By in Article Posted December 11, 2017 at 4:04 pm ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (จีพีเอส) (Global positioning System : GPS) หรือ นาฟสตาร์ (Navstar) คือระบบดาวเทียมนำร่องโลก เพื่อระบุข้อมูลของตำแหน่งและเวลาโดยอาศัยการคำนวณจากความถี่สัญญาณนาฬิกาที่ส่งมาจากตำแหน่งของดาวเทียมต่างๆ ที่โคจรอยู่รอบโลก สามารถระบุตำแหน่ง ณ
จุดที่รับสัญญาณได้ทั่วโลกไม่ว่าจะสภาพอากาศแบบใด สามารถคำนวณความเร็วและทิศทางเพื่อนำมาใช้ร่วมกับแผนที่ในการติดตามยานพหานะ คน สัตว์ สิ่งของ และยังใช้ร่วมกับแผนที่นำทางได้ ดาวเทียมของจีพีเอสเป็นดาวเทียมที่มีวงโคจรระดับกลาง (Medium Earth Orbit: MEO) ที่ระดับความสูงประมาณ 200 กิโลเมตร จากพื้นโลก ใช้การยืนยันตำแหน่งโดยอาศัยพิกัดจากดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง สามารถยืนยันตำแหน่งได้ครอบคลุมทุกจุดบนผิวโลก ปัจจุบัน เป็นดาวเทียม GPS Block-II มีดาวเทียมสำรองประมาณ 4-61 ดวง
นอกจากระบบ GPS แล้วยังมี ระบบบอกพิกัดด้วยดาวเทียมอื่นๆ ได้แก่
- GLONASS (Global Navigation Satellite System) เป็นระบบของรัสเซีย ที่พัฒนาเพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา ใช้งานได้สมบูรณ์ทั่วโลกตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555
- Galileo เป็นระบบที่กำลังพัฒนาโดยสหภาพยุโรป ร่วมกับจีน อิสราเอล อินเดีย โมร็อกโก ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีใต้ และยูเครน จะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553
- Beidou เป็นระบบที่กำลังพัฒนาโดยประเทศจีน โดยให้บริการเฉพาะบางพื้นที่ แต่ในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาโดยให้ครอบคลุมทั่วโลกโดยจะใช้ชื่อว่า COMPASS
- QZSS ระบบดาวเทียมของญี่ปุ่น ทำหน้าที่หลากหลาย ช่วยเสริมการหาตำแหน่งด้วย GPS โดยเน้นพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ที่มีอาคารสูงบดบังสัญญาณ GPS สำหรับ QZSS ถูกออกแบบให้มีวงโคจรเป็นเลข 8 โดยเต็มระบบจะประกอบด้วยดาวเทียม 3-4 ดวง
ข้อมูลจาก //th.wikipedia.org/wiki/ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก
ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้
1) ส่วนอวกาศ (Space Segment) ได้แก่ ดาวเทียมบนอวกาศ ทำหน้าที่ส่งสัญญาณ
2) ส่วนควบคุม (Control Segment) ได้แก่ สานีภาคพื้นดินที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของโลก ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกับดาวเทียม
3) ส่วนผู้ใช้ (User Segment) ได้แก่ เครื่องรับสัญญาณระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ และคำนวณหาพิกัดตำแหน่งบนพื้นโลก
ทั้ง 3 ส่วนมีความสัมพันธ์กัน ส่วนควบคุมจะมีสถานีติดตามภาคพื้นดินกระจายอยู่บนพื้นโลก เพื่อคอยติดตามการเคลื่อนที่ของดาวเทียม สามารถคำนวณวงโคจรและตำแหน่งของดาวเทียมที่เวลาต่างกันได้ จากนั้นส่วนควบคุมจะทำนายวงโคจรและตำแหน่งของดาวเทียมทุกดวงในระบบล่วงหน้า แล้วส่งข้อมูลไปยังส่วนอวกาศ ดาวเทียมจะทำการส่งข้อมูลกลับมายังโลกพร้อมกับคลื่นวิทยุ ส่วนผู้ใช้เมื่อต้องการจะทราบตำแหน่งใด ก็เพียงนำเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม GPS ตั้งค่าให้ตรงตำแหน่งที่ต้องการหา แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผลก็จะทราบพิกัด ณ ตำแหน่งที่ต้องการ
ภาพ : องค์ประกอบของระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก
ที่มา: กิตติคุณ รุ่งเรือง. การจัดการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์. กรุงเทพฯ: บริษัทสุวีริยาสาส์น จำกัด, 2556.
ที่มา: อุเทน ทองทิพย์. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์สำหรับการศึกษาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, 2555.
ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก คือ การนำคลื่นสัญญาณวิทยุและรหัสจากดาวเทียม เพื่อบอกค่าพิกัดของสิ่งต่างๆบนพื้นโลก
ระบบดังกล่าวเกิดจากการส่งดาวเทียมจำนวน 24 ดวง ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ที่ระดับความสูงประมาณ 20,200 กิโลเมตร แบ่งเป็นวงโครจร 6 วง และแต่ละวงโคจรมีดาวเทียมประจำการอยู่ 4 ดวง
โดยทำการส่งคลื่นสัญญาณบอกตำแหน่งการโคจรมายังสถานีควบคุมดาวเทียมภาคพื้นดิน และเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม โดยเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมจะนำสัญญาณจากดาวเทียมมาคำนวณหาค่าละติจูดและลองจิจูดของตำแหน่งต่างๆ
ที่มา: กิตติคุณ รุ่งเรือง. การจัดการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์. กรุงเทพฯ: บริษัทสุวีริยาสาส์น จำกัด, 2556.
ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลกเป็นระบบที่ใช้ในการหาพิกัดตำแหน่งโดยการรับสัญญาณดาวเทียม ระบบนี้ถูกพัฒนาโดยกระทรวงกลาโหมของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ พ.ศ. 2516 โดยเน้นประโยชน์ด้านการทหารเป็นหลัก เป็นระบบที่สามารถใช้หาตำแหน่งได้ในทุกสภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง และใช้ได้ทั่วโลก ผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ทำให้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในด้านต่างๆของฝ่ายพลเรือนด้วย
ที่มา: อุเทน ทองทิพย์. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์สำหรับการศึกษาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร, 2555.