เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
เทศกาล “วันตรุษจีน” เป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่ตามธรรมเนียมจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมจีน
ด้วยความเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันมานาน ประเทศไทยจึงรับประเพณีและวัฒนธรรมจีนเข้ามาในสังคมอย่างช้านาน ผสมกลมกลืนจนคนไทยไม่รู้สึกว่าประเพณีจีนเป็นสิ่งแปลกในวิถีชีวิต แม้ไม่สามารถจะระบุได้ว่าวัฒนธรรมจีนมามีอิทธิพลในสังคมไทยตั้งแต่เมื่อใด แต่ในทางประวัติศาสตร์พอจะอนุมานได้ว่าธรรมเนียมประเพณีแบบจีนเป็นที่ยอมรับมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นอย่างช้า
การอพยพของคนจีนโพ้นทะเลที่มาตั้งหลักแหล่งทำมาค้าขายอยู่ในประเทศไทยในสมัยนั้น จนถึงปัจจุบัน เราสามารถรวมตัวกันเป็นชุมชนจีนที่เรียกว่า China Town ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เช่น ย่านเยาวราชและสำเพ็งในกรุงเทพฯ รวมถึงในตัวเมืองจังหวัดใหญ่ เช่น นครสวรรค์ ขอนแก่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต ก็มีย่านการค้าและที่อยู่อาศัยของชาวไทยเชื้อสายจีน
คนไทยเชื้อสายจีนยังคงดำรงรักษาวิถีการดำเนินชีวิตและการประกอบพิธีกรรมตามธรรมเนียมประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลตรุษจีนที่เป็นเทศกาลหลักของคนจีน ร่วมกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลสารทจีน เทศกาลเช็งเม้ง หรือกระทั่งเทศกาลถือศีลกินเจ ซึ่งคนไทยในปัจจุบันคุ้นเคยกับเทศกาลเหล่านี้เป็นอย่างดี
เทศกาลตรุษจีนเป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่ตามธรรมเนียมจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมจีน โดยเฉลิมฉลองด้วยหลักการพื้นฐานในเรื่องความกตัญญูกตเวที ความยึดถือในวงศ์สกุลและบรรพบุรุษของตระกูล ชาวจีนมีความเชื่อว่าถ้าปฏิบัติธรรมเนียมได้อย่างถูกต้องตามประเพณีจะเกิดความเจริญมั่งคั่ง ความสันติสุข และความไพบูลย์วงศ์ตระกูล ตลอดจนความรุ่งเรีองของกิจการการค้าต่างๆ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของสมาชิกในครอบครัว
คติความเชื่อในเทศกาลตรุษจีนมีความคล้ายกับเทศกาลสงกรานต์ของคนไทย ที่ถือเป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่และการแสดงออกในความเคารพนับถือต่อบรรพบุรุษ ด้วยความเชื่อของประเพณีที่มีพื้นฐานอย่างเดียวกัน คนไทยจึงรับธรรมเนียมตรุษจีนมาปฏิบัติด้วย ซึ่งราชสำนักไทยก็รับเอาธรรมเนียมในวันตรุษจีนมาปฏิบัติตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ พิธีสังเวยพระป้าย ซึ่งก็คือพิธีเซ่นไหว้ป้ายบรรพบุรุษตามธรรมเนียมจีน
โดยโปรดให้ทำพระป้ายจากไม้จันทน์และสลักอักษรจีนเป็นพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อน ๆ เพื่อทำพิธีสักการะในช่วงวันตรุษจีน
ปัจจุบันมีพระป้ายพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระป้ายพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่ในพระราชวังบวรสถานมงคลตั้งแต่นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้ายในวันตรุษจีนทุกปี
ในระดับสามัญชน นอกจากคนไทยเชื้อสายจีนที่ประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีนแล้ว แม้แต่คนไทยที่ไม่มีเชื้อสายจีนก็รับเอาธรรมเนียมการเซ่นไหว้แบบจีนไปประยุกต์ใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
อย่างเช่น เครื่องเซ่นไหว้ศาลพระภูมิ ซึ่งศาลพระภูมิเป็นคติความเชื่อที่รับมาจากศาสนาฮินดู หรือในเทวสถานของเทพเจ้าศาสนาพราหมณ์อย่างศาลพระพราหมณ์ที่เอราวัณ ซึ่งคนไทยนับถือบูชาคู่กับพระพุทธศาสนา ก็พบว่ามีการนำเครื่องเซ่นไหว้แบบจีนไปตั้งบูชาสักการะในเทศกาลตรุษจีน
ที่มาข้อมูล : สถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ Institute Of Thai Studies, Chulalongkorn university
นอกจากนี้ คนไทยยังนับเอาเทศกาลตรุษจีนเป็นโอกาสนัดรวมญาติมิตรลูกหลาน และถือโอกาสเป็นวันเฉลิมฉลองของครอบครัวอีกเทศกาลหนึ่ง
ทำไมมีคนไทยบางคนอาจเห่อกับคนจีนด้วยนะในวันตรุษจีน
แปลกนะคนไทยที่ไม่เป็นเชื้อสายจีนสักกะหน่อย มีการจุดปะทัด เส้นไหว้ ใช้ตรรกกะด้วยครับว่าถ้าเกิดเซ่นไหว้วันนั้นวันเดียวคงจะได้กินวันเดียวอีกหลาย ๆ วันเขาคงอด แท้ที่จริงคนที่ตายไปนั้นถ้าไปเกิดเป็นเทวดาเขาก็มีอาหารของเทวดา ถ้าเขาไปเกิดเป็นมนุษย์เขาก็มีอาหารเป็นของเขา ถ้าเขาไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเขาก็มีอาหารของสัตว์เดรัจฉาน คนส่วนมากที่ตายไปแล้วจะไปเกิดเป็นสัตว์นรก (พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้) ส่วนคนที่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นเปรตของที่เซ่นไหว้นั้นเปรตอาจได้รับทานจากญาติเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าถ้าใครเอาอาหารไปวางไว้ในที่โล่งแจ้งเปรตของญาตินั้นจะมารับทานนั้น โดยที่ไม่มีญาติคนไหนที่ไม่เป็นเปรตต้องมีหลงเหลือสักคนที่เกิดเป็นเปรต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พลุเหนืออ่าววิกตอเรียในฮ่องกง โดยพลุเป็นองค์ประกอบดั้งเดิมของการเฉลิมฉลอง |
เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ |
ชาวจีนทั่วโลก[1] ผู้ซึ่งไม่ใช่ชาวจีน |
สีแดง |
ศาสนา, วัฒนธรรม |
วันแรกของปีตามปฏิทินจันทรคติจีน |
คืนที่จันทร์ดับที่สองหลังเหมายัน (หรือ คืนจันทร์ดับที่สามหลังอายัน) |
วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ ปีฉลู |
วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีขาล |
การเชิดสิงโต, การเชิดมังกร, ดอกไม้ไฟ, การพบปะรวมตัวของครอบครัว, การกินเลี้ยงของครอบครัว, การเยี่ยมเพื่อนและญาติ, การให้และรับเงินอั่งเปา, การแต่งและประดับคำขวัญคู่ ชุนเหลียน |
เทศกาลโคมไฟ, ซึ่งการเฉลิมฉลองปีใหม่จีนเสร็จสิ้น ตรุษมองโกล, ตรุษทิเบต, ตรุษญี่ปุ่น, ตรุษเกาหลี, ตรุษญวน |
ทุกปี |
ตรุษจีน | |||||||||
"เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (ปีใหม่จีน)" เขียนในรูปแบบอักษรจีนตัวเต็ม (ด้านบน) และรูปแบบอักษรจีนตัวย่อ (ด้านล่าง) | |||||||||
春節 | |||||||||
春节 | |||||||||
"เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ" | |||||||||
|
ตรุษจีน (จีนตัวย่อ: 春节; จีนตัวเต็ม: 春節; พินอิน: Chūnjíe ชุนเจี๋ย) เป็นวันหยุดตามประเพณีของจีนที่สำคัญที่สุด ในประเทศจีน ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า "เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ" เพราะฤดูใบไม้ผลิตามปฏิทินจีนเริ่มต้นด้วยวันลีชุน ซึ่งเป็นวันแรกในทางสุริยคติของปีปฏิทินจีน วันดังกล่าวยังเป็นวันสิ้นสุดฤดูหนาว ซึ่งคล้ายกันกับงานเทศกาลของตะวันตก เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 (จีน: 正月, พินอิน: Zhēngyuè) ในปฏิทินจีนโบราณและสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ด้วยเทศกาลโคมไฟ คืนก่อนตรุษจีนเป็นวันซึ่งครอบครัวจีนมารวมญาติเพื่อรับประทานอาหารเย็นเป็นประจำทุกปี ซึ่งเรียกว่า ฉูซี่ (จีน: 除夕, พินอิน: Chúxī) หรือ "การผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน" เนื่องจากปฏิทินจีนเป็นแบบสุริยจันทรคติ ตรุษจีนจึงมักเรียกว่า "วันขึ้นปีใหม่จันทรคติ"
ตรุษจีนเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยาวที่สุดและสำคัญที่สุดในปฏิทินจีน จุดกำเนิดของตรุษจีนนั้นมีประวัติหลายศตวรรษและมีความสำคัญเพราะตำนานและประเพณีหลายอย่าง ตรุษจีนมีการเฉลิมฉลองกันในหลายประเทศและดินแดนซึ่งมีประชากรจีนอาศัยอยู่มาก อย่างเช่น จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย รวมทั้งในชุมชนชาวจีนที่อื่น ตรุษจีนถูกมองว่าเป็นวันหยุดสำคัญสำหรับชาวจีนและได้มีอิทธิพลต่อการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่จันทรคติของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรวมทั้งเกาหลี (โซลนาล) ภูฏาน และเวียดนาม
ในประเทศจีน ธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่นเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองตรุษจีนนั้นหลากหลายมาก ประชาชนจะเทเงินของตนเพื่อซื้อของขวัญ ของประดับตกแต่ง วัสดุ อาหารและเครื่องนุ่งห่ม นอกจากนี้ยังมีประเพณีว่า ทุกครอบครัวจะทำความสะอาดบ้านอย่างละเอียดลออ เพื่อปัดกวาดโชคร้ายด้วยหวังว่าจะเปิดทางให้โชคดีเข้ามา มีการประดับหน้าต่างและประตูด้วยกระดาษตัดสีแดงและคู่กับธีม "โชคดี", "ความสุข", "ความมั่งคั่ง" และ "ชีวิตยืนยาว" ที่ได้รับความนิยม ในคืนก่อนตรุษจีน อาหารค่ำเป็นการกินเลี้ยงกับครอบครัว อาหารนั้นจะมีเช่น หมู เป็ด ไก่และอาหารอย่างดี (delicacies) รสหวาน ครอบครัวจะปิดท้ายค่ำคืนด้วยประทัด เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กจะทักทายบิดามารดาของตนโดยอวยพรพวกท่านให้มีสุขภาพดีและสวัสดีปีใหม่ และได้รับเงินอั่งเปา ประเพณีตรุษจีนนั้นเพื่อการสมานฉันท์ ลืมความบาดหมางและปรารถนาสันติและความสุขแก่ทุกคนอย่างจริงใจ
แม้ปฏิทินจีนแต่โบราณไม่ใช้ปีตัวเลขต่อเนื่องกัน นอกประเทศจีน ปีจีนจึงมักนับเลขนับแต่รัชสมัยจักรพรรดิเหลือง แต่เนื่องจากมีการกำหนดให้อย่างน้อยสามปีเป็นเลข 1 ที่นักวิชาการใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน จึงทำให้ปี พ.ศ. 2555 เป็น "ปีจีน" 4710, 4709 หรือ 4649
วันตรุษจีน คณะรัฐมนตรี มีมติให้เป็นวันหยุดราชการประจำปีเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส, ภูเก็ต, สตูล[2] และสงขลา[3]
วันที่[แก้]
19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 | 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 | 25 มกราคม พ.ศ. 2563 |
8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 | 26 มกราคม พ.ศ. 2552 | 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 |
28 มกราคม พ.ศ. 2541 | 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 | 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 |
16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 | 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 | 22 มกราคม พ.ศ. 2566 |
5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 | 23 มกราคม พ.ศ. 2555 | 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 |
24 มกราคม พ.ศ. 2544 | 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 | 29 มกราคม พ.ศ. 2568 |
12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 | 31 มกราคม พ.ศ. 2557 | 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569 |
1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 | 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 | 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2570 |
22 มกราคม พ.ศ. 2547 | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 | 26 มกราคม พ.ศ. 2571 |
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 | 28 มกราคม พ.ศ. 2560 | 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2572 |
29 มกราคม พ.ศ. 2549 | 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 | 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2573 |
18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 | 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 | 23 มกราคม พ.ศ. 2574 |
ปฏิทินสุริยจันทรคติจีนเป็นตัวกำหนดวันที่ของตรุษจีน ปฏิทินดังกล่าวยังใช้ในประเทศซึ่งรับเอาหรือได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮั่น ที่โดดเด่น คือ เกาหลี ญี่ปุ่นและเวียดนามเหนือ เช่น อิหร่าน และในประวัติศาสตร์ ดินแดนชนบัลการ์
ในปฏิทินเกรโกเรียน แต่ละปีตรุษจีนมิได้ตรงกัน คือ อยู่ระหว่างวันที่ 21 มกราคม ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ในปฏิทินจีน เหมายันต้องเกิดในเดือนที่ 11 จึงหมายความว่า ตรุษจีนมักตรงกับเดือนดับครั้งที่สองหลังเหมายัน (น้อยครั้งที่เป็นครั้งที่สามหากมีอธิกมาส) ในประเพณีจีนโบราณ ลิบชุนหรือลี่ชุนเป็นวันแรกในทางสุริยคติซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งตรงกับประมาณวันที่ 4 กุมภาพันธ์
ตรุษจีนทั่วโลก[แก้]
การประดับคำขวัญคู่ "ชุนเหลียน" และคำกลอนคู่ "ตุ้ยเหลียน"
ตรุษจีนในประเทศไทย[แก้]
- ชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติอยู่ 3 วัน คือวันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว
- วันจ่าย คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหารผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้านหยุดพักผ่อนยาว ไม่จำเป็นจะต้องมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ (地主爺 / 地主爷 ตี่จู๋เอี๊ยะ) ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้วเพราะว่าเจ้าที่ไม่ได้ไปไหนเมื่อสี่วันที่แล้ว ตัวเราส่งแต่ เจ้าซิ้ง หรือเจ้าเตา
- วันไหว้
- ตอนเช้ามืดจะไหว้ "ป้ายเล่าเอี๊ย" (拜老爺 / 拜老爷) เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์สามอย่าง (ซาแซ ซำเช้ง) ได้แก่ หมู เป็ด ไก่ หรือเพิ่มตับ ปลา เป็นเนื้อสัตว์ห้าอย่าง (โหงวแซ) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง
- ตอนสาย จะไหว้ "ป้ายแป๋บ้อ" (拜父母) คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว
- ตอนบ่าย จะไหว้ "ป้ายฮ่อเฮียตี๋" (拜好兄弟) เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเพื่อเป็นสิริมงคล
- วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่หนึ่ง (初一 ชิวอิก) ของเดือนที่หนึ่งของปี วันนี้ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบันคือ "ป้ายเจีย" เป็นการไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะส้มออกเสียงภาษาแต้จิ๋วว่า "กิก" (橘) ไปพ้องกับคำว่าความสุขหรือโชคลาภ 吉 แปลว่า โชคลาภ หรือ ภาษาฮกเกี้ยน และ ภาษากวางตุ้ง ส้มเรียกว่า "ก้าม" (柑) ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง (金) [4] เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำความสุขหรือโชคลาภไปให้ จะมอบส้มจำนวน 4 ผล (เสมือนมี 吉 ประกอบกัน 4 ตัว กลายเป็น 𡅕) ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชาย เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือคือ เป็นวันที่ชาวจีนถือว่าเป็นสิริมงคล งดการทำบาป จะมีคติถือบา งอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน ไม่จับไม้กวาด และจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกเยี่ยมอวยพรและพักผ่อนนอกบ้าน เป็นต้น
ประเพณีปฏิบัติ[แก้]
- สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของตรุษจีน คือ อั่งเปา (ซองแดง) คือ ซองใส่เงินที่ผู้ใหญ่แล้วจะมอบให้ผู้น้อย และมีการแลกเปลี่ยนกันเอง หรือ หรือจะใช้คำว่า แต๊ะเอีย (ผูกเอว) ที่มาคือในสมัยก่อน เหรียญจะมีรูตรงกลาง ผู้ใหญ่จะร้อยด้วยเชือกสีแดงเป็นพวงๆ และนำมามอบให้เด็ก ๆ ซึ่งจะนำมาผูกเก็บไว้ที่เอว
คำอวยพร[แก้]
ในตรุษจีน ชาวจีนจะกล่าวคำ ห่ออ่วย หรือคำอวยพรภาษาจีนให้กัน หรือมีการติดห่ออ่วยไว้ตามสถานที่ต่างๆ คำที่นิยมใช้กัน ได้แก่
- 新正如意 新年發財 / 新正如意 新年发财 (แต้จิ๋ว: ซิงเจี่ยยู้อี่ ซิงนี้หวกไช้; จีนกลาง: ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย; ฮกเกี้ยน: ซินเจี่ยหยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้; จีนแคะ: ซินจึ้นหยู่อี๋ ซินเหนี่ยนฟั่ดโฉ่ย; กวางตุ้ง: ซันจิงจู๋จี่ ซันหนินฟัดฉ่อย) (ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?)แปลว่า ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่
- 新年快樂 / 新年快乐 (จีนกลาง: ซินเหนียนไคว่เล่อ; กวางตุ้ง:ซันหนิ่นฟายหลอก;ฮกเกี้ยน: ซินนี้ก๊วยหลก(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?)) นิยมใช้ในประเทศจีน
- 恭喜發財 / 恭喜发财 (จีนกลาง: กงฉี่ฟาฉาย; ฮกเกี้ยน: หย่งฮี้ฮวดจ๋าย; กวางตุ้ง: กุงเหฟัดฉ่อย) (ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?)
- 過年好 / 过年好 (จีนกลาง: กั้วเหนียนห่าว) ใช้โดยชนพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศจีน วลีนี้ยังหมายถึงวันที่หนึ่งถึงวันที่ห้าของปีใหม่ด้วย ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?
- 大吉大利 (จีนกลาง:ต้าจี้ต้าลี่)(ฮกเกี้ยน: ตั่วเก็ตตั่วลี่)(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?) แปลว่า ความมงคลอันยิ่งใหญ่ ค้าขายได้กำไร
- 金玉满堂 (จีนกลาง:กิมหยกม่านถัง)(ฮกเกี้ยน: กิ้มหยกมั่วต๋อง)(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?) แปลว่า ทองหยกเต็มบ้าน
- 萬事如意 / 万事如意 (จีนกลาง:ว่านซื่อหรูอี้)(ฮกเกี้ยน: บ่านสู่หยู่อี่)(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?) แปลว่า หมื่นเรื่องสมปรารถนา
- 福壽萬萬年/ 福寿万万年 (จีนกลาง: ฝูเชี่ยวหวันวันเลี่ยน; ฮกเกี้ยน: ฮกซิ่วบันบั่นนี่)(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?) แปลว่า อายุยืนหมื่นๆ ปี
- 大家好運氣 / 大家好运气(จีนกลาง: ต้าเจียห่าวเหยียนชี; ฮกเกี้ยน: ต้าเก่โฮ่อุ๊นคิ(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?)) แปลว่า โชคดีเข้าบ้าน
- 年年大賺錢 / 年年大赚钱 (ฮกเกี้ยน: หนีนี้ตั๊วถั่นจี๋)(ไหหนาน อ่านว่าอย่างไร ?) แปลว่า ปีนี้ร่ำรวยมหาศาล
年年有余 (จีนกลาง:เหนียนเหนียนโหย่วหยีว) แปลว่าเหลือกินเหลือใช้
ดูเพิ่ม[แก้]
- แผนภูมิสวรรค์
- การเชิดสิงโต
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Asia welcomes lunar New Year". BBC. 1 February 2003. สืบค้นเมื่อ 7 November 2008.
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการ (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๕
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการ (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๖
- ↑ เธียรชัย เอี่ยมวรเมธ. พจนานุกรม จีน-ไทย. ลาวกาว : รวมสาส์น, 2541. หน้า 73, 272. ISBN 978-974-246-307-6