ทำความรู้จักโปรแกรม Illustrator
Illustrator เป็นโปรแกรมที่ทำงานด้านกราฟิกตัวหนึ่ง ซึ่งเน้นการสร้างชิ้นงานจากการวาดเป็นหลัก ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับนักออกแบบทั้งหลายที่นำไปใช้ในงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานสิ่งพิมพ์ , เสื้อผ้า
,
เว็บเพจ , ออกแบบฉลากและผลิตภัณฑ์ หรือ งานโฆษณาต่างๆ ซึ่งจะเห็นว่าความสามารถของโปรแกรม Illustrator นั้น เปรียบเหมือนกับผ้าใบผืนใหญ่ที่ใช้วาดภาพ โดยที่โปรแกรมจะเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นดินสอสี , แปรงพู่กัน , ไม้บรรทัด , ยางลบ และ อุปกรณ์อื่น ๆ ไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการในการออกแบบ และการวาดภาพของเราเองที่จะขีดเขียน หรือระบายภาพต่างๆออกมา
จุดเด่นของโปรแกรม Illustrator CS5
ภาพที่ได้จากโปรแกรมจะเป็นกราฟิกประเภทเวคเตอร์ที่มีลักษณะเป็นลายเส้น ภาพที่ได้จึงมีความคมชัด ไฟล์ที่ได้จากการทำงานโปรแกรม Illustrator สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมกราฟิกอื่น ๆ ได้เช่น
InDesign , Photoshop , Flash เป็นต้น สำหรับเวอร์ชั่น CS5 นี้ได้มีการพัฒนาความสามารถในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาร์ตบอร์ดหลายๆแผ่นในไฟล์เดียวกัน , การไล่โทนสีเกรเดียนท์แบบโปร่งใส , เครื่องมือ Blob Brush ที่ช่วยให้วาดรูปทรงอิสระได้อย่างง่ายๆ , การปรับแต่งสี , เส้นและเอฟเฟ็คต์ต่างๆที่ทำได้บนพาเนล Appearance ที่สะดวกขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะได้ศึกษาต่อในบทต่อๆไป
รู้จักกับประเภทไฟล์กราฟิก
งานกราฟิกที่ใช้ในคอมพิวเตอร์จะถูกแบ่งประเภทไฟล์ภาพตามการสร้างเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือภาพแบบที่เรียกว่า Vector Graphics และภาพ Bitmap Images ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างไฟล์ภาพทั้งสองประเภทจะมีผลตั้งแต่การสร้าง ,
การแก้ไข , การนำเข้าไฟล์ภาพ (Import) และการนำภาพที่สร้างจากโปรแกรมไปใช้กับโปรแกรมอื่น ๆ (Export) ความสามารถในการปรับแต่งเอฟเฟ็คต์ หรือลูกเล่นของไฟล์กราฟิกแต่ละประเภทก็ต่างกันออกไป บางคำสั่งสามารถใช้ได้กับไฟล์ประเภทเวคเตอร์หรือบางคำสั่งสามารถใช้ได้เฉพาะไฟล์ประเภทบิทแมพ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับไฟล์กราฟิกทั้ง 2 ประเภท ดังนี้
Vector Graphics
ภาพแบบเวคเตอร์ เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นในลักษณะต่าง ๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้น ๆ ซึ่งสร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพดอกไม้ ก็จะถูกสร้างด้วยจุดของเส้นโค้ง และเส้นตรงหลาย ๆ จุด
Bitmap Images
ภาพแบบบิทแมพ
หรืออาจจะเรียกว่าภาพแบบราสเตอร์ (Raster) ก็ได้ เป็นภาพที่เกิดจากจุดสีที่เรียกว่าพิกเซล (pixels) ซึ่งเรียกต่อกันเป็นรูปร่างบนพื้นที่ ที่มีลักษณะเป็นตาราง (กริด) แต่ละพิกเซลจะมีค่าของตำแหน่งและค่าสีของตัวเอง ภาพหนึ่งภาพจะประกอบด้วยพิกเซลหลาย ๆ พิกเซลรวมกัน
การเรียกใช้งานโปรแกรม Adobe Illustrator CS5
เมื่อเปิดโปรแกรมแล้วจะปรากฏหน้าต่างต้อนรับ (Welcome Screen) ของโปรแกรมขึ้นมา ดังนี้
ส่วนประกอบของหน้าต่างโปรแกรม Adobe Illustrator CS5
โดยส่วนประกอบหลักๆในการทำงานมีดังนี้
เมนูบาร์ (Menu Bar)
เมนูบาร์ จะประกอบด้วยเมนูคำสั่งที่ใช้จัดการกับไฟล์, ทำงานกับภาพและปรับออปชั่นต่างๆ โดยเมนูเหล่านี้มีเมนูย่อยๆให้เลือกใช้งานได้อีก
คอนโทรลพาเนล (Control Panel)
เป็นส่วนที่ใช้ในการปรับแต่งการทำงานของเครื่องมือต่างๆ ซึ่งรายละเอียดในคอนโทรลพาเนลจะเปลี่ยนไปตามการเลือกเครื่องมือ หรือ เลือกออบเจ็คในขณะนั้น เช่น
หากเลือกออบเจ็คทั่วไปคอนโทรลพาเนลจะแสดงออปชั่นการกำหนดสี , ขนาดของพื้นที่และเส้น แต่ถ้าหากเลือกออบเจ็คที่เป็นตัวอักษรก็จะแสดงออปชั่นที่เกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบตัวอักษร เป็นต้น
กล่องเครื่องมือ (Toolbox)
กล่องเครื่องมือ ประกอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานและมีจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการรวมเครื่องมือบางอย่างไว้ในปุ่มเดียวกันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งจะมีรูป อยู่ที่มุมขวาล่างของปุ่มเครื่องมือ เพื่อแสดงว่ายังมีเครื่องมืออื่นซ่อนอยู่ด้วย
ซึ่งถ้าหากต้องการเลือกเครื่องมือที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มนั้น ให้คลิกเมาส์ที่ปุ่มเครื่องมือนั้นค้างไว้แล้วลากเมาส์ไปชี้ที่เครื่องมืออื่นๆที่ต้องการ ดังนี้
นอกจากนี้ยังสามารถดึงเครื่องมือที่ซ่อนอยู่ออกมาเป็นแถบกลุ่มเครื่องมือใหม่ก็ได้ ดังนี้
โดยเครื่องมือต่างๆใน Toolbox มีดังนี้
พาเนลต่าง ๆ
พาเนล (Panel) คือ กรอบหน้าต่างย่อยๆ ที่มีคำสั่งและเครื่องมือในการจัดการ , ตรวจสอบค่า และปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆของออบเจ็ค ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะถูกจัดแบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ เช่น พาเนล Color
ใช้กำหนดสี , พาเนล Stroke ใช้ปรับขนาดและรูปแบบเส้น , พาเนล Align จัดตำแหน่งวัตถุ เป็นต้น บางพาเนลที่มักใช้งานร่วมกันจะถูกจัดไว้ในกลุ่มเดียวกัน เช่น พาเนล Color และ พาเนล Color Guid แต่พาเนลนั้นจะไม่ถูกเปิดขึ้นมาให้ทุกๆพาเนล ดังนั้นหากต้องการเรียกใช้งานพาเนลที่ไม่ได้ถูกเปิดอยู่
จะต้องทำการเปิดพาเนลขึ้นมาใช้งานเอง ซึ่งวิธีการใช้งานพาเนลมีรายละเอียดดังนี้
วิธีการเรียกเปิดพาเนลต่างๆ
วิธีการเรียกใช้คำสั่งของพาเนล
ในแต่ละพาเนลจะมีคำสั่งที่ใช้ปรับแต่งการทำงานที่ต่างกันไป ซึ่งสามารถคลิกปุ่ม ที่มุมบนขวามือเพื่อเลือกใช้งานแต่ละคำสั่งได้ ดังนี้
วิธีการย่อ/ขยายพาเนล
โดยปกติพาเนลจะถูกย่อเอาไว้ และหากต้องการเขยายพาเนลออกมาเพื่อความสะดวกในการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆก็จะต้องขยายพาเนลออกมา หรือถ้าหากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการทำงานก็สามารถย่อพาเนลลงให้กลับไปแสดงเป็นรูปไอคอนได้ และเมื่อต้องการใช้งานพาเนลใดก็ให้เปิดขึ้นมาทำงานเฉพาะพาเนลนั้นๆ ดังนี้
การจัดการเกี่ยวกับไฟล์
การสร้างไฟล์ใหม่
วิธีที่ 1 คลิกที่รูปแบบ Print Document ในหน้า Welcome Screen เพื่อสร้างไฟล์สำหรับงานพิมพ์
วิธีที่ 2 เลือกที่เมนู File แล้วเลือกคำสั่ง New
จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกซ์บล็อกสำหรับกำหนดรายละเอียดของอาร์ตบอร์ดขึ้นมาให้
โดยรูปแบบการสร้างอาร์ตบอร์ดมีอยู่ 2 รูป แบบด้วยกัน คือ
1. การสร้างอาร์ตบอร์ดแบบหน้าเดียว มีวิธีดังนี้
2. การสร้างอาร์ตบอร์ดแบบหลายอาร์ตบอร์ด มีวิธีดังนี้
การจัดการอาร์ตบอร์ดด้วยพาเนล Artboards
พาเนล Artboards นี้เป็นคุณสมบัติใหม่ในเวอร์ชั่น CS5 ที่จะช่วยให้สร้างและจัดการอาร์ตบอร์ดได้สะดวกมากขึ้น ดังนี้
การเพิ่มอาร์ตบอร์ด
ในกรณีที่ต้องการเพิ่มอาร์ตบอร์ดใหม่ขึ้นมาในไฟล์เดิมสามารถทำได้ดังนี้
การเปลี่ยนโหมดสี
หลังจากที่ได้สร้างไฟล์ไปแล้วแต่ต้องการเปลี่ยนโหมดสีก็สามารถทำได้
แต่การเปลี่ยนโหมดสีอาจทำให้สีต่างๆที่ใช้ในอาร์ตเวิร์คผิดเพี้ยนไป ดังนั้นจึงควรกำหนดโหมดสีให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มสร้างงาน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนโหมดสีสามารถทำได้ดังนี้
การบันทึกไฟล์
ขณะที่กำลังทำงาน หรือ หลังจากที่ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องบันทึกอาร์ตเวิร์คเก็บไว้เป็นไฟล์ เพื่อให้สามารถนำกลับมาแก้ไข หรือ ใช้งานต่อไปในภายหลังได้ โดยมีขั้นตอนการบันทึกดังนี้
จากนั้นโปรแกรมจะแสดงหน้าต่างการกำหนดออปชั่นของไฟล์ที่จะบันทึก ดังนี้
การเปิดไฟล์
หากต้องการเปิดไฟล์เก่าที่ได้บันทึกไว้แล้วขึ้นมาปรับปรุงหรือแก้ไขสามารถทำได้ดังนี้
การปิดไฟล์
เมื่อจบการทำงานแล้ว และต้องการปิดไฟล์ที่กำลังถูกเปิดอยู่สามารถทำได้โดย
การนำไฟล์ภาพบิทแมพมาใช้งาน
Illustrator เป็นโปรแกรมที่ทำงานกับภาพแบบเวคเตอร์เป็นหลัก
แต่ก็สามารถนำภาพแบบบิทแมพเข้ามาใช้งานร่วมกับภาพเวคเตอร์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
การพิมพ์ภาพ
ในการพิมพ์ภาพนั้นสามารถทำได้โดยเลือกรูปแบบของการพิมพ์อาร์ตเวิร์คอาร์ตเวิร์คจะต้องวางอยู่ในพื้นที่ของการพิมพ์ (Page Tiling) ซึ่งขอบเขตนี้จะแสดงเป็นเส้นประสีดำโดยทำตามขั้นตอนดังนี้
มุมมองวินโดว์โปรแกรม
เราสามารถกำหนดมุมมองของวินโดว์โปรแกรมเพื่อให้เหมาะสม และสะดวกต่อการทำงาน โดยคลิกกลุ่มเครื่องมือ Screen Mode จากทูลบ็อกซ์ เพื่อสลับไปยังมุมมองต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกดังนี้
Normal Screen Mode จะแสดงส่วนประกอบทุกอย่างได้ทั้งหมดเหมือนกับขณะที่เปิดโปรแกรมครั้งแรก โดยทูลบ็อกซ์, พาเนลและหน้าต่างไฟล์ยังยึดติดกับหน้าต่างโปรแกรม
Full Screen Mode with Menu Bar จะแสดงวินโดว์เต็มหน้าจอ โดยตัดส่วนที่เป็น
ไตเติลบาร์ของโปรแกรมและทาสก์บาร์ของ Windows ออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ทำงานมากขึ้น
Full Screen Mode จะแสดงส่วนประกอบเหมือน Full Screen Mode with Menu Bar และจะไม่แสดงส่วนของเมนูบาร์ด้วย เพื่อให้มีพื้นที่ทำงานมากที่สุด
ย่อ / ขยายการมอง
ในการวาดส่วนประกอบของภาพที่มีขนาดเล็ก เช่น ขนตาหรือขนคิ้วนั้นจำเป็นต้องขยาย
การมองภาพ (Zoom
in)เพื่อให้วาดรายละเอียดและปรับแต่งส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น การย่อ/ขยายหรือการซูม สามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
ย่อ / ขยายด้วยเครื่องมือ Zoom
ย่อ/ขยายด้วยพาเนล Navigator
การซูมด้วยพาเนล Navigator จะช่วยให้ได้อัตราการซูมที่แน่นอน และสามารถเลื่อนดูส่วนที่ต้องการได้โดยจะแสดงภาพตัวอย่างและมีกรอบสีแดงบอกให้รู้ว่าขณะนั้นส่วนใดของภาพที่กำลังถูกซูมอยู่ ซึ่งหากพาเนล Navigator
ไม่ถูกเปิดอยู่ก็ให้ไปเปิดพาเนลนี้ขึ้นมาก่อน และเมื่อเปิดขึ้นมาแล้ววิธีการซูมจากพาเนล Navigator สามารถทำได้หลายวิธี โดยมีรายละเอียดดังนี้
เลื่อนดูภาพด้วยเครื่องมือ Hand
ในกรณีที่ซูมขยายจนภาพมีขนาดใหญ่เกินกว่าขนาดหน้าต่าง ก็จะทำให้บางส่วนของภาพถูกซ่อนไว้ ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องมือ Hand ในการจับภาพแล้วเลื่อนดูภาพในส่วนอื่นได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
แถบไม้บรรทัด (Ruler)
ประโยชน์ของไม้บรรทัด คือ ทำให้สามารถวัดและกำหนดตำแหน่งของวัตถุต่างๆ ได้แม่นยำขึ้น เราสามารถแสดงแถบไม้บรรทัดได้โดย
ซึ่งเลื่อนเมาส์ไปในตำแหน่งต่างๆจะเห็นว่ามีเส้นประปรากฏบนไม้บรรทัดทั้งแนวตั้งและแนวนอนเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งของเมาส์ ดังนั้นจึงสามารถดูตำแหน่งที่เมาส์ชี้อยู่ได้จากแถบไม้บรรทัด
นอกจากนี้ยังสามารถดูตำแหน่งวัตถุและตำแหน่งของเมาส์ได้จากพาเนล Info โดยสามารถเรียกพาเนล Info ได้โดยเลือกเมนูคำสั่ง Window > Info จะเป็นการเปิดพาเนลขึ้นมา ดังนี้
การเปลี่ยนหน่วยวัดของไม้บรรทัด
เมื่อโปรแกรมแสดงแถบไม้บรรทัดแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนหน่วยวัดบนไม้บรรทัดได้ ดังนี้
เส้น Grid, Guide
การใช้เส้น Grid
เส้นกริด (Grid) คือ
ตารางสมมติที่แสดงขึ้นเพื่อช่วยในการวาดและการจัดวางวัตถุได้อย่างแม่นยำ โดยมีลักษณะเป็นตารางสีเทาที่มีระยะห่างแต่ละช่วงเท่าๆ กันตามหน่วยวัดของไม้บรรทัด โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การแสดงเส้นกริดทำได้โดยคลิกเลือกเมนูคำสั่ง View เลือกคำสั่ง Show Grid
- หากต้องการยกเลิกการแสดงเส้นกริดเลือกเมนูคำสั่ง View เลือกคำสั่ง Hide Grid
- การกำหนดให้วัตถุอยู่ติดกับเส้นกริดโดยอัตโนมัติเมื่อทำการย้ายตำแหน่งของวัตถุนั้นคลิกเลือก เมนูคำสั่ง View เลือกคำสั่ง Snap to Grid และเมื่อต้องการยกเลิกการให้วัตถุอยู่ติดกับเส้นกริดให้เลือกคำสั่งเดิมอีกครั้ง
การใช้เส้น Guide
เส้นไกด์ (Guide) คือเส้นที่ช่วยในการกะระยะและตำแหน่งเพื่อจัดวางวัตถุเช่นเดียวกับเส้นกริด แต่เส้นไกด์นี้สามารถสร้าง และจัดวางไปยังตำแหน่งต่างๆ ได้เอง ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน โดยปกติแล้วจะต้องมีการแสดงแถบไม้บรรทัดก่อนจึงจะสามารถสร้างเส้นไกด์ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- สร้างเส้นไกด์ คลิกลากเมาส์ออกจากแถบบรรทัดตามแนวตั้งหรือแนวนอนที่ต้องการ
- สร้างเส้นไกด์เป็นรูปทรงอิสระ นอกจากเส้นไกด์ที่เป็นเส้นตรงแล้ว ยังสามารถสร้างเส้นไกด์เป็นรูปทรงใดๆก็ได้ โดยวาดและเลือกรูปทรงนั้น แล้วคลิกเมนู View เลื่อนเมาส์มาที่ Guides เลือกคำสั่ง Make Guides
- ซ่อนเส้นไกด์ หากต้องการยกเลิกการแสดงเส้นไกด์ให้ใช้เมนูคำสั่ง View เลื่อนเมาส์มาที่ Guides เลือกคำสั่ง Hide Guides
- ล็อคเส้นไกด์ เพื่อไม่ให้เส้นไกด์มรการเปลี่ยนตำแหน่ง ให้คลิกเมนู View เลื่อนเมาส์มาที่Guides เลือกคำสั่ง Lock Guides
- ลบเส้นไกด์ หากต้องการลบเส้นไกด์บางเส้นออก ให้ใช้เครื่องมือ คลิกเลือกเส้นไกด์ที่ต้องการลบแล้วกดคีย์ Delete
- ลบเส้นไกด์ทั้งหมด หากต้องการลบเส้นไกด์ทั้งหมดให้คลิกเมนู View เลื่อนเมาส์มาที่ Guides เลือกคำสั่งClear Guides
การใช้ Smart Guide
สมาร์ทไกด์ (Smart Guide) เป็นเส้นไกด์ที่ปรากฏขึ้นอัตโนมัติ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกใน
การเลือก , วาดภาพ และ วางวัตถุ ซึ่งเมื่อเลื่อนเมาส์มาวางไว้เหนือวัตถุชิ้นใด ก็จะแสดงโครงร่างและส่วนประกอบของเส้น Path นอกจากนี้ยังบอกรายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นองศา , จุดตัดเส้น หรือ แนวของวัตถุ (เมื่อเทียบกับวัตถุใกล้เคียง) ทำให้การวาดมีความแม่นยำมากขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การแสดงสมาร์ทไกด์ทำโดย คลิกเมนู View แล้วคลิกที่คำสั่ง Smart Guides
- การยกเลิกสมาร์ทไกด์ทำโดย คลิกเมนู View แล้วคลิกที่คำสั่ง Smart Guides ซ้ำอีกครั้ง