มัทนะพาธา
มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดคำฉันท์มี ๕ องก์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยทรงคิดโครงเรื่องขึ้นเองให้ดูประหนึ่งเป็นวรรณคดีสันสกฤต
คำว่า "มัทนะพาธา" แปลว่าความเจ็บปวดหรือความเดือดร้อนแห่งความรัก บทละครพูดคำฉันท์เรื่องนี้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานแห่งดอกกุหลาบ
จุดมุ่งหมายของการทรงพระราชนิพนธ์เพียงเพื่อให้เป็นหนังสืออ่านกวีนิพนธ์เท่านั้น แต่ภายหลังมีผู้นำไปแสดงละครด้วย หนังสือเล่มนี้ได้ทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ทันเสร็จก็สวรรคตเสียก่อน
ลักษณะการแต่ง
เป็นบทละครพูดคำฉันท์ ประกอบด้วยคำประพันธ์ประเภทกาพย์ มีทั้งกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ และมีคำประพันธ์ประเภทฉันท์รวม ๒๑ ชนิด
เนื้อเรื่อง
สุเทษณ์เทพบุตรหลงรักนางฟ้าชื่อมัทนาแต่นางไม่รักตอบ
เพราะอดีตชาติสุเทษณ์เทพบุตรได้เคยยกกองทัพไปทำลายบ้านเมืองของนางและจับพระบิดาของนางประหาร เมื่อนางมัทนาปฏิเสธความรัก สุเทษณ์จึงสาปให้นางไปเกิดเป็นดอกกุพชะกะ (ดอกกุหลาบ) ในคืนวันเพ็ญจึงกลายร่างเป็นคนได้เพียงหนึ่งราตรี และเมื่อเกิดความรักบุรุษใดจึงจะไม่กลายเป็นดอกกุพชะกะอีก แต่จะได้รับความทุกข์ทรมานจากความรัก นางมัทนาจึงจุติมาเกิดเป็นต้นกุพชะกะในโลกมนุษย์ ฤๅษีกาละทรรศินมาพบจึงนำมาไว้ในอาศรม
นางมัทนาจะอยู่ปรนนิบัติพระฤๅษีเยี่ยงบิดาทุกคืนวันเพ็ญ
ต่อมาท้าวชัยเสนเสด็จประพาสป่ามาพบนางมัทนาจึงเกิดความรัก ได้ขอนางมัทนาต่อพระฤาษี พระฤๅษีจึงจัดพิธีอภิเษกสมรสให้ นางจัณฑีมเหสีเอกเกิดความหึงหวง จึงให้พระบิดายกกองทัพมาชิงเมือง ท้าวชัยเสนออกรบ ระหว่างนั้นนางจัณฑีทำอุบายให้ท้าวชัยเสนเข้าพระทัยผิดว่านางมัทนารักกับศุภางค์ทหารเอก จึงรับสั่งให้นำไปประหารชีวิต แต่พราหมณ์โสมทัตได้ปล่อยนางมัทนาไป
นางมัทนาได้รับความทุกข์ทรมานจากความรัก จึงทำพิธีขอพรต่อสุเทษณ์เทพบุตร สุเทษณ์ขอความรักกับนางอีกครั้งแต่นางก็ยังยืนยันปฏิเสธความรักของสุเทษณ์ จึงถูกสาปให้เป็นต้นกุพชะกะตลอดไป ต่อมาท้าวชัยเสนทรงทราบความจริงจึงออกติดตาม ได้พบแต่ต้นกุพชะกะจึงนำมาไว้ในพระราชวัง พระฤาษีกาละทรรศินให้พรให้ต้นกุพชะกะดำรงอยู่ในโลกนี้สืบไปและเป็นดอกไม้ที่ใช้แสดงถึงความรักที่หญิงชายจะมอบให้แก่กัน
ตัวอย่าง
พระฤๅษีกาละทรรศิน ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปะสัคคะใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
นางมัทนา โอ้ว่าประหลาดใจ ละไฉนนะเป็นฉะนี้
แต่ไรก็ไม่มี มะนะนึกระเหระหน
ไม่เคยจะนึกเชื่อ รตินั้นจะสัปดน
มาสู่ ณ
ใจตน และจะต้องระทมระทวย
เมื่อก่อนสิชายรัก ก็มิพักจะเออจะอวย
อวดดีและอวดด้วย
บมิเคยจะลุ่มจะหลง
สำนวนโวหาร
แต่งด้วยคำฉันท์ที่ไพเราะ ใช้คำเหมาะแก่ท้องเรื่อง การบรรยายดี ก่อให้เกิดความซาบซึ้งกินใจ
คุณค่าของหนังสือ
๑. เป็นหนังสือที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นหนังสือดี ดังประกาศนียบัตรของ
วรรณคดีสโมสรที่ให้หนังสือเล่มนี้ว่า
"ในทางภาษาซึ่งทรงปรุงชื่อตัวละครและภูมิประเทศถูกต้องตามยุคแห่งภารตวรรษอันจำนงให้เป็นตัวเรื่องนับว่ารูปเรื่องปรุงดี แต่งได้ด้วยพระปรีชาและสุตาญาณอันกว้างขวาง สมควรจะยกย่อง"
๒. เนื้อเรื่องสนุก ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้อ่าน มีคำพูดที่เป็นคารมคมคายและเป็นคติ
จุดมุ่งหมายในการแต่งวรรณคดีเรื่อง มัทนะพาธา คือข้อใด
มัทนะพาธา หรือ ตำนานดอกกุหลาบ มีลักษณะเป็นบทละครพูดคำฉันท์ จำนวน ๕ องก์ (ตอน) แบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคสวรรค์และภาคพื้นดิน เป็นบทพระราชนิพนธ์จากจินตนาการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จุดมุ่งหมายในการแต่ง ใช้เป็นแบบฝึกอ่าน ใช้แสดงละครพูด
มัทนะพาธา ใช้คำประพันธ์ประเภทใดในการแต่ง
มัทนะพาธา เป็นบทละครพูดคำฉันท์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6) โดยทรงมีพระราชกุศลเพื่อสร้าง “ตำนานแห่งดอกกุหลาบ” จึงทรงผูกเรื่อง
เรื่องมัทนะพาธาเป็นละครประเภทใด
"มัทนะพาธา" หรือ "ตำนานแห่งดอกกุหลาบ" เป็นวรรณคดีประเภท "บทละครพูด" พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถทางด้านอักษรศาสตร์ของพระองค์ บทละครเรื่องนี้ ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า "เป็นยอดของบทละครพูดคำฉันท์" ด้วยการเลือกถ้อยคำที่สื่ออารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ...
บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธามีความเป็นมาอย่างไร
บทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา เป็นบทละครที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น ตามจินตนาการของพระองค์ โดยทรงให้ความสำคัญเรื่องความถูกต้อง และความสมจริงในรายละเอียดของเรื่อง ทั้ง ชื่อเรื่อง ชื่อตัวเอก และรายละเอียด ต่าง ๆเช่น ชื่อเรื่อง มัทนา มาจากศัพท์ มทน แปลว่า ความลุ่มหลงหรือความรัก และชื่อ ...