การประสมวงดนตรีไทย
การประสมวงดนตรีไทย คือ การเอาเครื่องดนตรีต่าง ๆ มาบรรเลงร่วมกันมากบ้าง
น้อยบ้างโดยยึดหลักที่ว่า เครื่องดนตรีแต่ละชนิดที่นำมาประสมกันนั้น ต้องจัดให้พอ
เหมาะ เมื่อบรรเลงพร้อม ๆ กันแล้ว มีเสียงดังไพเราะผสมกลมกลืนกันอย่างดี ดังนั้น
นับตั้งแต่สมัยโบราณมาถึงปัจจุบัน จึงมีวงดนตรีขนาดต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งวง
ที่มีเครื่องดนตรีประสมกันน้อยชิ้น คือ 2 - 3 ชิ้น จนถึงวงที่มีเครื่องดนตรีประสมกัน
นับร้อยชิ้นขึ้นไป ทั้งนี้การประสมวงดนตรีไทยยึดหลักการที่ว่า ให้เครื่องดนตรีทที่มี
เสียงแหลมสูง และเป็นเครื่องนำอยู่ทางด้านขวามือ ส่วนเครื่องดนตรีที่มีเสียงทุ้มต่ำ
และเป็นเครื่องตาม จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของวง สำหรับวงดนตรีไทยนั้นมีอยู่ด้วย
กันหลายประเภท เช่น วงดนตรีพื้นบ้าน วงดนตรีเฉพาะกาล และวงดนตรีที่เป็น
วงมาตรฐานซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ วงปี่พาทย์ วงเครื่องสาย และวงมโหรี
การประสม(ผสม)วงดนตรีไทย
บรรพบุรุษของเรามีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมทางศิลปะดนตรี กล่าวคือ ได้นำเครื่องดนตรีมาประกอบขึ้นเป็นวง เรียกว่า การเล่นผสมวง ซึ่งหมายถึงการเล่นร่วมกันหลายคนและหลายเครื่อง มีข้อสำคัญอยู่ที่การปรับเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นให้เสียงประสานกลมกลืนเข้ากันเกิดเป็นเสียงของเครื่องดนตรีที่ไพเราะ
การประสมวง คือ การนำเครื่องดนตรีประเภทต่างๆทั้งฝ่ายดำเนินทำนองและกำกับจังหวะมาบรรเลงร่วมกันอย่างมีหลักเกณฑ์ โดยคำนึงถึงหลักความเหมาะสมเพื่อให้เครื่องดนตรีทุกชนิดได้ทำหน้าที่ของตนอย่างสมภาคภูมิ(ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน) ตลอดจนคำนึงถึงผลอันจะก่อให้เกิดความพวยพุ่งแห่งอารมณ์ ซึ่งได้แก่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเสียงที่ดำเนินร่วมกันไปอย่างสนิทสนมกลมกลืนเป็นสำคัญ เพราะเสียงดนตรีนับเป็นอาหารชนิดหนึ่งซึ่งผ่านทวารหูเข้าสู่ใจ น้อมนำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์แช่มชื่น รื่นเริง สงบ เศร้าโศก หรือห้าวหาญคึกคักไปตามความหมายของเพลง
ลักษณะของดนตรีไทยแต่เดิมเลียนแบบจากอินเดีย มีการขับลำนำ มีคนร้อง คนดีดพิณและไกวบัณเฑาะว์ กำกับจังหวะ (ใช้เฉพาะพิธีหลวง)เรียกว่าปัญจดุริยางค์กลายเป็น
-ปี่พาทย์หนัก ชนิดสำหรับทำประกอบการแสดงนาฏศิลป์ เช่น โขน ละคร(คือปี่พาทย์เครื่องห้า)
-ปี่พาทย์เบา สำหรับเล่นกับละครที่เรียกว่า โนห์รา อันเป็นต้นฉบับของละครชาตรี
..ไทยได้ดัดแปลงเครื่องดนตรีจากอินเดียมาเป็น
1) ปี่พาทย์ไม้แข็ง
2) เครื่องสาย
3) มโหรี
การประสม(ผสม)วงดนตรีไทย
ที่มาภาพ : //kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.php?book=1&chap=9&page=t1-9-infodetail05.html
ลักษณะการประสมวงในยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2494-ปัจจุบัน)
นับแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงปัจจุบัน ศิลปะดนตรีไทยในยุคนี้มีทั้งคราวเจริญและคราวเสื่อมตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาจถือได้ว่าเป็นระยะอยู่ตัว แม้ศิลปะดนตรีจะไม่สู่คึกคักแต่ก็ไม่ถึงกับเสื่อมโทรม บรรดาพระบรมวงศานุวงษ์ ตลอดจนขุนนางข้าราชการซึ่งนิยมชมชอบศิลปะประเภทนี้ต่างช่วยกันดำรงส่งเสริมไว้มิให้ขาดสาย และแล้วในที่สุดศิลปะดนตรีก็เจริญขึ้นถึงขีดสุดในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ศิลปะดนตรีทำท่าจะก้าวสูงขึ้นอีกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะในระยะนี้ตั้งแต่เจ้าจนถึงข้าล้วนเข้าถึงดนตรีรส ไม่มีสมัยใดที่ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีเข้าถึงซอด้วยพระองค์เอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ นั้นทรงมีพระปรีชาญาณลึกซึ่งถึงกับทรงพระราชนิพนธ์เพลงคลื่นกระทบฝั่ง ราตรีประดับ-ดาว และ เขมรลออองค์ไว้ได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง แต่เพราะความผันผวนทางการเมืองและความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจ ศิลปะดนตรีก็มีอันต้องตกต่ำลงในที่สุด โดยเฉพาะในสมัยเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยนั้นศิลปะดนตรีไทยเกือบจะต้องสูญสลาย แต่แล้วก็คงอยู่ได้เพราะพระบารมีแห่งสมเด็จพระสยามเทวา- ธิราช ตลอดจนอดีตบูรพาจารย์ซึ่งคอยแผ่พระคุณคุ้มไทยอยู่ตลอดเวลา
..ดนตรีของไทยซึ่งได้จัดรวบรวมเป็นวงบรรเลงที่ถือว่าเป็นแบบแผนมีอยู่ 3 อย่าง คือ
1. วงปี่พาทย์
2.วงเครื่องสาย
3.วงมโหรี
แต่ละวงมีขนาดซึ่งถือตามจำนวนเครื่องดนตรีและผู้บรรเลงมากน้อยกว่ากันเป็นชื่อวง ดังจะจำแนกต่อไปนี้ ส่วนหน้าที่ของเครื่องดนตรีแต่ละสิ่งนั้นจะกล่าวไว้ในวงเครื่องใหญ่แห่งเดียวเพื่อมิให้ตอ้งซ้ำซากกัน
//www.learners.in.th/blogs/posts/215034
//www.gotoknow.org/posts/168330