ฝึกงานแผนกการตลาดทำอะไรบ้าง

การฝึกงานคือการจำลองการใช้ชีวิตในที่ทำงาน เป็นจังหวะชีวิตที่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการทำงานบริษัทจริงๆ ตัวเราเองสมัยปี 1 — ปี 2 เคยไปเนียนๆดู Job Fair ที่เขามาจัดงาน สรรหา นิสิต-นักศึกษาฝึกงาน ในวันนั้นที่มองเห็นพี่ๆปี 3 — ปี 4 ก็จะคิดว่า “พี่ๆเขาดูเก่งจัง ดูโต้ตอบกับพี่ๆที่พนักงานจัดบูธอย่างสนุกสนานเลย ท่าทางอาจจะได้งานที่นี่เลยก็ได้นะ” ซึ่งเป็นความคิดในช่วงที่เรายังไม่รู้ว่าที่ฝึกงานเขาทำอะไร Resume ต้องสวยขนาดไหน เกรด/กิจกรรมต้องดีมากๆเลยรึเปล่า

หลายครั้งที่เราก็ท้อ สมัยปี 2 ที่เคยสมัครฝึกงานไปกี่ที่ก็ไม่ติดเลย หลังจากนั้นเป็นต้นมาเลยรู้สึกว่าตัวเราเองก็จะอยู่เฉยๆไม่ได้ เพราะตอนนั้นเกรดก็น้อย กิจกรรมก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ในใจอยากฝึกงานด้าน HR มากๆ เลยไปค้นข้อมูลแทบทุกอย่างที่ค้นได้ว่า HR เขาทำอะไรบ้าง ธุรกิจแต่ละประเภทให้ความสำคัญกับ HR ต่างกันยังไง รวมไปถึงคนเป็น HR ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง แล้วเซฟข้อมูลที่ค้นคว้าได้มา 40 กว่าไฟล์ จริงๆก็ไม่รู้จะเก็บข้อมูลพวกนี้ไปเพื่ออะไรเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่กลับมาอ่านแล้วมันมีแรงบันดาลใจ เหมือนเราได้เห็น HR ในหลายมุมมอง

  • HR จะเป็นตำแหน่งที่กดดันและเครียดที่สุดก็ได้ เพราะต้องทำตามกฎและเป็นคนออกใบเตือน
  • HR จะเป็นนางฟ้าก็ได้ เพราะใจดี คอยเป็นที่ปรึกษาและพัฒนาคนอื่นๆ
  • HR จะเป็นคนที่เสียใจแต่ร้องไห้ไม่ออกก็ได้ ถ้าวันหนึ่งคนที่เรารักไม่ได้ทำงานกับเรา
  • HR จะเป็นคู่คิดกับ CEO หรือผู้บริหารก็ได้ เพราะรู้จักคนทุกแผนกและเห็นการทำงานของทุกฝ่าย
  • HR จะเป็นแม่บ้านก็ได้เพราะสุดท้ายก็ต้องคอยเก็บกวาด ความเรียบร้อยของบริษัท
  • HR จะเป็นแฟ้มทะเบียนราษฎร์ประจำบริษัทก็ได้เพราะมีข้อมูลของทุกคนอยู่

เลยอยากบันทึกเป็นโน้ตเอาไว้เผื่อสักวันประสบการณ์ตรงนี้จะอาจจะเจอเหตุการณ์ที่เราต้องมาถามตัวเองว่า “แล้วตอนนั้นเราผ่านมาได้ยังไงนะ” เมื่อตอนที่เรายังแทบมองไม่เห็นเส้นทางชีวิตของตัวเอง วันที่ลังเลว่าตกลงเราอยากทำอะไรต่อไป เอาไว้ตรวจสอบว่ากว่าเราจะอัพเลเวลขึ้นมาได้ต้องมีไอเทมชิ้นไหน ผ่านภารกิจอะไรมาก่อนบ้าง ถือว่าจากจุดนี้จะเป็นแหล่งการเรียนรู้ของเราในอนาคตก็ได้

  1. สิ่งที่เราต้องมี คือ ประสบการณ์ของเราเอง

พอเราได้มานั่งนึกย้อนไปดูจริงๆ แล้วมาคิดต่อว่า “ถ้าตัวเราในตอนนั้นที่ยังอยู่ปี 2 มาฝึกงาน HR ในตอนนี้ จะเป็นยังไงนะ” ตอนนั้นที่เรายังสมัครไม่ติด หรือไม่มีผลงานอะไรดีๆที่พอจะเขียนลง Resume ได้ แล้วเราจะทำสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีเท่าตอนนี้รึเปล่า หรือแม้กระทั่งตอนนี้เองที่ฝึกงาน HR อยู่ยังคิดเลยว่ามันมีอะไรอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ แต่ถ้าเราเคยเจอมาก่อน แล้วเริ่มคุ้นเคยกับมัน เราก็จะเข้าจะพื้นฐานของการทำงานนั้นๆแล้วทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

  • ความรู้ในศาสตร์ที่เราศึกษา : จริงอยู่ว่าตอนปี 2 ที่อยากเป็น HR มากๆ สิ่งที่นึกถึงและทำตลอดคือ หาว่า HR มีอะไร ทำอะไร มีความก้าวหน้าเติบโตในงานยังไง และแนวโน้มในอนาคตจะมีแนวทางแบบไหน ซึ่งเป็นการเตรียมตัวและเตรียมพร้อมที่ดีมากๆในการทำงาน สำหรับตอนนั้นเราก็เข้าใจแค่พอมีพื้นฐานความรู้จริงๆถ้าให้ทำงานแบบตอนนี้อาจจะไปต่อไม่ถูกก็ได้ แต่พอได้มาฝึกงานจริงๆแล้วก็ตื่นเต้น รู้สึกสนุก เจออะไรก็จะเข้าใจได้เลย แถมเข้าใจความเชื่อมโยงของแต่ละฝ่าย ทำให้เราเห็นถึงคุณค่าของการทำงานทุกตำแหน่ง และผลพลอยได้คือเราจะเรียนรู้งานได้ไวแล้วได้ทำอะไรที่พัฒนาตัวเราให้โตไปอีกขั้น
  • กิจกรรมที่เคยทำ : เพราะว่าเราเข้าไปฝึกงานจริงๆมันจะมีสถานการณ์หลายๆอย่างที่มาเป็นโจทย์ให้เราหาทางออก แล้วโจทย์เหล่านั้นก็ไม่ได้มีวิธีทำเป็นคู่มือแบบหนังสือเรียน เช่น ในงาน Recruit เราจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังไงถ้าผู้สมัครไม่ชัดเจนว่าตัวเองอยากทำอะไร เป็นต้น แต่ถ้าเราเคยทำกิจกรรมมาบ้าง (ให้ตัวเองมีประสบการณ์สัมผัสกับการทำงานหรือหน้าที่เป็นชิ้นเป็นอัน แล้วเจอความท้าทาย เจอสิ่งที่ต้องคิดให้ออกว่าเราจะไปต่อยังไงดี หรือหาอะไรมาทดแทนได้บ้าง) เราจะพอรู้ว่าเนื้องานที่เคยผ่านมือตัวเองมันจะเจอปัญหาอะไร เช่น เคยผ่านงานเป็น Staff คัดเลือกน้องค่าย งานที่เหมาะกับเขาหรือทำได้ดีกว่าคนทั่วไปคือ จะพอรู้ว่าหลังจากการคัดเลือกลำดับต่อๆไป มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาจจะเหมาะกับงาน Recruit ก็ได้ หรือ พอเห็นว่าในค่ายได้จัดกิจกรรมให้น้องๆด้วย อาจจะเหมาะกับงาน HRD หรือ Event Organizer เป็นต้น
    การที่เราทำกิจกรรมแต่ละครั้งมันจะค่อยๆบอกเราว่าถ้าเจอโจทย์แนวๆนี้ วิธีการที่พอไปได้คืออะไรบ้าง สมองเราจะขุดประสบการณ์ที่เคยเจอออกมาใช้รับมือกับสถานการณ์นั้นๆได้
  • สอบถามรุ่นพี่หรือคนเคยมีประสบการณ์การทำงาน : ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจภาพการทำงานของ HR ได้ ก็คือพี่ๆ HR ที่เคยผ่านงานนี้มาแล้วทั้งนั้น ของขวัญที่เราได้จากพวกเขาคือเรื่องเล่าจากประสบการณ์ที่พวกพี่ๆเขาเจอกันมาเป็นปีๆ มาย่อยให้เราฟังแล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างหนังสือ “HR ข้างบ้าน ข้างร้าน ข้างรั้ว” ที่เจอในงาน “เท็จทอล์ค ครั้งที่ 1” ที่พี่ดิวจัด คือหนึ่งในแผนที่ที่ทำให้เราได้เห็นเส้นทางของงาน HR มากขึ้น ทั้งจากหนังสือที่เกี่ยวกับเนื้องานของ HR ที่เราได้อ่าน เช่น การเขียน Job Description คำถามการสัมภาษณ์งาน การบริหารงานบุคคล วัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ รวมทั้งรุ่นพี่จากสาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ ที่จบไปทำงาน HRD, HRBP, Recruit หรือแม้กระทั่งบทความ HR Consultant ทำให้เราได้วางแผนชีวิตและตั้งใจว่าเราอยากทำงานด้านนี้ เราต้องเจออะไรบ้าง รับมือกับปัญหายังไง ความสนุกที่ได้คืออะไร และเรื่องราวที่เจอจากเพื่อนร่วมงานและผู้คนในบริษัทเป็นยังไง ทำให้เห็นภาพอนาคตชัดเจนขึ้น และทุกประสบการณ์ที่เราได้เรียนรู้จะทำให้เราก้าวเดินได้ไกลกว่าที่คิด

2. สิ่งที่เราต้องมี คือ Mindset

พอหลังจากฝึกงานไปสัก 1–2 เดือน จะพบว่ามุมมอง-ความคิด-ทัศนคติเราเปลี่ยนไปจริงๆ แม้ว่าจะเป็นการฝึกงาน หรือ ตำแหน่งงานที่ไม่ได้ถูกคาดหวังมาก แต่วิถีชีวิตที่เรามาอยู่กับการเป็นพนักงานที่ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ได้เห็นวิถีชีวิตที่ไม่ได้คิดเกรด A B C D E F ได้มาสัมผัสกับชีวิตที่ไม่ตัดเกรด แต่มี Promote-Demote ให้โบนัสและปรับลดเงินเดือน ทำให้เรามองเห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของการสร้างผลงานที่ถูกใจคนมากขึ้น เห็นว่าแนวคิด/ทฤษฎีที่เรียนเราควรเอามาปรับใช้อ้างอิงยังไงให้งานออกมาดี

  • เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ เปิดกว้างต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง : เพราะในที่ทำงานมีคนที่หลากหลาย เราทำงานกับคนต่างวัย ต่างแผนก เชี่ยวชาญกันต่างสาขา ความถนัดและความสนใจแตกต่างกัน เราอาจจะได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอ ได้ฟังมุมมองที่เราไม่เคยคิด ไม่ว่าจะเป็นคนที่เก่งกว่า หรือคนที่อยากเรียนรู้จากเรา ทุกคนต่างให้ไอเดียอะไรบางอย่างให้เรากลับมาคิดกับชีวิตได้เสมอ เช่น ลองไปคุยกับคนที่เรารู้สึกกลัวหรือไม่ชอบ เราอาจจะได้ยินสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน และทำให้เห็นตัวเองชัดเจนขึ้น
  • พร้อมต่อการเรียนรู้ในแขนงวิชาอื่นๆ : แน่นอนว่าเราเรียนในสาขาวิชาที่เราเลือกมาหลายปี แต่ในที่ทำงานก็จะเจอเรื่องใหม่ๆที่เราไม่เคยเรียน อย่างเช่นเรียนด้านจิตวิทยามาเราจะเข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับคน ความคิด แรงจูงใจ เข้าใจแนวคิดในการเรียนรู้ ช่วยให้ทำงานบุคคลได้ดี แต่หากเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการตลาด การสร้างธุรกิจ เราก็สามารถนำแนวคิดของศาสตร์อื่นๆมาใช้กับการทำงานได้ เช่น การปรับวัฒนธรรมองค์กร เราอาจจะใช้ความรู้ด้านการตลาดที่เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค เป็นต้น
  • พร้อมปรับตัวกับการทำงานใหม่ๆ : ในที่ทำงานจะไม่เหมือนกับในห้องเรียนที่เป็นการค้นคว้าหาความรู้ ทดลองในห้องแลป นำเสนอผลงาน และสอบ ที่เป็นความท้าทายในการจดจำ แต่ในการทำงานความท้าทายจะเข้ามาในรูปแบบของการทำงานใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำ บางงานเป็นงานที่ยากสำหรับเรา บางงานเป็นงานที่เรากลัว บางงานเราต้องทำงานกับคนที่เราไม่ชอบ อย่างเช่นเป็นคนเก็บตัว (Introvert) แต่ถ้าเลือกที่จะเป็นงาน HR ก็ติดต่อประสานงานกับคนอื่นๆเยอะขึ้น อาจจะเริ่มจากการทักทายเพื่อนร่วมงาน ทักทายเพื่อนต่างแผนกมากขึ้น แล้วค่อยๆสะท้อนตัวเองจนคุ้นเคยกับการสื่อสารแล้วพัฒนาต่อไปได้ดี จนสุดท้ายคือเราต้องมีผลงานออกมาหรือผ่านงานนั้นไปให้ได้ แล้วถ้าเราผ่านไปได้เราจะเป็นตัวเราได้เก่งขึ้น หรือเป็นการ “ฝึกตน”ใน “การทำงาน” ที่เรียกว่า “การฝึกงาน”

3. สิ่งที่เราต้องมี คือ ความคาดหวัง / เป้าหมายของเราในการฝึกงาน

คำถามสัมภาษณ์งานยอดฮิตที่ว่า “คุณเห็นตัวเองในอีก 3–5 ปี ข้างหน้ายังไง” เป็นคำถามที่เราต้องถามและตอบตัวเองให้ได้ จริงๆคำถามนี้ทำให้เราได้อีกมุมมองนอกจากการมีเป้าหมายคือ เราสามารถตอบได้ว่าถ้าเราจะเลือกฝึกงานสักที่ เขาสามารถสนับสนุน-ส่งเสริมเราให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นยังไงบ้าง และเราจะใส่ความตั้งใจ ความทุ่มเท ใส่พลังในการตื่นไปทำงานของเราในแต่ละวันได้มากแค่ไหน

  • ทักษะที่อยากพัฒนา : เพราะในบริษัทที่รับเด็กฝึกงานจะมีเครื่องมือ มีพื้นที่ ให้เราได้ทดลอง ได้ล้มได้พลาด โดยที่มีคนคอยบอก คอยให้คำแนะนำได้ ทำให้เราได้เห็นด้วยว่าอะไรที่เราทำได้ดี อะไรที่เราไม่ถนัด เช่น อยากทำงานที่เกี่ยวกับการเป็นวิทยากร ถ้าได้ฝึกงาน HRD ก็ลองขอเป็นพิธีกรแทรกระหว่างช่วงเล็กๆน้อยๆก็ได้ อยากทำงานกำกับภาพยนตร์ก็อาจจะเริ่มจากการเขียนบท อยากทำงานด้านการวิจัยก็เริ่มจากการตั้งคำถามจากสิ่งที่สังเกตเห็น เป็นต้น เพราะช่วงฝึกงานเราไม่ได้ถูกกำหนดคุณสมบัติ หรือรับความเสี่ยงเท่าพี่ๆในตำแหน่งสูงๆ ถ้าอยากทำ อยากทดลอง อยากเสนอ อยากเรียนรู้อะไร ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่เก็บเกี่ยวจากทุกๆอย่าง ทุกโอกาสที่มองเห็นให้ได้มากที่สุด
  • Career Path ที่มีในใจ : เราอยากจะเดินไปในเส้นทางไหน — Career Path ในใจเป็นเหมือนแผนที่ที่คอยบอกว่า เส้นทางชีวิตเรามาถึงจุดนี้มันอาจจะไม่ได้มีแค่เส้นทางอาชีพทีเดียวตรงๆให้เราเลือก แต่มีทั้งทางเลือก A ทางเลือก B ทางเลือก C เราไปทางไหนต่อได้บ้างที่เหมาะกับเรา ตัวอย่างของเราคือ ปลายทางคือ อยากเป็นนักวิจัยด้านจิตวิทยาในองค์กร ตอนนี้ฝึกงาน HRD มองว่าสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติมเช่น ทักษะในการทำวิจัย หรือมุมมองจากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ ก็อาจจะไปต่อด้าน HRPB แล้วเก็บประสบการณ์มาสกัดเป็นองค์ความรู้เรียนต่อยอดปริญญาโทเพื่อทำความเข้าใจกับตัวแปร และวิเคราะห์ให้ความเห็นจากประสบการณ์จริงที่พบ เป็นต้น
  • ต่อยอดสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการฝึกงาน : “จบแล้วเราจะทำอะไรต่อดี” คือสิ่งที่คิดในหัวตั้งแต่ปี 1 และจะเจอคำถามนี้จนกระทั่งฝึกงานจบ แม้ว่าเราอาจจะยังตอบตัวเองไม่ได้ในทันที แต่ในวันที่เราเห็นภาพการทำงานจริง ที่เราพอเข้าใจตัวเองว่าแต่ละงานทำอะไร เราถนัด/ไม่ถนัดอะไร เราจะพอตอบได้ว่าหลังจากจบการฝึกงาน เราจะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้จากที่ทำงานไปทำประโยชน์อะไรต่อ บางคนได้ฝึกงาน HR ก็ได้ประสบการณ์ตรงนี้ในการเปิดธุรกิจส่วนตัว บางคนใช้ประสบการณ์นี้มาต่อยอดในการเป็นครู บางคนก็ทำงานตรงสายใช้ความถนัดที่ตัวเองมี ต่อยอดจนเชี่ยวชาญ และสามารถเป็นที่ปรึกษาของคนอื่นๆได้ในอนาคต

สรุปแล้วสิ่งที่เราควรมีการฝึกงาน คือ การเตรียมตัว (จากประสบการณ์) — เตรียมความคิด (ทัศนคติและการปรับตัว) — เตรียมเป้าหมายและเส้นทาง (การวางแผน) เอาไว้ก่อน ซึ่งใครมองดูดีๆ มันคือเรื่องราวที่เราใส่ลงไปใน Resume สมัครได้น่าสนใจมากที่สุด เพราะในนั้นจะบอกว่าเราเป็นใคร มีมุมมองชีวิตยังไง และอะไรทำให้เราไปต่อถ้าเจออุปสรรค เพื่อให้ในวันที่ฝึกงานเราทำงานได้อย่างสนุกและสบายใจ จนกระทั่งวันที่จบออกไปเราได้เป็นคนที่เก่งขึ้นพร้อมกับมีประสบการณ์และความทรงจำที่ดี

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv Terjemahan แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip lmyour แปลภาษา ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาอาหรับ-ไทย Bahasa Thailand app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม พจนานุกรมศัพท์ทหาร ยศทหารบก ภาษาอังกฤษ สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทั้งหมดกี่ภาค มัจจุราชไร้เงา 1 mono29 มัจจุราชไร้เงา 1 pantip มัจจุราชไร้เงา 3 pantip รายชื่อวิทยานิพนธ์ นิติศาสตร์ 2563 ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาอิสลามเป็นไทย ่้แปลภาษา Google Drive กรมการปกครอง กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ที่อยู่สมุทรปราการ ภาษาอังกฤษ ประปาไม่ไหล วันนี้ มหาวิทยาลัยรามคําแหง เปิดรับสมัคร 2566 มัจจุราชไร้เงา 2 facebook ราคาปาเจโร่มือสอง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น หนังสือราชการ ส ถ หยน ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ อาจารย์ ตจต Google Form Info arifureta shokugyou de sekai saikyou manga online legendary moonlight sculptor www.niets.or.th ประกาศผลสอบ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf