อนิลดามาหาปรมินทร์แต่เช้า ลูกน้อยในท้องดิ้นบ่อยเสียจนเธอแปลกใจลูกน้อยดิ้นเพราะตัวโตขึ้นหรือเพราะดีใจที่จะได้เจอพ่อกันแน่ เช้านี้ปรมินทร์ลืมตาตื่นขึ้นเขามีสติมากกว่าทุกวัน สายออกซิเจนก็ถูกถอดออกแล้ว
"คุณเป็นยังไงบ้างคะยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"
"เจ็บสิ แล้วคุณละเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันกับลูกไว้"
"ลูกคุณคนเดียวที่ไหน ลูกของผมด้วย" ปรมินทร์เอื้อมมือมาวางบนท้องนูนอีกครั้งสัมผัสอ่อนโยนของเขาทำให้ลูกน้อยดิ้นเสียยกใหญ่ ปรมินทร์ตาโตด้วยความดีใจที่ลูกดิ้นตอบรับเขา
"ว่ายังไงคนสวย พ่อกลับมาแล้วนะพ่อรอหนูอยู่นะคะ"
"คุณรู้ได้ยังไงว่าลูกเป็นเด็กผู้หญิง"อนิลดาถามอย่างสงสัย ปรมินทร์ไม่ตอบเธอเขาลูบท้องเธอเบาๆ
"เรารู้กันแค่สองคนเนาะ" ปรมินทร์บอกกับลูกในท้องอนิลดาขมวดคิ้วตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาก็ทำอะไรแปลกๆราวกับลืมเรื่องราวเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้และเขาก็รักลูกเสียเต็มประดา นี่คือความรู้สึกของเขาจริงใช่มั้ยเขาไม่ได้เล่นละครหลอกเธออยู่หรอกนะ...ญาดานั่งมองหนังสือมอบอำนาจด้วยใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
"ในที่สุดทุกอย่างก็จะเป็นของฉันเสียที ต่อจากนี้ใครก็ขวางฉันไม่ได้ ต่อไปจะทำอะไรอีกดีน่า!!อ่อเหลืออีกอย่างฉันจะเอาบ้านนังศจีมาเป็นของฉัน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!!ออกไปทำเล็บดีกว่า"ญาดาพึงพอใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จากนี้ปรมินทร์ไม่ได้มีความหมายกับเธออีกแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องเขี่ยของเล่นชิ้นเก่าไร้ประโยชน์ทิ้งเสียที...
"หมอนัดคุณอีกเมื่อไหร่"
"อาทิตย์หน้าค่ะ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ถามดูเฉยๆ"
"ค่ะ ฉันว่าคุณนอนพักก่อนนะคะขยับตัวมากๆเดี๋ยวจะเจ็บแผลนะคะ"
"คุณมีสิทธ์อะไรมาสั่งผม" ปรมินทร์ถามอนิลดาเสียงเรียบดวงตาของเขาจ้องมาที่เธอเขม็ง อนิลดารู้สึกเสียวแปลบเข้ามาที่หัวใจหรือเขาเดิมจะกลับมาแล้ว
"ลุกขึ้น แล้วมาใกล้ๆผม"
"...."
"ได้ยินที่บอกมั้ย อนิลดา!" หญิงสาวกลืนนำ้ลายลงเธอค่อยๆขยับร่างกายมาหาเขา มือของเธอเย็นเฉียบด้วยความหวาดหวั่น อนิลดามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เธอเริ่มหายใจหายคอไม่สะดวกเขาจะทำอะไรอีกเธอเดาไม่ออกจริงๆ
"คุณพ่อจะนอนแล้วจะได้หายไวๆ หนูก็ต้องพักผ่อนมากๆเดี๋ยวพรุ่งนี้หนูมาหาคุณพ่อใหม่นะคะคนดี"ปรมินทร์ลูบท้องของเธออย่างรักสุดหัวใจ เขาเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือจนเธอแปลกใจ
"คุณกลับบ้านไปได้แล้วแล้วพรุ่งนี้พาลูกมาหาผมด้วย ผมจะรอ" ปรมินทร์พูดกับเธอเสียงเรียบไม่เหมือนกับที่พูดกับลูกในท้อง เขาหลับตาลงทันทีโดยไม่ได้สนใจเธออีกเลย
"คุณอนิลไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แป้งจะดูแลคุณปรมินทร์ให้"
"ขอบใจนะแป้งรีบกลับขึ้นไปดูเขาเถอะ"อนิลดากล่าวด้วยนำ้เสียงเศร้าสร้อยก่อนจะขึ้นรถที่มารอรับออกไป จิตใจของอนิลดาไม่สงบอีกแล้วเธอก้มมองท้องด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจหากไม่ใช่เพราะลูกในท้องเขาคงไม่ช่วยเธอเอาไว้ เขาไม่ได้รักเธอแม้แต่น้อยที่เขาต้องการมีเพียงแค่ลูกที่อาศัยท้องอยู่เท่านั้น ถ้าเธอตัวเปล่าไม่มีลูกอยู่ในกายเขาคงปล่อยให้เธอโดนยิงตายไปแล้ว ความหวังที่จะกลับมาเป็นครอบครัวดังเดิมคงไม่มีทางเป็นจริงเพราะเธอคือคนที่เขาไม่ต้องการ...
"แม่ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจมาแล้วนะอนิล ครั้งก่อนที่หนูโดนยิงที่เกาะดาหลาก็จับคนร้ายไม่ได้คราวนี้ทำกลางวันแสกๆไม่ได้เกรงกลัวกฏหมายบ้านเมืองยังไงตำรวจก็ต้องจับได้ แม่มั่นใจ"
"ค่ะ แม่คะอนิลขอตัวไปพักก่อนนะคะ"
"จ้ะ^^" ศจีพรรณมองตามลูกสาวที่เดินจากไปอนิลดาดูเศร้าหมองหมดเรี่ยวแรง ค่อยๆก้าวเท้าอย่างช้าๆราวกับไร้หัวจิตหัวใจ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ....อนิลดาแบกสารร่างมาหาเขาตามที่เขาต้องการ ดูเขาจะพออกพอใจเหลือเกินเขาแทบไม่ยอมให้เธอห่างกาย อนิลดานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงของเขาตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนที่กีรติหอบเอกสารมาให้เขาดู
"กีรติ เดี๋ยวนายบินไปสิงคโปร์แทนฉันนะดูความเรียบร้อยทั้งหมดเราต้องเปิดสาขาให้เร็วที่สุดมันเลยกำหนดเดิมมามากละ"
"ครับ"
"อ่อ แล้วนายเจอแม่ฉันบ้างมั้ยตั้งแต่ฉันฟื้นมายังไม่เจอเลย"
"ไม่..ไม่เจอครับ" กีรติจำต้องปฏิเสธเพราะเขาไม่อาจจะบอกเจ้านายได้ว่าแม่ของเจ้านายกำลังยินดีปรีดาที่ลูกชายเกือบตายเขาควรปล่อยให้อะไรผ่านไปก่อน
"ฝากงานที่เหลือด้วยนะ ปลายปีนี้ฉันจะเพิ่มโบนัสให้"
"ครับ คุณปรมินทร์ก็พักผ่อนมากๆนะครับ ผมขอตัวกลับเลยนะครับ" ปรมินทร์พยักหน้ารับรู้ เขาไม่ได้สนใจจะถามเรื่องญาดาต่อนับว่าเป็นเรื่องที่ดีคงไม่มีใครอยากจะคุยกับเขาเรื่องนั้น อนิลดานั่งนิ่งเธอไม่ได้พูดอะไรกับเขาตั้งแต่มา เพราะเธอรู้ว่าคนที่เขาอยากพบคือลูกในท้องไม่ใช่เธอ
"ตอนนี้ลูกดิ้นหรือเปล่า" ปรมินทร์หันมาถามเธอ อนิลดาส่ายหน้าแทนคำตอบใบหน้าหวานเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัด
"เมื่อคืนคุณดื่มนมก่อนนอนหรือเปล่า"
"ค่ะ"
"คุณต้องกินของที่มีประโยชน์ให้เยอะๆ ลูกจะได้แข็งแรง"
"ค่ะ"
"ผมออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ผมจะกลับไปจัดห้องให้ลูก"
"ค่ะ" อนิลดาตอบเขาเพียงคำเดียวซำ้ๆจนปรมินทร์เริ่มหงุดหงิด
"พูดเป็นคำเดียวหรือไง!!"ปรมินทร์ตวาดเสียงดัง อนิลดาตกใจจนจานผลไม้ในมือร่วงหล่นลงพื้นเศษกระเบื้องแตกกระจายเต็มห้อง อนิลดาลุกพรวดตามสัญชาตญาณ
"คุณอนิลออกมานั่งตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวแป้งเก็บเองเดินระวังๆนะคะ" แป้งรีบตรงเข้าไปประคองเจ้านายสาว ปรมินทร์จ้องมองอนิลดาเขาไม่พอใจเธออย่างมาก
"มือไม้อ่อนนักหรือไง ทำอะไรไม่ระวังเลย"
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" อนิลดาอธิบายเสียงแผ่วเธอทำอะไรก็ผิดไปหมดในสายตาเขา ก็เขาไม่ได้รักเธอ..ต่อให้จะทำอะไรที่ถูกที่ดีแค่ไหนก็คงผิดอยู่ดี...
เดือนต่อมาหลังจากการตรวจตามนัดเป็นไปโดยปกติ ญาดาให้สุทัศพาไปโรงพยาบาลได้อย่างสบายเนื่องจากที่บ้านปัญจภควภูมิไม่มีใครอยู่อีกแล้ว หมายถึง... ไม่มีใครอยู่จริงๆ นอกจากเธอกับป้านวลเพียงสองคน คุณท่านทั้งหลายของบ้านนั้นบินกลับกรุงเทพฯ กันหมดตั้งแต่เดือนก่อน และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพเนื่องจากต้องเตรียมงาน เลือกชุด แจกการ์ดเชิญ ซึ่งญาดาที่ฟังข่าวจากป้านวลก็เห็นว่าน่าจะวุ่นวายพอสมควร เธออยู่บ้านนี้ไม่เงียบเหงามาก วันๆ ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือที่ซื้อมาจากร้านในตัวเมือง โดยต้องแอบอ่านในห้องพักแทบตลอดเวลา
เป็นหนังสือเกี่ยวกับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่การดูแลในระยะตั้งครรภ์ การเตรียมอาหาร การรับมือกับอารมณ์ต่างๆ การดูแลระหว่างการคลอดและหลังคลอด เพื่อให้เด็กมีสุขอนามัยแข็งแรง
เธอเติบโตมาอย่างลำบาก แต่สำหรับลูก ญาดาอยากให้พวกเขาได้มีสิ่งที่ดีที่สุดเทียบเท่าเด็กคนอื่นๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อและแม่ครบก็ตาม
เธอตัดสินใจจะไปจากที่นี่หลายครั้ง กระเป๋าเก็บเสร็จหมดแล้ว
แต่คนที่อยากพบเจอหน้าเพื่อบอกลานั้นไม่มาเสียที
เขาบินกลับไร่เพียงไม่ถึงครึ่งวัน ไม่พักในบ้าน มาลงสนามบินและเข้าไปในไร่ทรงตะวันเพื่อคุมงาน ตอนเย็นก็บินกลับกรุงเทพฯ
นนท์กำลังหลบหน้าญาดาอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
เธอเจ็บปวดกับความจริงข้อนี้
ข้อที่ว่าเขากำลังทำตามสิ่งที่ดี ที่ควรจะเป็น คือการซื่อสัตย์และมีภรรยาเพียงแค่คนเดียว นนท์กำลังเป็นผู้ชายคนที่เธอร้องขอให้เขาดูแลรตีให้ดี เป็นพ่อที่ดีของลูก เธอพร้อมจะไปจากเขาทุกเมื่อ ไม่ได้อยากอยู่ให้เป็นเสี้ยนหนามตำใจหรือเป็นตัวขัดขวางครอบครัวของใคร
แต่สิ่งเดียวที่ญาดาอยากทำคือการได้พูดดีๆ ทำดีๆ กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ให้ลูกของเธอได้สัมผัสเขาก่อนที่เธอจะไม่ได้เจอผู้ชายคนที่เธอรักที่สุดอีก
ในช่วงเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมาญาดาหาของขวัญวันแต่งงานให้นนท์ไม่ได้เลย เธอจึงตัดสินใจทำแปลงดอกไม้ทานตะวัน และแปลงกุหลาบ หญิงสาวใช้เวลาช่วงเช้ามืดที่ไม่ต้องตื่นมาทำอาหารให้คนในบ้านนั้นในการจับจอบและเสียมมาขุดแปลงปลูกทานตะวัน ใช้พื้นที่เปล่าประมาณหนึ่งไร่เศษทางเข้าตัวบ้านทรงตะวันทั้งหมดนั้นในการพรวนดินและลงน้ำ เริ่มเพาะปลูกทานตะวันให้บานแฉ่ง
ส่วนอีกฟากฝั่งหนึ่ง ที่ดินตรงข้ามกับแปลงสวนกุหลาบเดิม ญาดาให้คนงานในไร่มาช่วยเตรียมโครงซุ้มไม้เป็นอุโมงค์ยาว ก่อนจะลงมือปลูกกุหลาบเลื้อยหวังตั้งใจจะให้คลุมรอบซุ้มให้ทันวันแต่งงานของนนท์ซึ่งจะจัดทั้งที่กรุงเทพและที่ไร่ ฉลองเป็นของขวัญแต่งงานให้เขา
ด้านล่างภายในซุ้มอุโมงค์กุหลาบเลื้อย จะมีกุหลาบหลากหลายพันธุ์ นนท์ชอบกุหลาบพันธุ์ชาร์มมิ่งเปียโน ที่ดอกตูมคล้ายดอกบัว แต่ญาดาชอบพันธุ์นาฮีมาที่กลีบนุ่มนวลละมุนคล้ายใยผ้า นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายพันธุ์ เช่น สแตเวย์ รอยัลซัคเซส เธอจึงปลูกผสมกันไปตลอดทั้งทางเดิน นอกจากนั้น ญาดายังลงพื้นที่ต่อสายยางรดน้ำเอง ดูแลปลูกหญ้าให้เต็มสวนเอง จัดสวนเอง วันทั้งวันเธอตากแดดวุ่นวายอยู่แต่กับแปลงดอกไม้เหล่านี้ บางครั้งมีคนงานในไร่มาช่วยเนื่องจากส้มโอช่วยเกณฑ์เข้ามา แต่พวกเขาก็ช่วยอย่างเต็มใจเนื่องจากญาดาเป็นคนดี นิ่มนวล พูดจาไพเราะและทำอาหารอร่อย
ไร่ทานตะวันนั้นเธอรดไม่ไหว ลุงสมัยจึงให้คนงานในไร่มาติดสปริงเกอร์ให้
เหตุการณ์ในไร่ดำเนินต่อไปโดยที่เจ้าของไร่นั้นยังไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไร เขาไม่กลับบ้านเลย รับฟังเฉพาะปัญหาสำคัญในไร่เท่านั้น
อีกหนึ่งสัปดาห์เต็มจะถึงงานแต่งนนท์กับรตี
ญาดาลูบหน้าท้องตนเอง เพิ่งพบหมอเสร็จ พวกเขาแข็งแรงดี ตอนนี้หน้าท้องของเธอยังไม่นูนออกมาให้เห็นชัดมาก อาจเข้าใจไปว่าเธออ้วนขึ้น แต่ต่อไปเธออาจปิดความลับนี้ไม่อยู่อีกแล้ว เธอตั้งใจจะอยู่จนงานแต่งงานของนนท์เสร็จสิ้นจึงจะไปจากที่นี่ อย่างน้อยนนท์ก็คงไม่เหนี่ยวรั้งเธอไว้เพราะเขาแต่งงานแล้ว
แต่เธอจะทนเห็นงานมงคลสมรสของผู้ชายที่เธอรักได้หรือไม่ เห็นเขาเข้าพิธีวิวาห์กับผู้หญิงคนอื่น งานวิวาห์ที่เธอเคยปรารถนาในตอนเด็กซึ่งตอนนี้มาไกลเกินจุดนั้นแล้ว อย่าพูดถึงเรื่องงานแต่งงานเลย แค่ให้เขายอมรับว่าเธอเป็นใครยังค่อนข้างลำบาก
ดวงตาสีน้ำตาลจ้องลึกมองตัวเองในกระจก เห็นคนใช้หน้าตาโทรมๆ จนๆ ดูขี้ริ้วขี้เหร่นางหนึ่งอยู่ในนั้น ชุดของเธอเป็นชุดสีขาวครีมที่มีคราบการซักรีดจนเป็นสีเหลืองกรอบ กับกระโปรงซิ่นพื้นบ้านสีแดงอมม่วง ผิวนั้นใสเนียนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งคนใช้ สายตาเลื่อนมองที่บริเวณส่วนนูนเด่นของตนเอง มันเจ็บและคัดตึงเต้านมมาก เธอเคยบีบดูพบว่ามีน้ำใสสีเหลืองไหลออกมาบางครั้ง ตอนนี้เต้านมเธอขยายใหญ่มาก ละสายตาผ่านลงมาจนถึงส่วนที่เคยเป็นเอวคอดกิ่วปัจจุบันส่วนเว้าเริ่มลดลง กลายเป็นหน้าท้องนูนน้อยๆ ลงพุงแทน
หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถนอนลงบนเตียง
ป่านนี้เขาจะกำลังทำอะไรอยู่...
อาจจะลองชุด แจกการ์ด พาว่าที่ภรรยาไปเที่ยว เล่นกับลูก พูดคุยกับลูกอย่างมีความสุข
ญาดาตีกับตัวเองหลายครั้ง ใจหนึ่งลังเลเรื่องที่ว่าควรบอกเขา อย่างน้อยลูกก็เป็นสมบัติของคนสองคน แต่ด้านธรรมะก็ย้ำเตือนว่าเขาเองก็มีครอบครัวแล้ว มีเมียและลูกที่ถูกกฎหมาย สังคมยอมรับ ออกหน้าออกตาได้ไม่อายใคร
บทสรุปคือ ความสุขของเขาคือสิ่งที่เธอปรารถนา
ญาดายินดีทำทุกอย่างให้คนที่เธอรักมีความสุข
พรุ่งนี้นนท์และครอบครัวทั้งหมดจะกลับมาบ้านไร่เพื่อดูสถานที่ก่อนวันงานแต่งจริง เขาโทรมาบอกป้านวล ว่าจะจัดงานแต่งที่กรุงเทพในตอนเช้า ไหว้ญาติผู้ใหญ่ทั้งหมดก่อน ส่วนตอนเย็นจะมาเฉลิมฉลองกันในไร่ทรงตะวัน
ผิดคาดกับที่ญาดาคิด นนท์ไม่ได้หวงและเห่อลูกเท่าที่ควรจะเป็น เขาดูเหนื่อยอ่อนเพลียและไม่ได้สนใจงานแต่งงานของตนเอง
เธอพบเขาในรอบหนึ่งเดือนที่จากกัน หญิงสาวดีใจจนดวงตาสีน้ำตาลนั้นสุกสกาว ครั้งนี้เขามาพร้อมครอบครัวใหญ่ ทั้งคุณท่านนันท์ก็มาด้วย คุณท่านตื่นเต้นกับหลานคนใหม่ของตระกูลปัญจภควภูมิมาก เห่อกว่าลูกชายเสียอีก
ส่วนอีกคนที่หงอยแย่พอกันก็คือนิล เธอสังเกตเห็นนิลดูซึม แต่ยังควงผู้หญิงผลัดเปลี่ยนไปสัปดาห์ละคนเหมือนเดิม นิลกำลังต้องการอะไรบางอย่าง
ทุกคนดูเหมือนเดิมจากตอนที่จากไป
เธอยิ้มระหว่างแบกกระเป๋าหนักอึ้งของคนในบ้านขึ้นบันไดไปด้านบน แต่กระเป๋าเดินทางของคุณๆ ทั้งหลายนั้นหนักมากราวกับอิมพอร์ตจากต่างประเทศ หญิงสาวก้าวเดินบันไดลำบาก ปวดหลังพยายามยกสิ่งของราคาแพงระยับเหล่านั้นด้วยความระมัดระวัง แต่มันยกไปได้เพียงคืบ ขั้นบันไดของบ้านกว้างยาวใหญ่เกินไป มือหนึ่งต้องจับราวบันได ส่วนอีกมือค่อยๆ ลากกระเป๋าเบามือ เนื่องจากกลัวถูกดุเพราะของเหล่านั้นมีราคาแพง
“ยี เดี๋ยวพี่ช่วยจ้ะ” เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง รตีช่วยดันกระเป๋าเดินทางใบเขื่องขึ้นให้พ้นขั้นบันได “อะไรกัน คนในบ้านหายไปไหนหมดทำไมให้ยีมาทำคนเดียว กระเป๋าแต่ละคนก็หนักๆ ทั้งนั้น”
หญิงสาวสวยในชุดมินิเดรสสีชมพูโอรสเอ่ยคล้ายการบ่น รตียังเป็นนางฟ้าของญาดาเสมอ เพราะรตีนั้นสวยทั้งจิตใจและรูปร่างหน้าตา สายตาสีน้ำตาลจ้องกลับไปที่หน้าท้องของหญิงสาวอีกคน พบว่าหน้าท้องนั้นเริ่มนูนและเจ้าหล่อนก็อวบมีเนื้อหนังขึ้นเล็กน้อย
“ยี มาเดี๋ยวพี่ช่วย อีกไม่กี่ขั้นก็ขึ้นได้ละ” ญาดามองบันไดอีกล็อคหนึ่งเบื้องหน้า
“พี่รตีไม่ต้องค่ะ ยีแบกได้ แค่นี้เอง”
มือเล็กรีบกุมมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวผู้ไม่เคยทำงานหนักก่อนที่รตีจะห้าวมาช่วยคนใช้อย่างเธอถือของ แต่รตีเป็นห่วงญาดา ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบกกระเป๋าเดินทางที่มีน้ำหนักกว่าสิบห้ากิโลและสูงครึ่งตัวของญาดา
“นั่นจะทำอะไรน่ะ!”
เสียงมัจจุราชของญาดาดังขึ้น ก่อนที่เธอจะรู้ตัว หญิงสาวก็ถูกผลัก เซถอยหลังลงบันไดมาหนึ่งขั้น โชคดีที่ยังจับราวบันไดไว้
“กล้าดียังไงมาใช้รตีแบกของ!!” เขาตะคอกเธอด้วยเสียงดุจัด ใบหน้านั้นแดงเถือกไปด้วยความโกรธ มีกลิ่นเหล้าออกจากตัวของนนท์ “ไม่รู้หรือยังไงว่าเธอกำลังท้องกำลังไส้” มือแข็งแกร่งปานคีมนั้นบีบเข้าที่ต้นแขนของญาดาจนรู้สึกเจ็บน้ำตาไหล ก่อนใบหน้าหล่อหนวดครึ้มจะเคลื่อนเข้ามาใกล้กระซิบ
“หรืออิจฉาว่าที่ภรรยาของฉัน”
“นนท์ คือรตีอยากช่วยเองค่ะอย่าว่าน้องยีเลย”
“รตี งั้นเราจะมีคนใช้ไว้ทำไม ผมสั่งแล้วใช่ไหมว่าห้ามรตีทำงานหนักหรือห้ามแบกของ ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาจะว่ายังไง” เขาหันไป เสียงนั้นอ่อนโยนเหมือนสายลมพลิ้วแผ่ว แต่กรีดเข้าที่กลางใจของญาดาอย่างจัง
...เจ็บกว่าที่คิดไว้...
น้ำตาเธอตกใจ พยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้ภายใน
“เป็นแค่คนใช้ อย่าสะเออะมาใช้คุณผู้หญิงของบ้านอีก แล้วถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอไม่ได้ตายดีแน่ ญาดา เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะคุณนนท์”
นนท์ตัดปัญหาทั้งหมดด้วยการแบกกระเป๋าเดินทางของคุณหญิงโสภณขึ้นไปบนห้องด้วยตัวเอง เขาแบกมันอย่างง่ายดายด้วยมือเดียว อีกมือหนึ่งประคองรตีที่เดินไปคู่กัน แผ่นหลังของเขาอยู่ในสายตาที่พร่างไปด้วยม่านน้ำตาของญาดา
นี่ใช่ไหมผู้ชายที่เธอรักนักหนา
ผู้ชายที่เธอและลูกทำได้เพียงมองเขาผ่านแผ่นหลังกว้าง
อาจจะถึงเวลาที่เธอต้องไปเสียที
มือเล็กเอื้อมกระชับผ้าคลุมไหล่ให้แน่น หมอกยามค่ำคืนกำลังลงจัดจนหนาว ออกมาเดินดูสวนกุหลาบที่ตั้งใจทำไว้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเขา ความเจ็บปวดแล่นพล่านเข้ากลางใจจนต้องปาดน้ำตาไปเป็นระยะ
แล้วหูก็ได้ยินเสียงคนเดินมาทางเดียวกัน ใบหน้าสวยโผล่พรวดเข้ามาในซุ้มทางเดินที่ทอดยาว
“พี่รตี!”
“พี่เห็นยีลงจากบ้านดึกๆ ดื่นๆ เป็นห่วงเลยตามมา”
“ยีไม่เป็นไรค่ะ แค่มาดูพุ่มกุหลาบเฉยๆ”
“หืมมม สวยมากเลยค่ะ เอ๋ ตอนก่อนหน้านี้ยังไม่มีเลยนี่นา แล้วนี่ทำไมถึงได้มีซุ้มกุหลาบมาเนรมิตอยู่ตรงนี้ได้ล่ะคะเนี่ย” สายตาหวานนั้นเปลี่ยนไปจับตรงกุหลาบเลื้อยบนโครงไม้สูงเป็นซุ้มทางเดิน ก่อนจะผลัดไปจับด้านล่างที่เป็นกุหลาบพุ่มหลากสีสัน แม้จะมองเห็นไม่ชัดเนื่องจากดวงจันทรานั้นไม่เอื้ออำนวยแสง แต่กลิ่นและไออากาศหนาวเย็นนั้นทำให้รตีผ่อนคลาย
“ยีทำสวนนี้ กับสวนทานตะวันตรงข้าม ตั้งใจจะให้ทันงานวันแต่งงานพี่รตีค่ะ ยินดีด้วยนะคะ”
“น่ารักจังเลย ขอบคุณค่ะน้องยี คุณนนท์ต้องชอบมากแน่ๆ”
ญาดายิ้มให้คนตรงหน้า รตีกำลังตื่นเต้นใหญ่กับพุ่มกุหลาบสวยงามที่กำลังสะท้อนแสงจันทร์ยวง
“พี่รตีคะ หมอกลงแล้ว พี่รตีรีบเข้าบ้านนะคะ ถ้าคุณนนท์มาเห็นเธอจะเป็นห่วง”
รตีหัวเราะ “นนท์ก็เห่อจนโอเวอร์ พี่แค่ท้องนะ ไม่ได้พิการ จะได้นั่งนิ่งๆ นอนๆ กินๆ อยู่บนเตียง เนี่ย พี่อ้วนขึ้นตั้งสามกิโลแล้ว พ่อตัวดีบังคับให้กินเอาๆ”
“ก็เค้าเป็นห่วงพี่รตีกับลูกนี่คะ”
แววตาของรตีนั้นฉาบแววเศร้าขึ้นมาวาบหนึ่ง มีรอยไหววูบ ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มและหันไปสนใจกับพุ่มกุหลาบต่อ ญาดาเห็นว่าเธอคงจะชอบเอาจริงจัง
หูได้ยินเสียงสวบสาบของฝีเท้าที่เหยียบลงบนกิ่งไม้และพื้นหญ้า เป็นเสียงรองเท้าหนักๆ คล้ายรองเท้าทหาร ซึ่งไม่น่าจะมีคนในบ้านใส่รองเท้าแบบนี้ออกมาเดินด้านนอก ไวกว่าความคิด ญาดารีบโอบร่างกายของรตีไว้ ก่อนกดศีรษะคนตรงหน้าลงต่ำ ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโพลงในความมืด พร้อมกับดวงตาสีนิลของรตีก็เบิกโพลงเช่นกัน
“เจอแล้ว”
เสียงนั้นไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
แต่มาพร้อมกับเสียงกริ๊กปลายกระบอกปืน ญาดารู้สึกถึงวัตถุกลมๆ เป็นกระบอกที่กระแทกจ่อเข้าใส่หัวเธอ
“คุณเป็นใคร!” เธอเอาตัวเองบังรตีไว้จนมิด ไม่หันหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่ แต่ตัดสินใจตะโกนถาม
“แกสองคน หันหน้ามา ยกมือขึ้นดีๆ”
ปลายกระบอกปืนนั้นกดลงจนรู้สึกเจ็บ รตีและญาดายอมทำตามคำสั่งเนื่องจากคนตรงหน้ามีอาวุธปืน
ญาดารู้สึกขอโทษรตีในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ รตีคงไม่เดินตามออกมายามค่ำคืน และไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะถ้าเป็นลำพังตัวญาดาเองนั้นไม่ได้เสียดายชีวิตอะไรเลย
“เจอจนได้นะ นายหญิงของไร่”
“นายมิ่ง”
รตีพึมพำชื่อนั้นออกมา ญาดาเคยได้ยินว่าทางตำรวจและนนท์ยังตามจับคนๆ นี้ไม่ได้ แม้จะเสาะหาจากบ่อนการพนันและเจ้าของเงินกู้ที่นายมิ่งชอบไปกู้เงินมาใช้เล่นพนันแล้วก็ตาม นายมิ่งเป็นพนักงานบัญชีเดิมที่ยักยอกเงินจากไร่ไป แต่โดนจับได้เพราะรตี เนื่องจากเธอเห็นพิรุธเขาตอนที่จ่ายเงินให้คนงานในไร่
“นายหญิงนี่เอง แกทำฉันเจ็บแสบมาก ฉันต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะผัวแก!”
“นี่ อย่าทำอะไรเธอ!”
ญาดาเอาตัวเองเข้าขวางเมื่อบุรุษกำยำน่ากลัวนั้นเงื้อมือจะตบหน้ารตี
“แหม สมัยนี้เขาฮิตเมียน้อยเมียหลวงสนิทรักใคร่กันเรอะ” นายมิ่งแค่นเสียงหัวเราะ “ปกติเห็นในละครตบกันกระจาย”
“นายพูดอะไร” รตีเอ่ยเบาๆ
ญาดาไม่หันสบตาคนด้านหลัง กลัวเธอจะรู้
“หลบไปนังเมียน้อย แกมันไม่ได้สำคัญอะไร โน่น คนที่ฉันต้องการ” มือใหญ่จับคอญาดาก่อนยกบีบลอยหวืดออกจากด้านหน้าหญิงสาวอีกนางหนึ่ง ปืนในมือจ่อเข้าที่ศีรษะของรตีแทน “ค่าตัวแกรวมลูกในท้องของแก คงให้เงินฉันไปใช้หนี้ได้ ผัวแกคงจ่ายไม่อั้น ได้ข่าวว่าจะแต่งงานแล้วนี่ แหม...เจ้าสาวหายไปก่อนงานแต่งนี่ไม่ดีเลยนะ”
เร็วกว่าความคิด
ญาดาพุ่งเข้าชาร์จบุรุษตรงหน้า แต่แรงน้อยและตัวเล็กอย่างเธอไม่อาจทำอะไรเขาได้ นายมิ่งเอาหลังแหวนมือซ้ายตบเข้ากลางหน้าเธอจนหัน หญิงสาวลุ้มฟุบลงกับพื้น เขาดึงเชือกออกจากระเป๋า ก่อนที่พรรคพวกอีกสองสามคนจะตามมาจับตัวรตีที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง แต่สายเสียแล้ว รตีถูกมัดมือและปาก โดนลูกน้องของนายมิ่งลากเข้าไปผ่านพุ่มกุหลาบเข้าไปในป่าทึบ
ส่วนนายมิ่งหันมาถ่มน้ำลายที่ตัวของญาดา
“ส่วนแก นังเมียน้อยไร้ค่าตัว แกไปบอกผัวแกด้วยว่า เอาเงินยี่สิบล้านมาไถ่ตัวเมียและลูกของมัน นัดพบที่ท่าเรือชายแดน ฉันจะลงเรือตอนสองทุ่มของคืนวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่ได้เงิน เมียและลูกของมันกลายเป็นซากศพ!!! ไป!”
รองเท้าหนักๆ กระทืบบนไหล่เล็กของญาดา เธอร้องไห้และเริ่มไม่ได้สติแต่หูที่เงี่ยฟังนั้นได้ยินนายมิ่งคุยพึมพำต่อกับลูกน้อง
“ถ้าเห็นไอ้นนท์มาก็จัดการฆ่ามันเลย ตัวแสบดีนัก ถ้าสบโอกาสได้ มันเล่นตุกติกก็ฆ่ามันพ่อแม่ลูกนี่แหละ แล้วค่อยชิ่งเอาเงินหนีไปพม่า”
จากนั้นเสียงก็ค่อยๆ หายไป พร้อมกับความเจ็บปวดที่ทวีคูณบนร่างกายเธอ
ปัง!!
เสียงทุบโต๊ะอย่างโกรธจัด ดวงตาสีนิลพาลโมโหมองคนในบ้านแบบเรียงหน้า ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น อารมณ์บูดสนิท เคร่งเครียดเนื่องจากมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในรั้วบ้านทรงตะวัน เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ญาดาที่ตอนนี้เป็นเป้าสายตาของทุกคนต้องรีบเอาทิชชู่ซับเลือดบนปลายจมูกของตนเอง ก่อนเล่าเหตุการณ์ความเป็นไปให้กับทุกคนในบ้าน
นนท์ดูร้อนรนและโมโหอย่างขีดสุด เขาระเบิดแทบจะทุกสามนาที แม้แต่คุณนันท์ยังไม่กล้าปรามอารมณ์น่ากลัวของบุตรชาย
“ตายแล้ว หนูรตีกับลูกหายไป แม่จะเป็นลม”
“ใจเย็นๆ ก่อนคุณ” คุณนันท์ปราดเข้ารับร่างภรรยาที่เอนมาซบ
“แกแน่เลยนังญาดา แกจัดฉากหลอกพวกเรา!!” หนูนิ่มโวยวาย “ไม่อย่างนั้นไอ้มิ่งมันจะปล่อยแกมาทำไม แกต้องเป็นพวกมัน หลอกพี่รตีไปแถวนั้น ไม่งั้นพี่รตีก็คงไม่ออกจากบ้าน แล้วแกก็ให้ชู้รักของแกมันมาจับตัวพี่รตีไป เพราะแกอิจฉาใช่ไหม นังเมียน้อย!”
เป็นครั้งแรกที่ไม่มีใครขัดจังหวะหนูนิ่มเพื่อช่วยเธอ
ญาดากำลังสำลักข้อกล่าวหาใหม่
“เปล่านะคะคุณหนูนิ่ม”
ดวงตาสีน้ำตาลอ้อนวอนมองไปยังนนท์ เขากุมขมับใช้ความคิด ม่านตาสีนิลนั้นแข็งขึง ก้าวร้าวและดุจัด นิ้วเรียวหนาประกบเข้าหากัน จ้องหน้าเธอผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว เขาหรี่ตาลง เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ญาดารู้สึกกลัวนนท์ เป็นการกลัวเขาไม่เชื่อใจเธอเพราะในแววตาเขาไม่มีร่องรอยของผู้หญิงที่ชื่อญาดาอีกแล้ว
“แล้วรตีออกไปตรงพุ่มกุหลาบบ้านั่นได้ยังไง ญาดา” เสียงเย็นนั้นเรียบแต่อุดมด้วยพละกำลังพร้อมจะปลดปล่อยแรงระเบิดรัศมีหลายกิโลเมตรได้ทุกเมื่อ
“ยีไม่ทราบค่ะ ยีเดินนำไปก่อนแล้วจู่ๆ คุณรตีก็เดินตามมา”
“โกหก!” ตะคอกพร้อมกับตบโต๊ะดังปัง ตอนนี้เหตุผลของญาดาฟังไม่ได้มากที่สุด เธอสะดุ้งโหยงสุดตัว ทุกคนบนโต๊ะกำลังจ้องหน้าปานจะกินเลือดเนื้อ
เป็นจังหวะเดียวกับที่นิลและตำรวจอีกสองนายเดินเข้ามาในตัวบ้าน นิลดูเคร่งเครียดและจริงจังมากกว่าทุกครั้ง เขาเอ่ยเสียงเบาและเครียดกับนายตำรวจที่กำลังเสาะหาข้อมูลคนร้าย ดวงตาสีดำสนิทของเขาไร้แววประกาย ดูหม่นหมองกว่าทุกครั้งที่ญาดาเคยพบ ขอบตานั้นดำเหมือนคนอดนอนหลายวัน
“ญาดา มากับฉัน” นนท์ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินออกจากห้องทำงานไปสู่อีกห้องหนึ่งซึ่งมีนายตำรวจสองนายเดินตาม ญาดาจำต้องลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวดบริเวณไหล่ที่เธอโดนผู้ชายใจร้ายกระทืบเข้าอย่างจัง ไหล่เธอคงช้ำหรือบาดเจ็บที่ไหนสักที่ แต่ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่หัวใจดวงนี้
เธอปิดประตูห้องทำงานอีกห้องหนึ่งลงอย่างเงียบเชียบ เงยหน้าสบตาเขาตรงๆ
จากนั้นเขาให้ตำรวจได้ทำหน้าที่สอบสวนเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด พร้อมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่น่าจะทำให้เป็นเหตุจูงใจของการเกิดเรื่องครั้งนี้ได้ นนท์เอาแต่ยืนกอดอกหลังพิงฝา มองเธอจากมุมหนึ่งของห้อง ญาดาเจ็บและเหนื่อย ตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูคล้ายพวกเขาต้องการให้เธอเป็นคนผิดหนักหนา ให้เธอวางแผนทำร้ายรตีและเด็กในท้อง
“ผมขออนุญาตสอบถามเรื่องส่วนตัวนะครับ สรุปความสัมพันธ์ระหว่างคุณญาดากับคุณนนท์คือ...” นายตำรวจหนุ่มเผยอมองเธออย่างต้องการหาคำตอบ หญิงสาวเหนื่อยเพลียเกินกว่าจะตอบคำถามให้ยืดเยื้อ เธอเพียงตอบสั้นๆ รักษามารยาท
“เจ้านายกับลูกน้องค่ะ”
“แล้วคุณญาดาและคุณรตีมีเรื่องผิดใจกันไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“แต่คุณหนูนิ่มเล่าว่าวันก่อนเห็นคุณญาดาเกือบทำให้คุณรตีตกบันไดโดยการยื้อแย่งกระเป๋ากัน เหมือนเจตนาพยายามทำร้ายร่างกายคุณรตีนะครับ”
“ค่ะ” ดวงตาเหม่อลอยเฉมองพื้นราบแทน
“ตกลงว่าคุณกับคุณรตีมีปัญหาอะไรกันครับ”
เธอเบื่อที่พวกเขาถามเรื่องไร้สาระวนไปวนมาซ้ำซาก ตกลงพวกเขาต้องการความจริงหรือต้องการยืนยันสิ่งที่พวกเขาคิดกันแน่
“ฟังนะคะ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันกับพี่รตีไม่มีปัญหากัน เหตุจูงใจของนายมิ่งอาจจะมาจากการร้อนเงินหรือเรื่องอื่นซึ่งเขาบอกฉันว่าต้องการลักพาตัวพี่รตี ตอนนี้ได้โปรดให้กำลังของคุณเร่งตามหาคุณรตีแทนการมานั่งสอบสวนฉันจะได้ไหมคะ ฉันเป็นห่วงเธอ”
“คุณตำรวจเชิญออกไปก่อนครับ ผมต้องการพูดกับญาดาเพียงลำพัง”
นนท์ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง เมื่อข้าราชการในเครื่องแบบออกจากห้องไปแล้ว เขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ดวงตาสีนิลว่างเปล่าจ้องมองใบหน้าเล็กที่เอาแต่ก้มมองพื้น ผมเผ้ากระเซิงยุ่งเหยิง ปากและจมูกแตกเพราะถูกทำร้าย ญาดากำลังหงุดหงิดและอารมณ์ไม่ดี ทั้งจากเหตุผลที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงในช่วงการตั้งครรภ์ทำให้เธออ่อนไหวร้องไห้ง่าย หงุดหงิดงุ่นง่านเป็นประจำ
“คุณนนท์มีเรื่องอะไรต้องการจะซักอีกไหมคะ ยีเหนื่อยแล้ว”
นิ้วมือแข็งจับเข้าที่ต้นแขนหมับทันที
“ทำไม พูดแค่นี้ทำเป็นหงุดหงิด พิรุธเป็นกระบุง”
“คุณนนท์คะ ยีไม่มีเหตุผลอะไรในการทำร้ายพี่รตีนะคะ”
“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว สิ่งที่หนูนิ่มคิดอาจถูกก็ได้ รตีไม่มีทางออกไปข้างนอกถ้าไม่มีคนนัดไป หรือต้องไปทำอะไรสักอย่าง และรตีก็เชื่อใจเธอ ใจดีกับเธอที่สุด” เขาหรี่ตาลงจ้องมองดวงหน้างามที่ตอนนี้น้ำตากำลังเอ่อคลอเบ้า “แต่ก็อย่างว่าแหละ ผู้หญิงอย่างเธอก็คงไม่คิดร้ายกับใครหรอก ยกเว้นเธอจะอิจฉาครอบครัวของเรา”
“ยีไม่มีเหตุผลให้อิจฉาค่ะ”
เหมือนนนท์จะหงุดหงิดมากขึ้น เขาใช้แรงบีบบังคับปลายคางมนของญาดาให้เงยขึ้นมองดวงตาสีนิลอำมหิตแต่เธอเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะต่อรองเรื่องใดๆ กับเขา
“ฉันกับคนงานในไร่ทุกคนจะออกตามหารตี”
“คุณนนท์คะ ยีขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหมคะ”
“ว่ามา”
“ถ้าพวกคนร้ายต้องการทำร้ายคุณนนท์ เขาอาจจะไม่ปล่อยคุณนนท์ไว้ก็ได้นะคะ ให้คนอื่นช่วยตามหาคุณรตีแทนได้ไหมคะ คุณนนท์อย่าออกไปคืนนี้เลยนะคะ ยีไม่สบายใจ ใจไม่ดี”
“รตีเป็นคนที่ฉันจะแต่งงานด้วย จะให้ฉันหดหัวไม่ไปตามหาได้ยังไง แถมเธอยังท้องอีก”
“ยีกลัวคุณนนท์เป็นอะไรไป”
เป็นครั้งแรกที่เธอใช้ลูกอ้อนกับเขา หญิงสาวนั่งลงบนพื้น คุกเข่าและกอดร่างสูงไว้ราวกับคนตรงหน้าจะสลายหายจากเธอไป นานเหลือเกินที่เธอไม่ได้สัมผัสร่างกายเขา ยอมพลีกายจนกลายเป็นผู้หญิงโง่ ปล่อยให้เขาย่ำยี ปล่อยให้เขาทำร้าย เพียงเพราะคำว่ารักที่เธอมอบให้
“ปล่อย”
“คุณนนท์อยู่ที่นี่เถอะนะคะ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจก็ได้”
“เธอก็พูดได้สิ ถ้าเธอโดนจับไปบ้างล่ะญาดา! เธอมันเห็นแก่ตัวที่สุด” เขาใช้อุ้งมือแข็งแกร่งบีบไหล่เล็กนั้นราวกับคีมหนีบ เธอเจ็บสะท้านไปทั้งร่าง ไหล่ด้านขวาที่โดนกระทืบนั้นเพิ่มทวีความเจ็บปวด หญิงสาวมีน้ำใสไหลออกจากดวงตางดงามที่กำลังเศร้าสร้อย มันเจ็บไปทั้งหมด เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ
“ค่ะคุณนนท์ ยีเห็นแก่ตัว แต่คุณนนท์อย่าออกไปเลยนะคะ ยีจะช่วยออกตามหาคุณรตีอีกแรง แลกกับการที่คุณนนท์ไม่ออกไปข้างนอกได้ไหมคะ กลุ่มคนพวกนั้นมีอาวุธ ถ้าเจอกันเขาจะทำร้ายคุณ”
มือเล็กกอดขาเขาอย่างหมดแรง แทบจะรั้งเขาไว้ไม่ได้ นนท์ทำท่าไม่สนใจพร้อมจะเดินออกจากห้อง
“คุณนนท์คะ..”
“เธอจะเรียกอะไรนักหนา รำคาญ!”เขาก้าวเดิน เธอจึงลุกตาม ญาดากอดรั้งนนท์เอาไว้จากแผ่นหลังกว้าง ใช้หน้าซุกเข้าแผ่นหลังนั้นราวกับเธอจะไม่ได้เจอมันอีก
“ถ้ายีท้องเหมือนกันคุณนนท์จะว่ายังไงคะ!!”
เสียงนั้นสั่นเครือและแผดก้องให้เขาได้รับรู้ คนตัวสูงที่เธอกำลังกอดรั้งเขานั้นชะงักกึก นนท์เงียบไปครู่ใหญ่ ในห้องนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงสะอื้นของคนสองคน แต่แล้วญาดาก็รู้สึกถึงแรงสะบัดอย่างรุนแรงจากคนตรงหน้า สะบัดจนเธอเซถลาล้มนั่งบนโซฟา
รอยยิ้มมุมปากเหี้ยมเกรียม
“ฉันเข้าใจแผนเธอแล้ว ญาดา”
“ค่ะ ยีเป็นคนไม่ดี แล้วถ้ายีบอกว่ายีท้องล่ะคะคุณนนท์ ลูกของคุณ...”
เพี้ยะ
ประโยคนั้นยังไม่ทันจบ ความรู้สึกเจ็บจนชาบนใบหน้าก็มีขึ้นจากฝ่ามือใหญ่ที่กระทบบนใบหน้าสวยของเธอ
“ท้องเหรอ! โอ๊ย จะตลกไปไหมญาดา เธอนี่มันสกปรกโสโครกจริงๆ ร้อยวันพันปีเธอไม่บอกฉัน แต่มาบอกในคืนที่รตีโดนลักพาตัวไป กุเรื่องได้สุดยอดจริงๆ จะสร้างเรื่องอะไรอีกล่ะ เลิกปั้นน้ำเป็นตัวทำหน้าน่าสงสารได้แล้ว ถ้าท้องจริงก็คงรีบแจ้นมาบอกเพราะอยากให้ฉันรับผิดชอบแล้ว” เขาแสยะยิ้มมุมปากกระตุก
หัวใจญาดาถูกกรีดไม่เป็นชิ้นดี
มันเจ็บปวดกว่าสิ่งใดที่เธอเคยเจอมาทั้งหมด
“เลิกคิดจะใช้แผนหลอกว่าท้องมารั้งฉันไม่ให้ไปหารตี ทำไม อิจฉาครอบครัวของเรามากหรือยังไง ถ้าฉันไม่ไปหารตี ก็จะปล่อยให้ไอ้มิ่งมันฆ่ารตีใช่ไหม แล้วคิดว่าฉันจะกลับมาหาของเน่าๆ โสโครกอย่างเธอใช่ไหม!”
น้ำตาใสไหลแทนคำตอบ เธอมองเห็นชายหนุ่มด้วยสายตาที่พร่าเลือนจากรอยน้ำตา
“ขี้อิจฉาสมกับเป็นพวกชั้นต่ำ จำไว้นะ ต่อให้เธอท้องจริงๆ ไอ้เด็กนั่นมันก็ไม่สมควรเกิดมาจากแม่ชนชั้นต่ำแค่คนใช้อย่างเธอ! ลูกฉันต้องเกิดจากแม่ที่ดีและเพียบพร้อมเท่านั้น เข้าใจไหม ญาดา!!”
“...”
เสียงประตูปิดกระแทกลงพร้อมกับดวงใจของเธอที่แตกสลายไม่มีชิ้นดี มือเล็กยกลำบากเนื่องจากเจ็บปวดบริเวณไหล่ขวามาก ยกขึ้นลูบตรงหน้าท้องน้อยของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าน้ำตามันสร้างจากที่ไหน แต่ตอนนี้มันเยอะมากจนเธอไม่สามารถมองภาพอื่นๆ ได้ ดวงตาพร่าพรางไปกับหยาดน้ำตาบนใบหน้า เขาทำให้หัวใจดวงนี้เจ็บปวดจริงๆ
คำตอบที่เธอคิดไม่ตกมาหลายเดือน...
...วันนี้ได้รับแล้ว
หญิงสาวชั้นต่ำ ไม่มีพ่อ โตมาในสลัมพร้อมแม่ที่หาเลี้ยงอย่างปากกัดตีนถีบ โดนอุปการะในบ้านผู้ดีมีสกุล แม้จะพยายามทำตัวดีอย่างไรก็คงไม่เหมาะสมกับคุณชายของบ้าน ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด เธอมันไร้สมองจริงอย่างที่เขาว่า ทำไมถึงไม่เคยคิดเลยว่าเขาไม่เหมาะสมกับเธอ เขาอยู่สูงเกินไป เขามีเงินและอำนาจ ส่วนเธอเป็นเพียงคนใช้ที่ต่อสู้กับความลำบากมาทั้งชีวิต
...จะเอาอะไรไปสู้กับคุณหญิงที่แสนดี เพียบพร้อมทั้งกายใจ
เสียงร่ำไห้สะอื้นนั้นเธอพยายามสะกดให้มันหยุดแม้ไม่สามารถทำได้ ความสงสารลูกทั้งสองคนบังเกิดขึ้น เห็นภาพอดีตวัยเด็กของตัวเองในบ้านเช่าสลัมเก่าๆ ไม่มีเสื้อผ้าและรองเท้า แม่ต้องไปขอจากมูลนิธิเพื่อให้เธอได้มีชุดนักเรียนไปโรงเรียน ชุดนักเรียนของเธอนั้นมักมีรอยแกะชื่อที่ปักของนักเรียนเจ้าของคนเดิมอยู่ก่อน แม่จะเลาะเอาด้ายสีน้ำเงินออกอย่างปราณีต ก่อนปักชื่อและนามสกุลให้เธอ ตอนนั้นหญิงสาวมีความสุขดี รองเท้านักเรียนขาดๆ ของเธอไม่มีเงินซื้อใหม่จนกว่าค่าแรงเย็บผ้าในโรงงานของแม่จะออก ซึ่งแม่เคยโดนโกงค่าแรงจากเสี่ยเจ้าของโรงงานหลายครั้ง สุดท้ายโรงงานปิดลงและไม่ยอมจ่ายค่าแรงให้พนักงาน
ญาดาอดกินข้าวไปหลายมื้อ แม่ไม่มีเงินจ่ายค่าบ้าน ต้องรับจ้างทุกอย่างตั้งแต่กวาดถนน ทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน รับซักรีด รับจ้างทำงานทุกอย่างเพราะแม่กลัวไม่มีเงินให้ญาดาไปโรงเรียน
น้ำตาหยดลงบนหน้าท้อง เธอกอดตัวเองแน่น
คิดถึงภาพคุณหนูรตีและคุณหนูนิ่มที่เธอเจอในตอนเด็กนั้นสุขสบาย มีเสื้อผ้าหรูหราและอาหารชั้นดีให้กินครบทุกมื้อ ได้แต่งตัวสวย ไม่ต้องทำงานบ้านให้เหนื่อย
บุญวาสนาต่างกันเหลือเกิน...
ลูกของเธอทั้งสองคนช่างบุญน้อยนักที่ได้มาเกิดกับเธอ หากเกิดเป็นลูกของพี่รตีน่าจะมีชีวิตสุขสบายกว่า
หญิงสาวปาดน้ำตา
เธอรักทั้งพ่อและลูกเท่าเทียมกัน แต่ญาดาก็ยืนกรานที่จะรักเขาอย่างซื่อสัตย์
สิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำเพื่อเขา
...คือการไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไป
หากเขาต้องตามหารตี เธอจะช่วยตามหาดวงใจของเขาให้พบ
ให้ครอบครัวเขาได้อยู่มีความสุขก่อน เธอจึงจะไปจากชีวิตเขา