หลาย ๆ คนอาจเคยคิดว่าการทำความสะอาดที่นอนด้วยเครื่องดูดฝุ่นธรรมดา อย่าง เครื่องดูดฝุ่นด้ามจับ และ เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ อาจเพียงพอสำหรับการทำความสะอาด แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกไม่มันไม่ใช่แบบที่คุณคิด เพราะการดูดฝุ่นอาจช่วยทำให้ฝุ่นที่ติดอยู่บนผิวชั้นบนออกไปได้ แต่ในขณะเดียวกันคุณก็อย่าลืมว่าที่นอนของเรานั้นไม่ได้มีเพียงฝุ่นที่เป็นสิ่งสกปรกเพียงเท่านั้น แต่มันยังมีเชื้อโรคและตัวไรฝุ่นที่อาศัยอยู่ด้านในของที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์
ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “ตัวไรฝุ่น” ที่สามารถทำให้เราเกิดผื่นแดงหรืออาการหอบหืดได้ แน่นอนว่าการซักทำความสะอาด ที่นอน, ชุดเครื่องนอน, Topper หรือผ้าห่ม ด้วยผงซักฟอกยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า ที่นอนยางพารา, ที่นอนสปริง หรือ ที่นอนปิคนิค รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟา, โซฟาปรับนอน, เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน หรือ เฟอร์นิเจอร์ห้องนอนต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนัก อาจจะยากลำบาก และค่อนข้างเสียเวลาอยู่ไม่น้อย ยิ่งหากใครทำเพียงคนเดียวคงจะเหนื่อยน่าดู อีกทั้งด้วยขนาดที่ค่อนข้างจะใหญ่ แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถนำไปซักใน เครื่องซักผ้าฝาบน, เครื่องซักผ้าฝาหน้า หรือ เครื่องซักและอบผ้า ได้อย่างแน่นอน
ฉะนั้นวิธีที่จะสามารถกำจัดและลดจำนวนของตัวไรฝุ่นได้ง่าย โดยไม่ต้องยกที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์จำนวนหลายกิโลไปซักคือการใช้เครื่องดูดฝุ่นในการช่วยทำความสะอาด เพื่อลดความถี่ในการซักทำความสะอาดที่นอนให้น้อยลง แต่อย่างที่เราได้บอกแล้วว่าเครื่องดูดฝุ่นแบบธรรมดา อาจจะไม่ได้ช่วยคุณกำจัดตัวไรฝุ่นบนที่นอนได้อย่ามีประสิทธิภาพมากนัก ดังนั้นเราจึงขอแนะนำ “เครื่องดูดไรฝุ่น” ที่ออกแบบมาสำหรับการทำความสะอาดและกำจัดตัวไรฝุ่นโดยเฉพาะ เพียงแค่คุณหยิบเครื่องดูดไรฝุ่นขึ้นมาถูตามพื้นผิวของที่นอน ชุดเครื่องนอน หรือเฟอร์นิเจอร์ มันก็จะสามารถดูดฝุ่นและกำจัดตัวไรฝุ่นด้วยรังสี UV และตัวกรอง HEPA ได้ถึง 99 % เลยทีเดียว
เครื่องดูดไรฝุ่น ตัวไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
- พลังงานในการดูดที่สูงถึง 13 kPa ดูดสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด: เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800 Dust Mites Vacuum Cleaner
- สามารถกำจัดไข่ตัวไรและตัวไรที่โตเต็มวัยด้วยรังสี UV ที่มีความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร: เครื่องดูดไรฝุ่น JIMMY BOB รุ่น WB41
- ตัวกรองฝุ่นอย่าง HEPA 12 สามารถกรองฝุ่นหรือตัวไรฝุ่นที่มีขนาดเล็กโดยไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า: Philips MiteCleaner เครื่องขจัดไรฝุ่น รุ่น FC6230
- ฟังก์ชันแบบ 2 in 1 นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นแล้ว ยังสามารถดูดฝุ่นไปด้วยพร้อม ๆ กัน: SHIMONO เครื่องดูดไรฝุ่นไซโคลนพลัง UV รุ่น B702
- ลูกกลิ้งคอมโพสิต ทำให้ไรฝุ่นภายในเตียงหลุดออกมาจากที่นอน: iSUPER B6 เครื่องดูดไรฝุ่น พลังไซโคลน
ไรฝุ่น คืออะไร ? (1, 4)
ไรฝุ่นเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ตามที่สถานที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์, เตียง, หมอน หรือพรมเช็ดเท้า โดยแมลงตัวนี้จะกินเศษซากผิวหนังที่ตายของมนุษย์เป็นอาหาร ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมไรฝุ่นถึงสามารถพบเห็นได้ในแทบทุกครัวเรือน ทั้งนี้ตัวไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กมากในระดับไมโคร (ประมาณ 0.1 – 0.6 มิลลิเมตร) ดังนั้นสายตาของมนุษย์จึงไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างแน่นอนครับ
ซึ่งจุดนี้อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา เนื่องจากไรฝุ่นนั้นอาจทำให้เราเกิดอาการแพ้ ซึ่งจะเกิดรอบแดงและผื่นตามร่างกายความยาวประมาณ ¼ ถึง ⅓ มิลลิเมตร ในบางรายที่เกิดอาการแพ้รุนแรง อาจมีอาการถึงขั้นหอบหืดจนต้องพบแพทย์ได้เลยทีเดียวครับ
วิธีกำจัดไรฝุ่น บนที่นอน
การกำจัดไรฝุ่นให้หมดได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์อาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร แม้แต่เครื่องที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดไรฝุ่นโดยใช้รังสี UV หรือตัวกรองเชื้อโรคแบบ HEPA เอง แต่ก็ยังไม่สามารถพูดออกมาได้เต็มปากว่าสามารถกำจัดได้ทั้งหมด ซึ่งจะสังเกตได้ว่าแบรนด์เครื่องดูดไรฝุ่นส่วนใหญ่ ที่มักจะเคลมว่าสามารถกำจัดได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์
แต่อย่างไรก็ดีการกำจัดไรฝุ่นให้เหลือจำนวนน้อยที่สุดนั้น ย่อมดีกว่าปล่อยให้ไรฝุ่นเยอะจนไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการกำจัดไรฝุ่นนั้นมีอยู่หลายวิธีดังนี้
- ซักที่นอนเป็นประจำ อย่างน้อย 1 ครั้งต่ออาทิตย์
- ดูดฝุ่นในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้เครื่องดูดไรฝุ่นซึ่งมีฟังก์ชัน UV หรือ มีตัวกรองแบบ HEPA
การทำงานของรังสี UV ในเครื่องดูดไรฝุ่น
เครื่องดูดไรฝุ่นในปัจจุบันจะมีฟังก์ชันอย่างหนึ่งคือรังสี UV ทั้งนี้ความแรงของรังสี UV นั้นสามารถกำจัดไรฝุ่นและไข่ของมันได้ (2) จึงไม่แปลกใจว่าทำไมผู้ผลิตในปัจจุบันถึงนำเอาฟังก์ชันนี้มาใช้กันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ดีเครื่องดูดไรฝุ่นนั้นไม่ได้เพียงแค่กำจัดตัวไรฝุ่นเพียงอย่างเดียว แต่มันสามารถดูดผิวหนังที่ตายของเรา ซึ่งเป็นอาหารของไรฝุ่นออกจากที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย ดังนั้นหากใช้งานอย่างสม่ำเสมอ มันจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้จากตัวไรฝุ่นได้ครับ
การทำงานของตัวกรอง HEPA ในเครื่องดูดไรฝุ่น
HEPA เป็นตัวย่อของ High-efficiency particulate air หรือถ้าแปลเป็นไทยคือการดูดฝุ่นละอองที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมันสามารถดูดฝุ่นในอากาศได้มากถึง 99.5 เปอร์เซ็น ทั้งยังสามารถดูดสิ่งสกปรกขนาดเล็กระดับ 0.3 ไมโครเมตรได้อีกด้วย (3) ดังนั้นตัวกรอง HEPA จึงนิยมนำมาใช้ในเครื่องดูดฝุ่นเกือบทุกชนิด ทั้งยังอีกตัวกรองที่ผลิตภัณฑ์เครื่องดูดไรฝุ่นหลากหลายแบรนด์นำมาใช้อีกด้วยครับ
ข้อคำนึงในการซื้อเครื่องดูดไรฝุ่น
1. แผ่นกรองอากาศ
แผ่นกรองอากาศของเครื่องดูดไรฝุ่นควรที่จะเป็น HEPA ครับ เพราะอย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าตัวกรอง HEPA นั้นสามารถดูดสิ่งสกปรกหรือตัวไรฝุ่นขนาดเล็กได้ ทั้งนี้มันยังสามารถกำจัดฝุ่นได้ถึง 99.5 % นอกจากเตียงของคุณจะถูกกำจัดฝุ่นแล้ว อากาศภายในห้องนอนก็จะสะอาดขึ้นด้วยครับ
2. ควรเลือกแบบด้ามจับขนาดเล็ก
โดยทั่วไปแล้วเครื่องดูดไรฝุ่นจะเป็นด้ามจับที่มีตัวเครื่องไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องการให้เครื่องนี้สามารถหยิบจับได้ค่อนข้างง่าย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ สามารถถือและดูดไรฝุ่นได้ทุกซอกทุกมุม
3. ควรเลือกถังเก็บฝุ่นที่ถอดออกมาล้างได้
การเลือกถังเก็บฝุ่นที่สามารถถอดได้นั้นจะเหมาะกับการใช้งานสำหรับการดูดไรฝุ่นครับ เนื่องจากถังของมันจะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก สามารถนำมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย ทั้งนี้การดูดฝุ่นบริเวณเฟอร์นิเจอร์หรือเตียงนอนก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่เหมือนกับถุงเก็บฝุ่น ทั้งนี้มันยังทำให้เห็นได้ง่ายขึ้นด้วยว่าฝุ่นในถังเต็มแล้วหรือยัง
4. ความยาวของสายไฟ
ความยาวของสายไฟเครื่องดูดไรฝุ่นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 – 6.1 เมตร ซึ่งความยาวระดับนี้ถือว่าเหมาะสำหรับเครื่องดูดไรฝุ่น เนื่องจากการดูดไรฝุ่นบนเฟอร์นิเจอร์หรือเตียงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สายที่ยาวมากครับ ทั้งนี้การใช้สายไฟที่สั้นก็จะทำให้การเก็บอุปกรณ์ของเรานั้นง่ายยยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
5. พลังงานแสง UV
ฟังก์ชันนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับเครื่องดูดและกำจัดไรฝุ่น เนื่องจากมันจะสามารถฆ่าแมลงบนที่นอน รวมถึงเชื้อโรคอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์จะมีแสงยูวีอยู่ที่ความยาวคลื่นประมาณ 253 นาโนเมตร ซึ่งมีความยาวคลื่นที่สามารถกำจัดตัวไรฝุ่นและไข่ของมันได้
นอกจากนี้เครื่องดูดไรฝุ่นควรที่จะมีระบบที่เปิดและปิดรังสี UV จากหลอดไฟอัตโนมัติ โดยการทำงานของมันคือเมื่อนำเครื่องดูดไรฝุ่นไปถูบริเวณที่นอน เครื่องจะทำการปล่อยแสงออกมาได้เองอัตโนมัติ แต่เมื่อยกเครื่องขึ้นมาห่างจากผิวของที่นอน เครื่องก็จะหยุดปล่อยรังสี UV ทันที เพราะอย่าลืมว่ารังสีนี้ไม่ได้มีอันตรายแค่เพียงไรฝุ่นหรือเชื้อโรค แต่มันอันตรายต่อมนุษย์ด้วยครับ
รีวิว เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800 Dust Mites Vacuum Cleaner
ราคา 939 บาท*
Deerma เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างโมเดิร์นและใช้งานง่าย ที่สำคัญที่สุดคือตัวเครื่องมีระบบปฏิบัติการที่สามารถกำจัดและทำลายตัวไรฝุ่นและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟังก์ชันการทำงานที่โดดเด่นของตัวเครื่องนี้คือ พลังงานในการดูดที่สูงถึง 13 kPa ซึ่งการดูดในระดับนี้เพียงพอที่จะดูดสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจดสำหรับที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน โดยนอกจากที่จะมีฟังก์ชัน UV เหมือนแบรนด์สินค้าอื่น ๆ แล้ว ตัวเครื่องรุ่นนี้ยังมีระบบการปล่อยจากตัวเครื่องประมาณ 50 องศา ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อใช้เครื่องตัวนี้แล้วก็จะเป็นการฆ่าเชื้อให้กับสิ่งของต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องนำไปตากแดด นอกจากนั้นแล้วตัวกรองอากาศ HEPA ของเครื่องนี้ยังสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 0.03 มิลลิเมตรได้อีกด้วยครับ
38 x 25 x 19 เซนติเมตร |
1.4 กิโลกรัม |
450 W |
220 V |
13 kPa |
ไม่ระบุความยาวคลื่น |
✔ |
✔ |
3 เมตร |
ถอดออกได้ (ไม่ระบุความจุ) |
รีวิว เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ Xiaomi Mi Dust Mites Vacuum Cleaner Wireless
ราคา 1,179 บาท*
Xiaomi Mi Dust Mites Cleaner Wireless ถือเป็นเครื่องอัจฉริยะ เพราะฟังก์ชันและประสิทธิภาพของเครื่องดีมาก ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยความร้อนออกมาประมาณ 50 องศา ซึ่งจะทำให้ความร้อนเข้าไปได้ลึกถึงภายในที่นอน เป็นผลให้ไรฝุ่นภายในเตียงตายอย่างราบคาบ นอกจากนี้แรงดูดกว่า 12,000Pa ก็กำจัดฝุ่น เส้นผม รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าฝุ่นจะมีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอยก็ตาม
24.8 x 22.2 x 13.3 เซนติเมตร |
ไม่ระบุ |
330W |
21.6V |
12000Pa |
ไม่ระบุ |
ไม่ระบุ |
ไม่ระบุ |
ไม่ระบุ |
ไม่ระบุ |
รีวิว เครื่องดูดไรฝุ่น Deerma รุ่น CM300S
ราคา 1,390 บาท*
Deerma รุ่น CM300S จะมีฟังก์ชันและการใช้งานของเครื่องดูดไรฝุ่นตัวนี้ก็จะใกล้เคียงกับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการปล่อยแสงรังสี UV ในความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, ไรฝุ่น , เห็บ, หมัด หรือเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยในการปล่อยรังสี UV ไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้งาน นอกจากนี้ตัวกรองฝุ่นที่มีประสิทธิภาพในการดูดสิ่งสกปรกได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญคือเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มีราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพที่ได้จากสินค้าครับ
30 x 24 x 14.5 เซนติเมตร |
1.25 กิโลกรัม |
350 W |
220 V |
12000Pa |
ความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร |
✔ |
ไม่ระบุ |
5 เมตร |
ถอดออกได้ (ความจุ 0.5 ลิตร) |
รีวิว เครื่องดูดไรฝุ่น JIMMY BOB รุ่น WB41
ราคา 1,499 บาท*
เมื่อถูเครื่องดูดไรฝุ่นรุ่นนี้ลงไปบนพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์หรือที่นอน ตัวลูกกลิ้งของเครื่องจะให้แรงสั่นสะเทือนที่สูงถึง 12,000 ครั้งต่อนาที ทั้งนี้เมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนสิ่งสกปรกที่ฝังอยู่ข้างในจะเกิดการเคลื่อนตัวออกมา ซึ่งจะทำให้เครื่องดูดไรฝุ่นสามารถดูดออกได้สะอาดหมดจด ยิ่งตัวเครื่องรุ่นนี้มีตัวกรอง HEPA การดูดตัวไรฝุ่นก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ดีตัวเครื่องดูดไรฝุ่นของ JIMMY BOB ไม่ได้มีฟังก์ชันเพียงแค่การดูดตัวไรฝุ่นออก แต่มันยังสามารถกำจัดไข่ตัวไรและตัวไรที่โตเต็มวัยด้วยรังสี UV ที่มีความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร ทั้งยังมีระบบเปิดและปิดอัตโนมัติเพื่อไม่ให้รังสี UV กระทบต่อผิวหนังของเราครับ
15.0 x 12.0 x 10.0 เซนติเมตร |
กิโลกรัม |
400 W |
220 V |
350 W |
ความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร |
✔ |
ไม่ระบุ |
5 เมตร |
ถอดออกได้ (ความจุ 0.2 ลิตร) |
รีวิว iSUPER B6 เครื่องดูดไรฝุ่น พลังไซโคลน
ราคา 1,899 บาท*
iSUPER B6 โดดเด่นในเรื่องของแรงดูดที่สูงมาก เพราะเทคโนโลยีที่ใช้จะเป็นตัวกรองแบบทอร์นาโด ส่วนมอเตอร์ที่เป็นรุ่นใหม่ก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม โดยมันจะปล่อยรังสี UV และคลื่น 253.7nm ซึ่งกำจัดไรฝุ่นได้แบบ 99.99 เปอร์เซ็น นอกจากนี้ตัวแปรงอย่างลูกกลิ้งคอมโพสิต จะช่วยเรื่องของการสร้างแรงกระเทือน ทำให้ฝุ่นและไรฝุ่นที่ซ่อนอยู่ภายในเตียงเด้งขึ้นมาบนพื้นผิว จากนั้นเครื่องจะทำการดูดและจัดการออกไปจนหมด
28 x 35 x 24 เซนติเมตร |
3 กิโลกรัม |
500W |
220V |
มากกว่า 14000Pa |
253.7 นาโนเมตร |
✔ |
ไม่ระบุ |
5 เมตร |
ไม่ระบุ |
รีวิว Philips MiteCleaner เครื่องขจัดไรฝุ่น รุ่น FC6230
ราคา 2,890 บาท*
Philip ถือเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานสูงและเป็นที่รู้จักอยู่ตามท้องตลาด ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเครื่องดูดไรฝุ่นของแบรนด์นี้จะมีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้จุดเด่นของเครื่องดูดไรฝุ่นรุ่นนี้คือตัวเครื่องจะมีให้เลือก 3 โหมด ทั้งนี้ตัวกรองฝุ่นอย่าง HEPA 12 ยังสามารถกรองฝุ่นหรือตัวไรฝุ่นที่มีขนาดเล็กโดยไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้อย่างดีเยี่ยม สามารถกำจัดได้สูงถึง 99.5 % นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีระบบความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นั่นคือการที่ตัวเครื่องจะมีเปิดไฟรังสี UV ก็ต่อเมื่อเครื่องมีการสัมผัสกับผิวของเฟอร์นิเจอร์หรือที่นอน แต่ถ้าหากตัวอยู่ถูกยกออกมา มันจะทำการปิดแสง UV ทันที ทั้งนี้ตัวเครื่องยังมีระบบตบฝุ่น ที่สามารถตบฝุ่นหรือตัวไรที่ฝังแน่นให้หลุดออกมาได้ โดยความเร็วในการตบนั้นเร็วถึง 10,800 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียวครับ
42.5 x 30.0 x 19.0 เซนติเมตร |
3.2 กิโลกรัม |
450 W |
ไม่ระบุ |
450 W |
ไม่ระบุความยาวคลื่น |
✔ |
✔ |
4 เมตร |
ถอดออกได้ (ความจุ 0.5 ลิตร) |
รีวิว HAFELE เครื่องดูดไรฝุ่น Anti-Mite Vacuum Cleaner
ราคา 2,890 บาท*
Hafele จะมีความดังในระหว่างการทำงานเพียงแค่ 78 เดซิเบลเท่านั้น ถ้าหากเปรียบเทียบกับเครื่องอื่น ๆ ก็ต้องบอกว่าเครื่องนี้ค่อนข้างจะเบาเลยทีเดียวครับ ส่วนคุณสมบัติอื่นที่น่าสนใจก็จะมี ระบบการสร้างการสั่นสะเทือนกว่า 5,000 ครั้งต่อนาที รวมไปถึงแรงดูดกว่า 7000Pa และกระบอกเก็บฝุ่นที่ถอดบรรจุได้ถึงครึ่งลิตร ทั้งยังถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
22 x 21.5 x 19.5 เซนติเมตร |
ไม่ระบุ |
350W |
220 - 240V |
7000Pa |
ไม่ระบุ |
ไม่ระบุ |
✔ |
ไม่ะระบุ |
0.5 ลิตร |
รีวิว SHIMONO เครื่องดูดไรฝุ่นไซโคลนพลัง UV รุ่น B702
ราคา 3,990 บาท*
ความพิเศษของเครื่องดูดไรฝุ่น SHIMONO รุ่น B702 คือมันจะมีฟังก์ชันแบบ 2 in 1 นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นแล้ว มันยังสามารถดูดฝุ่นไปด้วยพร้อม ๆ กัน โดยประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นนั้นสูงถึง 99.99 เปอร์เซ็น เนื่องจากแรงสะเทือนที่มากกว่า 36,900 ครั้งต่อนาที รวมไปถึงการปล่อยรังสี UV ทำให้ไรเก็บและกำจัดไรฝุ่นได้แบบราบคาบ ทั้งนี้คุณสามารถนำเครื่องไปทำความสะอาดได้หลายได้หลายที่ ไม่ว่าจะเป็น ที่นอน, รถยนต์ หรือคีย์บอร์ด บอกได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนจริง ๆ ครับ
25 x 40 x 25 เซนติเมตร |
2.58 กิโลกรัม |
ไม่ระบุ |
ไม่ระบุ |
4000Pa |
253.7 นาโนเมตร |
✔ |
ไม่ระบุ |
160 มิลลิเมตร |
ไม่ระบุ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800 Dust Mites Vacuum Cleaner |
| |
เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ Xiaomi Mi Dust Mites Vacuum Cleaner Wireless |
| |
เครื่องดูดไรฝุ่น Deerma รุ่น CM300S |
| |
เครื่องดูดไรฝุ่น JIMMY BOB รุ่น WB41 |
| |
iSUPER B6 เครื่องดูดไรฝุ่น พลังไซโคลน |
| |
Philips MiteCleaner เครื่องขจัดไรฝุ่น รุ่น FC6230 |
| |
HAFELE เครื่องดูดไรฝุ่น Anti-Mite Vacuum Cleaner |
| |
SHIMONO เครื่องดูดไรฝุ่นไซโคลนพลัง UV รุ่น B702 |
|
วิธีดูแลรักษาเครื่องดูดไรฝุ่น
1. ทำความสะอาดถังเก็บฝุ่น
ถ้าหากถังเก็บฝุ่นของคุณเป็นถุงเก็บฝุ่นที่สามารถถอดออกได้ ผมแนะนำให้นำฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไปทิ้งในถุงขยะให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของสิ่งสกปรกในถังเก็บฝุ่น เพราะถ้าหากปล่อยเอาไว้เชื้อโรคและฝุ่นอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องแย่ลงได้ครับ
2. เปลี่ยนตัวกรอง HEPA ทุก 2 ปี
โดยทั่วไปแล้วตัวกรอง HEPA จะสามารถใช้งานได้ค่อนข้างนานครับ แต่เพื่อความแน่ใจผมแนะนำให้คุณเปลี่ยนตัวกรองทุก ๆ 2 ปี หรือถ้าให้ดีควรอ่านคู่มือผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้งาน ว่าตัวกรองนั้นต้องเปลี่ยนเมื่อใช้งานในระยะเวลานานเท่าไหร่ครับ
3. เช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนเครื่องดูดไรฝุ่น
ถึงแม้ว่าเครื่องดูดไรฝุ่นจะออกแบบมาให้ทำความสะอาดที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน แต่อย่าลืมนะครับว่าฝุ่นหรือสิ่งสกปรกก็สามารถเกาะได้ตามตัวเครื่องดูดไรฝุ่นเช่นกัน ดังนั้นคุณควรดูแลและเอาใจใส่ในการนำผ้าสะอาดมาเช็ดให้ทั่วตัวเครื่องครับ
4. เช็กสายปลั๊กไฟ
หมั่นตรวจเช็กสายไฟว่ามีรอยขาดตรงส่วนไหนหรือไม่ เพราะหากใช้งานต่อไปมันอาจเกิดอันตรายต่อตัวของคุณ ทั้งนี้ทุกครั้งที่ใช้งานเครื่องดูดไรฝุ่นเสร็จ ให้คุณทำการดึงปลั๊กออกทันทีครับ
References:
- Allergy to House Dust Mites and Asthma
- Effect of germicidal UV-C light(254 nm) on eggs and adult of house dustmites, Dermatophagoides pteronyssinus and Dermatophagoides farinae (Astigmata: Pyroglyhidae)
- HEPA
- Allergy to house dust mites and asthma