ความเป็นมา
การที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสัดส่วนของผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่สัดส่วนของประชากรวัยแรงงานต่อประชากรวัยสูงอายุลดลง ทำให้ผู้สูงอายุต้องพึ่งพิงตัวเองมากขึ้นและอาจเป็นภาระของรัฐบาลในการดูแลผู้สูงอายุ จึงมีความจำเป็นที่ต้องส่งเสริมการออมแบบผูกพันในระยะยาว (contractual savings) ให้มากขึ้นเพื่อให้ลูกจ้างมีเงินออมอย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพตลอดชีวิตหลังจากเข้าสู่วัยสูงอายุ
วัตถุประสงค์
1.
เพื่อให้ลูกจ้างที่มีความสามารถทางการเงิน สามารถออมเงินในกองทุนได้เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่กระทบต่อนายจ้าง ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องลดอัตราเงินสะสมหากนายจ้างปรับลดอัตราเงินสมทบ
2. เพื่อให้ลูกจ้างออมเงินในกองทุนได้ระยะยาว + ต่อเนื่องจนถึงวัยเกษียณ โดยไม่ต้องนำเงินออกไปใช้จนหมด
3. เพื่อให้การดำเนินการของกองทุนมีความคล่องตัวและยืดหยุ่น โดยนายจ้าง + ลูกจ้าง สามารถตกลงกันเองได้ ภายใต้กรอบกฎหมาย เนื่องจากเป็นกองทุนภาคสมัครใจ
สาระสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
1. เปิดให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมในอัตราสูงกว่านายจ้างจ่ายเงินสมทบได้ แต่ต้องเป็นไปตามอัตราที่กำหนดในข้อบังคับกองทุน โดยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 และไม่เกินร้อยละ 15 ของค่าจ้าง หากกองทุนใดประสงค์ที่จะให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมได้มากกว่าเงินสมทบ คณะกรรมการต้องแก้ไขข้อบังคับกองทุนเพื่อให้รองรับในเรื่องดังกล่าว (แก้ไขเพิ่มเติมวรรค 1 ของมาตรา 10)
2. ให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพชั่วคราวได้ในกรณีท้องที่ใดท้องที่หนึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยกำหนดการหยุดหรือเลื่อนส่งเงินได้คราวละไม่เกิน 1 ปี ตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีคลังประกาศกำหนด (เพิ่มเติมมาตรา 10/1)
3. การนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนหรือหาผลประโยชน์สำหรับลูกจ้างที่ไม่ได้แสดงเจตนาเลือกนโยบายการลงทุน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 16)
-
สำหรับกองทุนที่ลูกจ้างมีสิทธิเลือกนโยบายการลงทุนด้วยตนเอง (employee’s choice) หากลูกจ้างไม่แสดงเจตนาเลือกนโยบายการลงทุน ให้บริษัทจัดการนำเงินไปลงทุนดังนี้
(1) นโยบายการลงทุนเดิมที่ลูกจ้างเคยลงทุน
(2) หากไม่มีนโยบายการลงทุนเดิม เพิ่มทางเลือกให้ลูกจ้างลงทุนในนโยบายที่กำหนดในข้อบังคับกองทุน
(3) หากไม่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับกองทุน
ให้ลงทุนในนโยบายที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่กองทุนมีให้เลือก
- หากกองทุนใดไม่มีนโยบายการลงทุนเดิมที่ลูกจ้างเคยลงทุนและประสงค์ที่จะกำหนด default policy ไว้ในข้อบังคับกองทุน คณะกรรมการต้องแก้ไขข้อบังคับกองทุนเพื่อให้รองรับในเรื่องดังกล่าว หากคณะกรรมการไม่ได้ทำการแก้ไข ให้ถือว่า default policy ได้แก่ นโยบายที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดเช่นเดิม
4. การบันทึกรายได้ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีเป็นกองทุนหลายนายจ้าง (เพิ่มมาตรา 17(1) วรรคสอง)
-
ใช้กับกองทุนหลายนายจ้าง (pooled fund และ group fund) ที่ต้องการกำหนดวิธีการบันทึกและการกระจายรายได้ โดยคณะกรรมการกองทุนสามารถเลือกกำหนดวิธีบันทึกและกระจายรายได้ตาม (ก) (ข) (ง) และ (จ) ของมาตรา 17 (1) ดังนี้
(1) ให้แก่นายจ้างรายเดียวหรือหลายราย และ/หรือ
(2) กระจายให้ลูกจ้างตามส่วนได้เสียหรือหารเฉลี่ยเท่ากันตามจำนวนลูกจ้าง
- หากกองทุนใดประสงค์จะกำหนดวิธีบันทึกรายได้ให้แก่นายจ้างหลายราย
และ/หรือให้ลูกจ้างโดยหารเท่ากันตามจำนวนลูกจ้าง คณะกรรมการต้องแก้ไขข้อบังคับกองทุนเพื่อให้รองรับเรื่องดังกล่าว หากไม่แก้ไขถือว่ายังคงกำหนดวิธีบันทึกรายได้ให้แก่นายจ้างรายเดียว และให้ลูกจ้างของนายจ้างรายนั้นตามส่วนได้เสียเช่นเดิม
5. เพิ่มทางเลือกให้ลูกจ้างที่ออกจากงานเมื่อมีอายุตั้งแต่ 55 ปีบริบูรณ์ ขอรับเงินเป็นงวดได้เช่นเดียวกับลูกจ้างที่เกษียณอายุ ซึ่งสมาชิกควรเลือกรับเงินเป็นงวดเมื่อเข้าเงื่อนไขได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว (อายุ 55 ปี + 5 ปี) (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 23/2)
6. เพิ่มทางเลือกให้ลูกจ้างที่สิ้นสมาชิกภาพในกรณีที่ไม่ใช่เป็นการลาออกจากกองทุน ได้แก่ การออกจากงาน การที่นายจ้างถอนตัวจาก pooled fund และไม่ได้จัดตั้งกองทุน การที่กองทุนเลิก และครอบคลุมถึงสมาชิกที่อยู่ระหว่างขอคงเงินและรับเงินเป็นงวด ให้สามารถขอโอนเงินทั้งจำนวนที่ตนเองมีสิทธิได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันกรณีออกจากงานหรือชราภาพ โดยบริษัทจัดการต้องโอนเงินตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียน (สำนักงาน ก.ล.ต.) กำหนด (เพิ่มเติมมาตรา 23/4)
7. กำหนดโทษบริษัทจัดการในกรณีไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 23/4 แก้ไขเพิ่มเติมวรรค 1 ของมาตรา 23 และแก้ไขมาตรา 35
Download พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558
Download ไฟล์ Powerpoint อธิบายสาระสำคัญการแก้ไข พ.ร.บ.
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
Q&A การจดทะเบียนแก้ไขข้อบังคับกองทุนตาม พ.ร.บ. ฉบับที่ 4