เมืองราชบุรี จังหวัดใกล้ๆเมืองกรุง แต่ทำไมเวลาคนที่เคยไปราชบุรี มักจะคิดถึงการไปเที่ยวสวนผึ้งแต่เพียงอย่างเดียว วันนี้อยากจะมาบอกว่าราชบุรีไม่ได้มีแต่สวนผึ้งเท่านั้น ยังมีที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองที่มากมายและมีความหลากหลาย ทั้งที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่เที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอาราม รวมไปที่เที่ยวชิคๆ สำหรับเด็กน้อยและครอบครัวอีกด้วย
เริ่มกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าต้องกล้าตื่นเช้าสักหน่อยล่ะ ออกจากกรุงเทพฯสัก 6 โมงเช้า ล้อหมุนสู่ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี มุ่งตรงสู่ราชบุรี....
ราวๆ 9 โมงเช้าเดินทางถึง "วัดขนอน" อ.โพธาราม วัดโบราณที่เป็นต้นตำรับหนังใหญ่ มหรสพเก่าแก่ทางวัฒนธรรมไทยเราตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ชมการแสดงหนังใหญ่จากเยาวชนวัดขนอน แสดงผ่านเสียงเพลงจากวงดนตรีไทยโดยนักดนตรีตัวน้อยๆ การเชิดหนังใหญ่นี้หัวใจหลักคือแสงและเงาจากตัวหนังใหญ่ที่กระทบลงสู่ผืนผ้าใบสีขาว โดยผู้เชิดจะอยู่แสดงทั้งด้านหน้าและด้านหลังฉากสลับกันไป
จากนั้นก็ได้ขึ้นไปเยี่ยมชม "พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่"
ภายในเรือนไทยเราได้เห็นความวิจิตรบรรจงในการทำหนังใหญ่ ความละเอียดละออในการแกะสลักหนังทั้งแผ่นมาเป็นลวดลายตัวละครในเรื่องรามเกียรติ หนังใหญ่ที่จัดแสดงที่นี่ล้วนมีอายุกว่า 100 ปีเชียวนะ
ออกจากวัดขนอนแล้วเดินทางต่อไปยัง "วัดพระศรีอารย์" เพื่อชมความงามของพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน
ซึ่งถือเป็น Unseen ของจังหวัดราชบุรี ภายในโบสถ์มีพระประธานคือพระพุทธรูปหยกขาว ศิลปะพม่า ซึ่งทางเจ้าอาวาสหลวงพ่อขันธ์ ท่านเดินทางไปยังพม่าพร้อมกับหลวงพ่ออุตตมะจากวัดวังก์วิเวการาม สังขละบุรี และได้ทำการอัญเชิญนำกลับมาจากเมืองมัณฑะเลย์ เพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีอารย์แห่งนี้
นอกจากนี้ที่ประตูโบสถ์ก็มีความสำคัญ
เพราะประตูโบสถ์บานนี้ทำจากไม้ยมหอมทั้งต้น แกะสลักลวดลายพุทธประวัติ ซึ่งมีความยิ่งใหญ่และสวยงามมากๆเลยล่ะคะ
จากนั้นล้อหมุนออกเดินทางกันต่อ ไปยัง "อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม (Siam Cultural Park)” เราทานกลางวันกันที่ภายในร้านอาหารของอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม จากนั้นก็เดินเที่ยวชมภายในสวนร่มรื่นกว่า 42 ไร่ ที่รวบรวมรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญ พระพุทธรูปสมัยต่างๆ
วิถีชาวบ้าน 4 ภาค และจำลองถ้ำพระเวสสันดร ที่มีตัวละครหลักคือชูชก
การจัดวางหุ่นขี้ผึ้งภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม จะเป็นไปในรูปแบบที่หลากหลาย เช่นใน "อาคารเชิดชูเกียรติ"
ก็จะมีหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ, ใน "กุฏิพระอริยสงฆ์" ก็จะเป็นหมู่เรือนไทย 4 ภาค จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งพระสงฆ์และเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคต่างๆในประเทศ, "ลานพระ 3 สมัย" แสดงประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัยคือยุคสุโขทัย อยุธยา และเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรมและทำของที่ระลึก เรียกได้ว่า ถ้าได้มาเที่ยวที่เดียว แต่ได้คติธรรม ความรู้และความเพลิดเพลินใจไปมากมายเลย
จากนั้นก็เดินทางต่อที่ "วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม" ตั้งอยู่ริมถนนสายดำเนินสะดวก-บางแพ อ.ดำเนินสะดวก วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งในราชบุรี นมัสการพระพุทธรูปทรงเครื่องปางสมาธิ และชมความงดงามของอุโบสถซึ่งได้รับรางวัล "อนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยดีเด่น" เมื่อปี
พ.ศ.2539 อ้อ..ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอีกด้วยนะ สำหรับใครที่สนใจอยากปฏิบัติธรรมก็ลองมาที่วัดนี้ดูค่ะ
เวลาคล้อยไปถึงบ่ายสามโมง ก็ถึงตัวเมืองราชบุรี แวะพักเช็คอินกันก่อนที่ "โรงแรมเวสเทิร์นแกรนด์" ที่พักสะดวกสบาย ในตัว อ.เมือง ราชบุรี
ให้ร่างกายได้พักผ่อน ไม่รีบไม่ร้อน ออกจากที่พักสัก 5-6โมงเย็นยังได้ ขับรถเที่ยวชมรอบๆเมือง ที่น่าสนใจก็เพราะว่า เมืองราชบุรีเป็นเมืองเก่า และยังคงมีตึกเก่าที่เป็นอาคารสูงสองชั้น อยู่เรียงรายในถนนเส้นเล็กๆในเมือง บางจุดยังมองเห็นร่องรอยของกำแพงเมืองโบราณ ยังคงเห็นสีส้มของอิฐโบราณตั้งเรียงกันที่กำแพงเมืองเก่าอยู่เลย
มื้อค่ำในตัวเมืองราชบุรี ขอแนะนำที่นี่เลย "ร้านอาหารไหมไทย" ร้านอาหารนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความอร่อยถูกปาก แต่บรรยากาศร้านตกแต่งไว้อย่างสวยงามไม่แพ้กันเลย ด้วยโทนสีชมพูหวานฉ่ำ ประดับประดาด้วยของเก่าและไฟระยิบระยับ การันตีความมีชื่อของร้านไหมไทยได้ที่ภาพลูกค้าและศิลปินดารามากมายที่แวะเวียนกันมาที่ร้าน แปะอยู่ที่ผนังร้านอยู่เต็มไปหมด
ส่วนเมนูที่ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ ก็คือ พะโล้ไข่เค็ม, พะแนงปีกไก่สอดไส้กุ้ง, แกงเขียวหวานโรตีไก่, คอหมูพริกเกลือ อร่อยจริงอะไรจริงจ้า
เนื่องด้วยว่าวันที่ไปเที่ยวราชบุรีนั้นตรงกับวันวิสาขบูชาพอดิบพอดี ยามค่ำคืนแบบนี้พลาดไม่ได้เลยที่จะต้องไปเวียนเทียนสักหน่อยที่ "วัดมหาธาตุ" วัดสำคัญประจำเมืองราชบุรี
วัดมหาธาตุแห่งนี้ยังคงพบร่องรอยของกำแพงวัดเก่าที่เป็นศิลาแลงและอิฐอยู่เลย
ชื่นชมความงดงามของตัววัดและได้เห็นคลื่นมหาชนเวียนเทียนกับรอบองค์พระปรางค์วัดมหาธาตุ ศิลปะ 3
สมัยซึ่งภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ แล้วรู้สึกอิ่มบุญอิ่มใจเหลือเกิน เวียนเทียนเสร็จอย่าลืมเข้าไปสักการะพระประธาน "พระมงคลบุรี" ภายในพระวิหารหลวงด้วยนะคะ
อิ่มบุญ อิ่มใจ พักผ่อนนอนหลับสบายที่โรงแรม วันต่อมาเราก็เช็คเอ้าท์ออกแต่เช้า
แล้วเดินทางไปยัง "วัดหนองหอย" วัดใหญ่ชื่อดังอีกวัดหนึ่งในราชบุรี วัดหนองหอยเป็นวัดใหญ่ (ใหญ่มากกก) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา มีชื่อเสียงมานานโดยเฉพาะในหมู่คนไทยเชื้อสายจีนและคนจีนแท้ๆ นมัสการเจ้าแม่กวนอิมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด (มีหลายจุดอีกด้วยล่ะ ต้องเดินทั่วๆถึงจะครบค่ะ) ขึ้นมาบนเขาแบบนี้ เราสามารถมองวิวทิวทัศน์รอบๆจากมุมสูงได้อีกด้วย
ลงจากเขาลูกหนึ่ง ขึ้นเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ติดๆกัน ตรงเขาลูกนี้มีพระใหญ่ซึ่งยังคงอยู่ในเขตของวัดหนองหอยเช่นกัน
ขึ้นไปนมัสการพระใหญ่ที่ด้านบน อ้อ...และถ้าอยากได้มุมที่ดีที่สุดอย่าลืมลงมาจอดรถถ่ายภาพพระใหญ่ที่ริมถนนด้านหน้าเขาด้วยนะ
ราวๆ สิบโมงกว่าเราก็เดินทางมาถึง "วัดโขลงสุวรรณคีรี"
สักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่กลางบริเวณวัด ใครที่สังเกตดีๆจะเห็นว่า ที่คางของพระพุทธรูปองค์ใหญ่มีรังผึ้งขนาดใหญ่ทำรังอยู่ด้วย
วัดนี้อยู่ภายในบริเวณเมืองโบราณบ้านคูบัว เดิมทีที่ตริงนี้เคยเป็นเมืองเก่าสมัยทวาราวดี
และเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไท-ยวน ที่อพยพมาจากเชียงแสน มาตั้งรกร้างอยู่ที่ราชบุรี ภายในวัดโขลงจึงมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวไท-ยวนโบราณมาไว้ในที่เดียวกัน มีชื่อว่า "จิปาถะภัณฑสถานบ้านคูบัว" ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดเสาหลักเอก "อ.อุดม สมพร" นักอนุรักษ์มรดกไทย ท่านเป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการสร้างขึ้นมา...
วันที่ไปเยี่ยมชมนั้นได้รับเกียรติจาก อ.อุดม เป็นผู้พาเราเดินชม "จิปาถะภัณฑสถานบ้านคูบัว" ด้วยตัวของท่านเองเลย
เดินชมภายในพิพิธภัณฑ์กันเรียบร้อยแล้ว อ.อุดม ก็ยังพาเราไปเยี่ยมชม "สวนโคตรเหง้ารำลึก" สวนที่รวบรวมต้นไม้ พืชพันธุ์มากมาย รวมไว้ในที่ที่เดียว ท่านก่อตั้งด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่านเอง เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลและบุพการีของท่านเองด้วย ใครไปใครมา
หรือชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนี้ ก็สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ นั่งใต้ร่มต้นไม้หาความร่มรื่น แถมยังได้ข้อคิดและความรู้เกี่ยวกับต้มไม้ต่างๆอีกด้วย
พักผ่อนหย่อนใจกันแล้วก็คงจะเริ่มท้องหิวกันบ้างล่ะ เราไปทานข้าวกลางวันกันที่เป้าหมายต่อไป เป้าหมายสุดท้ายของทริปนี้กันเลยดีกว่า ที่ดินแดนตุ๊กตา ที่มีชื่อว่า "สุนทรีแลนด์" จ้า
ร้านกาแฟและอาหารเล็กๆ น่ารักชื่อฟังเเล้วดูสบายดีจัง "กาแฟอารมณ์ดี" ร้านนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าสุนทรีย์แลนด์ เมนูเป็นอาหารจานเดียวทานง่ายๆ และของทานเล่น อิ่มท้องกันแบบไม่เสียเวลานาน
เราก็เข้าไปชมด้านในสุนทรีย์แลนด์ต่อเลยดีกว่า
“สนุทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา" ที่ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่ใน อ.โพธาราม จากที่เคยเป็นโรงงานผลิตตุ๊กตาของครอบครัว คุณสุนทรี เอี่ยมหนู เจ้าของกิจการจึงได้มีความคิดและไอเดียแปลกใหม่ขึ้นมา
สร้างดินแดนที่เหมือนอยู่ในโลกของความฝันในวัยเยาว์ให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ด้วยตุ๊กตาน่ารักๆ นับร้อยกว่าตัว ใส่ความคิดสร้างสรรค์และจิตนาการเข้าไป สร้างความสุขให้ผู้ที่เข้ามาเที่ยวชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ และวัยรุ่นดูเหมือนจะชื่นชอบกันมากเลยล่ะคะ
ใครที่ได้เข้ามาเดินในแดนตุ๊กตาแบบนี้ก็คงจะอดใจไม่ถ่ายรูปด้วยไม่ได้
ซึ่งในสุนทรีแลนด์มีจุดถ่ายภาพกับตุ๊กตามากมาย โดยจะแบ่งเป็นห้องๆ และแต่ละห้องแต่ละโซนก็จะมีตีมที่แตกต่างกันไป เช่น งานวัด โรงเรียน สวนสัตว์ คาวบอย แถมยังมีโซนต่างประเทศพวกญี่ปุ่น เกาหลีด้วยนะ อ้อ.. คุณสุนทรีบอกมาอีกค่ะว่า ตุ๊กตาที่นำมาจัดแสดงในนี้ก็จะมีความอีพเดทให้ทันสมัยทันเหตุการณ์ด้วย เช่นช่วงที่ผ่านมา มีหนังเรื่องพี่มากพระขโนงที่ดังมากๆ ก็มีตุ๊กตาพี่มาก-แม่นาก ด้วยล่ะจ้า
สุขสันต์วัยสดใสกันไป ปิดท้ายทริปราชบุรี 2 วัน 1 คืน ที่ดูไม่น่าเชื่อเลยว่า
จะมีที่ท่องเที่ยวได้มากมายหลากหลายขนาดนี้... ทริปนี้ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคกลาง ที่พาเราไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวชมเมืองราชบุรีนะคะ
ไว้ติดตามการเดินทางของเราอีกเรื่อยๆนะคะ รับรองว่าสนุกและชิลแน่นอนเลย
ชิลไปไหน...ไปด้วย...
เรื่องและภาพ This road is mine