วิธีการสอนแบบโครงงาน
ความหมาย
วิธีสอนแบบโครงงาน หมายถึง เป็นการสอนที่ให้นักเรียนเป็นหมู่หรือรายบุคคลได้วาง โครงงานและดำเนินงานให้ เสร็จตามโครงการนั้น นับว่าเป็นการสอนที่สอดคล้องกับสภาพชีวิตจริง เด็กจะทำงานนี้ด้วยการตั้งปัญหา ดำเนินการ แก้ปัญหาด้วยการลงมือทำจริงๆจนได้ชิ้นงานที่สามารถนำผลการศึกษาไปใช้ได้ในชีวิตจริง การเรียนรู้แบบโครงงาน เป็นการเรียนรู้ที่ใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบนำมาผสมผสานกันได้แก่ กระบวนการกลุ่ม การฝึกคิด การแก้ปัญหา การเน้นกระบวนการ การสอนแบบปริศนาความคิด และการสอนแบบร่วมกันคิด เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งจากความสนใจ อยากรู้ อยากเรียนของผู้เรียนเอง
วัตถุประสงค์
1. มีประสบการณ์โดยตรง
2. ได้ทำการทดลองและพิสูจน์สิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง
3. รู้จักการทำงานอย่างมีระบบ มีขั้นตอน
4. ฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
5. ได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา
6. ได้รู้จักวิธีการต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา
7. ฝึกวิเคราะห์ และประเมินตนเอง
ความมุ่งหมาย
1.เพื่อฝึกให้เกิดความรับผิดชอบในการทำงานต่างๆ
2.เพื่อให้นักเรียนฝึกแก้ปัญหาด้วยการใช้ความคิด
3.เพื่อฝึกดำเนินงานตามความมุ่งหวังที่ตั้งไว้
ขั้นตอนในการสอน
การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงานมี 4 ขั้นตอน คือ
1. กำหนดความมุ่งหมายและลักษณะโครงงานโดยตัวนักเรียนเอง
2. วางแผนหรือวางโครงงาน นักเรียนต้องช่วยกันวางแผนว่าจะทำอะไร ใช้วิธีการหรือกิจกรรมใด จึงจะบรรลุจุดมุ่งหมาย
3. ขั้นดำเนินการ ลงมือทำกิจกรรมหรือแก้ปัญหา
4. ประเมินผล โดยประเมินว่ากิจกรรมหรือโครงงานนั้นบรรลุผลตามความมุ่งหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ มีข้อบกพร่อง และควรแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างไร
การสอนให้นักศึกษาเป็นศูนย์กลาง (Student Centered Learning)
โดยคำนิยามที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เป็นการเรียนการสอนตามความต้องการของนักศึกษา ซึ่งแต่ละคนมีความต้องการแตกต่างกัน จึงอาจเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องเรียนขนาดใหญ่ การวิจัยพบว่าการสอนวิธีนี้ทำให้นักศึกษาสนใจเรียนมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เขาต้องการเรียน เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเขา ทำให้มีแรงจูงใจให้เรียนรู้ โดยครูเป็นผู้ประสานความรู้เพื่อให้นักเรียนไปถึงจุดหมาย
ครูจะต้องมองว่า เราสอนใคร เพื่อให้เขาทำอะไร และ จะสอนอย่างไร หากรู้พื้นฐานนักเรียน (สอนใคร) ก็จะสามารถจัดกระบวนการสอนให้สอดคล้องกับพื้นฐานเขาได้ และการสอนต้องให้เขาตระหนักในประโยชน์ (เพื่ออะไร) จากนั้นจึงดำเนินการสอน (อย่างไร) ให้สอดคล้องและได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งวิธีการสอนแบบให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง น่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่ง
วิธีการเสนอแนะในการสอนแบบนักศึกษาเป็นศูนย์กลาง
1. อาจารย์แจกเค้าโครงรายวิชาให้นักศึกษาโดยอาจารย์ไม่สอนแต่แนะแนวทางให้นักศึกษาคิดและแก้ปัญหานักศึกษาจะต้องอ่านหนังสือมาก่อน นักศึกษาเป็นผู้ออกแบบเนื้อหา กำหนดเนื้อหาเองซึ่งการวัดผล จะต้องใช้ ข้อสอบที่มีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากพอสมควร
2.การเรียนแบบโครงงานโดยในวิชานั้นนักศึกษาจะต้องทำโครงงานย่อย 4 โครงการ ใช้เวลาโครงการละ 2 สัปดาห์ นักศึกษาจะต้องตั้งปัญหาในแต่ละโครงการแล้วเชื่อมต่อโครงการกับทฤษฎีที่อาจารย์เสนอแนะไว้ แต่ก่อนปิดรายวิชาอาจารย์ต้องสรุปและเสริมเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของรายวิชา
ประเด็นเสนอแนะปลีกย่อย
1. ครูต้องเก่งมากจึงจะเป็นผู้ประสานวิชาการอันหลากหลายได้
2. น่าจะปฏิรูปมหาวิทยาลัยให้เป็น Student Centered Service เสียด้วย คือให้นักศึกษาบริการตนเองในเรื่องต่างๆ ซึ่งจะฝึกให้นักศึกษารู้จักรับผิดชอบมากขึ้น
3. วิธีนี้สามารถทำได้ในการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษา แต่หากเป็นระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยจะต้องควบคุมขนาดชั้นเรียน และกำหนดทิศทางในการจัดการเรียนการสอนให้ชัดเจน
4. ความยากคือการตรวจงาน การประเมิน วิธีที่น่าทดลองคือ ให้เด็กตรวจงานกันเอง
5. น่าจะมีชั้นเรียนทดลองวิธีนี้ อาจารย์ท่านใดต้องการทดลองโปรดแจ้งรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ
6. อาจทดลองให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อหาวิชาสัก 10 – 20 %
7. พอทำได้ในชั้นปีที่ 3 – 4 เนื่องจากนักศึกษามีความรู้พื้นฐานที่จะบูรณาการได้แล้ว ส่วนในชั้นปีที่ 1 – 2 นั้น อาจทำไม่ได้
8. สำหรับห้องเรียนขนาดใหญ่ รศ.ดร.ทวิช ทดลองใช้วิธีแบ่งกลุ่มทำการบ้านและตรวจการบ้านกันเองโดยการสลับกลุ่ม โดยเฉลยให้เฉพาะหลักการ นับว่าเป็นการเรียนแบบนเป็นศูนย์กลางในระดับหนึ่งและอีกรูปแบบหนึ่ง
ข้อดีข้อจำกัด
ข้อดี
1.นักเรียนมีความสนใจเพราะได้ปฎิบัติจริง
2.ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานอย่างมีแผน และให้รู้จักประเมินผลงานของตนเอง
3.ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามวิธีของธรรมชาติ และให้มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วย
4.ฝึกให้นักเรียนได้รู้จักแก้ปัญหา เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเผชิญสภาพสังคมจริงๆ
ข้อจำกัด
1.เสียเวลามากและเสียค่าใช้จ่ายสูง
2.ประสบการณ์ในชีวิตจริงหลายอย่างไม่สามารถจะวางแผนและทำกิจกรรมได้
3.ถ้าครูไม่มีความรู้พอเพียง การสอนจะประสบความล้มเหลว
4.อาจทำให้นักเรียนได้รับความรู้ที่เป้นหลักวิชาไม่เพียงพอ
บรรณานุกรม
อินทิรา บุณยาทร.(2542).หลักการสอน.กรุงเทพ .โปรแกรมวิชาการปฐมศึกษา คณะครุศาสตร์สถาบันราชภัฎสมเด็จเจ้าพระยา.