทำลายคุณสมบัติไม่ติดไฟของเสื้อผ้าเด็กอีกต่างหาก อ้อ และถ้าหากคุณพ่อ-คุณแม่คนไหนสงสัยว่าแล้วจะซักเสื้อผ้าเด็กด้วยอะไรดี ขอแอบกระซิบเลยว่าแค่น้ำส้มสายชูก็เอาอยู่แล้วค่ะ
4. ไม่ควรเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนเสื้อผ้าโดยตรง
คนที่ชอบใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าโดยตรงเคยสังเกตไหมคะว่ามักจะมีคราบเกาะอยู่บนเสื้อผ้าประจำ ไม่งั้นก็จะมีความลื่น ความมันแปลก ๆ ที่ยากจะกำจัดออกได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใส่ลงไปตกค้างและล้างออกไม่หมดนั่นเอง อ๊ะ ๆ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวิธีแก้ไม่ยากเพียงแค่ใส่ปริมาณเสื้อผ้าให้พอเหมาะและเทลงไปในช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มโดยเฉพาะ จากนั้นก็ซักผ้าแบบปกติ เท่านี้เครื่องซักผ้าก็จะปั่นและกระจายน้ำยาปรับผ้านุ่มได้พอดี ไม่มีคราบตกค้างบนเสื้อผ้าอีกแล้ว
5. น้ำยาปรับผ้านุ่มกับสารเคมีอันตราย
แม้น้ำยาปรับผ้านุ่มจะดูไม่มีพิษ ไม่มีภัย และไม่เป็นอันตราย แต่ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) และองค์กรเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารและครัวเรือนสหรัฐอเมริกา (Environmental Working Group) ได้เปิดเผยว่า ในน้ำยาปรับผ้านุ่มหลายยี่ห้อมีสารเคมีอันตรายปนเปื้อน ซึ่งสารเคมีเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ตั้งแต่กระตุ้นอาการหอบหืดและภูมิแพ้ ไปจนถึงทำให้ผิวหนังระคายเคืองเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น Karen Alexander ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเนื้องอกและมะเร็ง ยังเสริมอีกว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มบางยี่ห้อมีสาร BPA หรือสารกระตุ้นโรคมะเร็งประกอบอยู่ ฉะนั้นแล้วเราจึงควรหันมาใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบธรรมชาติจะดีกว่า หรือไม่เช่นนั้นก็สามารถทำน้ำยาปรับผ้านุ่มใช้เองได้ ตามวิธีต่อไปนี้
6. น้ำยาปรับผ้านุ่มกับผลกระทบต่อเครื่องซักผ้าและท่อน้ำ
ส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มบางแบรนด์มีทั้งสารเคมีและไขมันสัตว์ในปริมาณมาก ฉะนั้นจึงเสี่ยงต่อการอุดตันท่อน้ำและเครื่องซักผ้าได้ง่าย นอกจากนี้ก็ยังกระตุ้นให้เกิดเชื้อราในเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย เพราะเมื่อไขมันในน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่กับอากาศและความชื้น ก็จะเป็นการเพาะพันธุ์เชื้อแบคทีเรียชั้นดี ยิ่งไปกว่านั้นน้ำยาปรับผ้านุ่มบางยี่ห้อยังเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตเคมีหรือผลิตจากปิโตรเลียมอีก ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อยสลายยาก และเป็นพิษต่อสัตว์น้ำหากทิ้งลงในท่อระบายน้ำหรือคูคลองด้วย
แม้จะช่วยให้ผ้าหอม ผ้านุ่มสักแค่ไหน แต่อย่างไรน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีอันตรายแอบแฝงอยู่ ฉะนั้นถ้าหากไม่อยากทำร้ายและทำลายเสื้อผ้าชิ้นโปรดของคุณ ก็อย่าลืมนำวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเหล่านี้ไปปรับให้เหมาสมกับการซักผ้าครั้งต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก apartmenttherapy, goodhousekeeping และ mindbodygreen