อาจารย์ให้มาทำรูปเล่มการศีกษาข้อมูล โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์..
ของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ช่วยคิดเนื้อหาทีละขั้นตอนหน่อยค้ะ ไปไม่ถูกเลย ส่งวันอังคารนี้แล้ววววว T^T
0
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
Posted by: wanna500 | มกราคม 16, 2013
วิธีการทางประวิติศาสตร์
วิธีการทางประวัติศาสตร์ หมายถึง ขั้นตอน หรือวิธีการที่นักประวัติศาสตร์หรือผู้ศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ใช้เพื่อการศึกษา ค้นคว้า และเรียบเรียงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จากหลักฐานต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความถูกต้องและชัดเจนมากที่สุด
วิธีการทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญ คือ สามารถใช้ในการสืบค้นเรื่องราวต่าง ๆที่สนใจได้ เช่น การหาความรู้เกี่ยวกับโรงเรียน วัด ชุมชน จังหวัด หรือภูมิภาคของตน ซึ่งเป็นเรื่องราวใกล้ตัวและเราสามารถหาหลักฐานได้จากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในพื้นที่ เช่น วัด พิพิธภัณฑ์ สถานที่สำคัญในท้องถิ่น เป็นต้น
การใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์
ถ้านักเรียนสนใจอยากทราบว่าภูมิภาคของตนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีเรื่องราวใดที่น่าสนใจน่ารู้บ้าง นักเรียนสามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ศึกษาค้นคว้าได้ตาม
ขั้นตอน 5ขั้น ดังนี้
1. การกำหนดหัวเรื่องที่ศึกษา
2. การรวบรวมหลักฐาน
3. การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
4. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ข้อมูล
5. การเรียบเรียงหรือการนำเสนอ
1. การกำหนดหัวเรื่องที่ศึกษา
เป็นขั้นตอนแรกของวิธีการทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์หรือผู้สนใจทางประวัติศาสตร์มีความสนใจ อยากรู้ สงสัย จึงตั้งประเด็นหรือหัวข้อที่ต้องการศึกษาขึ้นมา
ตัวอย่าง ประเด็นการศึกษาเกี่ยวกับภูมิภาคอาจเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัว และขยายขอบเขตการศึกษาออกไปเป็นระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค เช่น
ประวัติวัดสำคัญในชุมชน / อำเภอ / จังหวัด / ภูมิภาค
สถานที่สำคัญในท้องถิ่น / จังหวัด / ภูมิภาค
บุคคลสำคัญในท้องถิ่น / จังหวัด / ภูมิภาค
2. การรวบรวมหลักฐาน
ขั้นรวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งหลักฐานชั้นต้นและหลักฐานชั้นรอง คือ เอกสารหรือหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่อยากรู้หรือสนใจ
ในการรวบรวมหลักฐาน ควรเริ่มด้วยการศึกษาหลักฐานชั้นรองโดยตรงก่อน เพื่อให้เข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการศึกษา และรวบรวมความคิดของผู้ที่ศึกษาเรื่องดังกล่าวมาก่อน แล้วจึงไปค้นคว้าจากหลักฐานชั้นต้น ซึ่งจะทำให้ได้รายละเอียดมากขึ้นและอาจมีแนวคิดเพิ่มเติมขึ้นจากผู้ศึกษาไว้แต่เดิม
3. การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
เป็นการประเมินความถูกต้องและความสำคัญของหลักฐาน เพระาหลักฐานบางอย่างอาจเป็นของปลอม หรือเลียนแบบของเก่า หรือเขียนโดยบุคคลที่ไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง แล้วมาบันทึกไว้เสมือนได้รู้เห็นเอง หรือแม้จะรู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง แต่อาจมีความลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่วางตัวเป็นกลาง
การวิเคราะห์หลักฐานแบ่งเป็น 2 วิธี
ดังนี้
1. การประเมินภายนอก เป็นการประเมินหลักฐานจากสภาพที่ปรากฏภายนอกว่าเป็นของแท้ ถูกต้องตามยุคสมัยหรือไม่ เช่น กระดาษที่บันทึกเป็นของเก่าจริงหรือไม่ สมัยนั้นมีกระดาษแบบนี้ใช้หรือยัง วัสดุที่ใช้เขียนเป็นของร่วมสมัยหรือไม่
2. การประเมินภายใน เป็นการประเมินหลักฐานว่าถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ เช่น การกล่าวถึงตัวบุคคล สถานที่ เหตุการณ์ว่าถูกต้อง มีจริงในยุคสมัยของหลักฐานนั้นหรือไม่ หรือแม้แต่สำนวนภาษาว่าในสมัยนั้นใช้กันหรือยัง
4. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ข้อมูล
เป็นขั้นตอนต่อจากที่ได้รวบรวมหลักฐาน และวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือนั้นๆแล้ว ข้อมูล คือเรื่องราวต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในหลักฐานที่รวบรวมและวิเคราะห์แล้วจากหลักฐานที่เชื่อถือได้ จากนั้นจึงนำข้อมูลมาวิเคราะห์ คือ แยกประเภท โดยเรียงเหตุการณ์ ตามลำดับเวลาก่อนหลัง เพราะความสำคัญของข้อมูล แล้วทำการสังเคราะห์ คือจัดเหตุการณ์ เรื่องเดียวกัน และเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันไว้ด้วยกัน และศึกษาความต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อเหตุการณ์
5. การเรียบเรียงหรือการนำเสนอ
เป็นการเรียบเรียงข้อมูลที่ได้ค้นคว้า วิเคราะห์ และสังเคราะห์มาแล้ว เพื่อนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่เป็นการตอบหรืออธิบายความอยากรู้ ข้อสงสัย ตลอดจนความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้านั้น ในรูปแบบการเขียนรายงานอย่างมีเหตุผล