6,755 view ��Ǵ���� : ����ͧ���¹ �ѹ������ҧ : 12/09/2012
�ʹ�ӻ�оѹ�� � �ع��ҧ���¯ա�
�ش��¹�С�������û��� �ٵ���¡��ⴴ��������ҧ
����д�źҹ�Դ˹�ҵ�ҧ�ҧ ��ҧ��ҡ��Ǣ����ҹ�͡���
����ǹ���ͺ�ػ��ҵ� �ԡ�ҹ��ҹ��Ҵ������
�óٿ������� ��ҧ��ҡ��������������
���䷹��Ѻŧ�Ѻ�ѹ ����С����蹶֧������
��Ш��ҡ��ҡ��Ѻ�Ѻ������ ������ʧ�������ǨѺ��
��ҹ���������Шӡ�� �Ѳ�ѹ�������ͧ��ǡ�˹ѡ˹�
����ҧ��ҧ����ͧ�����ͧ�� �Դ������˹������ѹ�ͧ
��觹���躹��§��§�ع��ҧ �ѹṺ��ҧ�ʹ���������ͧ
��㨴ѧ���㨨оѧ�ͧ ��Ѻ��ͧ�Һ�����ҡ��ҿѹ
�����պ�ع��ҧ����ҧ��� �֡���Ǩж١����ѹ�ͧ���
��ҧ���ŧ���ͺ����ѹ�� ��������͡�鹹�ӵҤ��
��������һ�Фس�ͧ�١���� �������¨о�ҡ�ҡ�س���
��á�������������� �Ծͷ��е�ͧ��ҡ��ҡ��
�ѹ仩ش��ô��������� ��������ʢ���˧����ç˹��
�����鹡�᷹���ѹ�� �����������ǡ�Ѻ����
���ŧ���¾���Ƿ�Է�� ��ôҡ��鹵���§���
�Һ���ѡ�������������� �ѹ�ͧ����֡��¡������ �
����ҳ��� ���§���������С��ء�������Ѻ����
������������������
���ǡ��Թ��ҹ���ǡ�����蹴͡��� �ǡ����Ѻ�����ѧ�������Թ�������� ��ҧ�������� ����ͧ���
�Ͷ֧��§����Դ��駴� ��繹ҧ�ѹ�ͧ��ʹ����Ѻ�ع��ҧ ���ø��ҡ�пѹ�ع��ҧ����Ҩжֺ��鵡��§ �����Ǩ�ⴹ�ҧ�ѹ�ͧ ���Ǿ��§������ŧ������������Ѻ��ӵҤ��
���ǡ��Ӿѹ ��ҹҧ�ѹ�ͧ����èҡ�عἹ���� ���ǡ���Ңع��ҧ���仩ش���ͧ���� ������ҧ�� �ҡ��鹡�͢����С�����������ҧ�ѹ�ͧ ���ǹҧ�ѹ�ͧ����
��Ҫͺ��������� �� Like ��� :�ʹ�ӻ�оѹ�� � �ع��ҧ���¯ա�
6,755 view ��Ǵ���� : ����ͧ���¹ �ѹ������ҧ : 12/09/2012
จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม เมื่อเป็นความชนะขุนช้างนั่น
กลับมาอยู่บ้านสำราญครัน เกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน
พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารดา นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน
โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวล ไม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง
เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมนำมาผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจังไร
ถอดความได้ว่า
เมื่อพลายงามชนะความขุนช้าง ก็ได้กลับมาอยู่บ้านอย่างสุขสบาย ขาดก็แต่มารดา พลายงามคิด ว่าแม่วันทองไม่ควรอยู่กับขุนช้าง อาจจะเป็นเคราะห์กรรมของแม่วันทองถึงต้องมาอับอายแบบนี้ พ่อก็เป็นถึงขุนนาง แต่แม่กลับไปอยู่กับคนจัญไร
----------------------------------------------------------------------------
รูปร่างวิปริตผิดกว่าคน ทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้
ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้ ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ ก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี
แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้
แค้นแม่จำจะแก้ให้หายแค้น ไม่ทดแทนอ้ายขุนช้างบ้างไม่ได้
หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัย ไม่สมใจจำเพาะเคราะห์มันดี
คำศัพท์
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ หมายถึง จมื่นไวยเท้าความถึงตอนที่ขุนช้างดำน้ำพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตัว
ถอดความได้ว่า
รูปร่างน่าเกลียด ใจคอโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่าแม่วันทองไปรักขุนช้างได้อย่างไร ท้าวความถึงตอนที่ขุนช้างดำน้ำเพื่อพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตน พลายงามโกรธมากและจะฆ่าขุนช้างให้ตาย แต่มารดาห้ามและขอชีวิตไว้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อย่าเลยจะรับแม่กลับมา ให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี
พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโกรธา
อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ เมื่อไรตะวันจะลับหล้า
เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลา จวนสุริยาเลี้ยวลับเมรุไกร
เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท
ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข
น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา
คำศัพท์
เมรุไกร หมายถึง ภูเขาใหญ่
จัตุบททวิบาท หมายถึง (สัตว์) สี่เท้า สองเท้า
ถอดความได้ว่า
พลายงามแค้นขุนช้างมาก จะต้องหาทางแก้แค้นขุนช้างให้ได้ ใจก็อยากให้ขุนช้างตาย แต่ขุนช้างดวงดีไม่เป็นดังที่ตนหวังไว้ ก็เลยจะรับแม่(นางวันทอง)ให้มาอยู่บ้านกับพ่อ(ขุนแผน) จะพาแม่หนีให้พ้นจากขุนข้างคนชั่วช้าใจทราม ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ กระวนกระวายว่าเมื่อไรจะค่ำที่จะได้ไปรับแม่กลับบ้าน จนตะวันลับขอบฟ้า ไม่มีแม้แต่เสียงเท้าสัตว์เดิน ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่าง ในตอนมืดอากาศเริ่มเย็นมีน้ำค้าง เงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงคนพูด ได้ยินเสียง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ได้ยินเสียงฆ้องย่ำประจำวัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา
คะเนนับย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
ลงยันต์ราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขึ้นใส่หัว
เป่ามนตร์เบื้องบนชอุ่มมัว พรายยั่วยวนใจให้ไคลคลา
คำศัพท์
มงคล ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ทำเป็นวงใช้สวมศีรษะ
ทักทิน หมายถึง วันชั่วร้ายตามความเชื่อโหราศาสตร์
ถอดความได้ว่า
เสียงฆ้องตีบอกเวลาจากวัง ลอยมาตามลมได้ยินถึงบ้าน นับได้เป็นเวลาตีสาม เป็นเวลาที่จะได้ปลดปล่อยความชั่วร้าย เมื่อท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและดวงจันทร์สว่างไม่มีเมฆบดบัง จึงได้นำเหล้าและอาหารไปเซ่นให้ผีพรายกิน เอาขมิ้นมาทาตามตัว ลงยันต์ที่อกและเอาสิ่งมงคลมาใส่หัว เป่ามนตร์คาถา เพื่อให้หลงมนตร์ที่เป่าลงไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จับดาบเคยปราบณรงค์รบ เสร็จครบบริกรรมพระคาถา ลงจากเรือนไปมิได้ช้า รีบมาถึงบ้านขุนช้างพลัน เห็นคนนอนล้อมอ้อมเป็นวง ประตูลั่นมั่นคงขอบรั้วกั้น กองไฟสว่างดังกลางวัน หมายสำคัญตรงมาหน้าประตู จึงร่ายมนตรามหาสะกด เสื่อมหมดอาถรรพณ์ที่ฝังอยู่ ภูตพรายนายขุนช้างวางวิ่งพรู คนผู้ในบ้านก็ซานเซอะ
คำศัพท์
บริกรรม หมายถึง สำรวมในร่ายมนตร์หรือเสกคาถาซ้ำๆหลายๆหน เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์
ถอดความได้ว่า
นำดาบที่เคยรบมาร่ายมนตร์เสกคาถา และลงจากเรือนรีบไปบ้านขุนช้าง เมื่อมาถึงก็เห็นคนนอนหลับกันหมด ประตูปิดสนิท มีกองไฟสว่างอยู่หน้าบ้าน พลายงามรีบมาที่หน้าประตู ร่ายมนตร์สะกดพวกผีพรายของขุนช้าง ผู้คนในบ้านต่างง่วงหลับด้วยมนตร์ของพลายงาม
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับ นอนทับคว่ำหงายก่ายกันเปรอะ จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะ โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี ใช้พรายถอดกลอนถอนลิ่ม รอยทิ่มถอดหลุดไปจากที่ ย่างเท้าก้าวไปในทันที มิได้มีใครทักแต่สักคน มีแต่หลับเพ้อมะเมอฝัน ทั้งไฟกองป้องกันทุกแห่งหน ผู้คนเงียบสำเนียงเสียงแต่กรน มาจนถึงเรือนเจ้าขุนช้าง
ถอดความได้ว่า
ผู้คนในบ้านต่างก็ง่วงหลับด้วยมนต์ของพลายงาม นอนทับกันไปมา พลายงามจึงใช้ให้พรายไปถอดกลอนประตู และก้าวเข้าไปถึงเรือนของขุนช้าง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จุดเทียนสะกดข้าวสารปราย | ภูตพรายโดดเรือนสะเทือนผาง |
สะเดาะดาลบานเปิดหน้าต่างกาง | ย่างเท้าก้าวขึ้นร้านดอกไม้ |
หอมหวนอวลอบบุปผชาติ | เบิกบานก้านกลาดกิ่งไสว |
เรณูฟูร่อนขจรใจ | ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม |
ข้าไทนอนหลับลงทับกัน | สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม |
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวาม | อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา |
คำศัพท์
ข้าวสารปราย หมายถึง ข้าวสารที่เสกแล้วซัดให้กระจาย
ร้านดอกไม้ ในที่นี้หมายถึงชานเรือนโบราณที่ปลูกดอกไม้ไว
สะเดาะกลอน หมายถึง ทำให้กลอนประตูหลุดออกได้ด้วยคาถาอาคม
ถอดความได้ว่า
พลายงามจุดเทียนร่ายมนต์สะกด โปรยข้าวสารเสกใส่ทำให้ภูตพรายหนีกันอลหม่าน จึงสะเดาะกลอนประตูเข้าไปถึงสามชั้น บานหน้าต่าง เข้าไปข้างในห้อง และได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่หอมหวนอบอวลไปทั่วห้อง แล้วก้าวเข้าไปอย่างเงียบๆ พวกข้ารับใช้กำลังนอนหลับ พลายงามจึงใช้มนตร์สะเดาะกลอนประตูเข้ามาภายในถึง3ชั้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ม่านมู่ลี่มีฉากประจำกั้น | อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา |
ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมา | เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง |
นิ่งนอนอยู่บนเตียงเคียงขุนช้าง | มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง |
เจ็บใจดังหัวใจจะพังพอง | ขยับจ้องดาบง่าอยากฆ่าฟัน |
จะใครถีบขุนช้างที่กลางตัว | นึกกลัวจะถูกแม่วันทองนั่น |
พลางนั่งลงนอบนบอภิวันทน์ | สะอื้นอั้นอกแค้นน้ำตาคลอ |
คำศัพท์
อัฒจันทร์ ในที่นี้หมายถึง ชั้นที่ตั้งเครื่องแก้วซึ่งเป็นของประดับบ้าน
ถอดความได้ว่า
เมื่อเข้าไปถึงในห้องมีทั้งกระจกฉาก และม่านมู่ลี่ที่กั้นอยู่ เมื่อพลายงามเดินมาถึง พลายงามจึงเปิดมุ้งและเห็นขุนช้างนอนกอดแม่วันทองอยู่ จึงเจ็บใจจนอยากจะชักดาบมาฆ่ามัน คิดจะถีบขุนช้างก็กลัวจะถูกแม่วันทอง พลายงามจึงนั่งลงและยกมือไหว้ สะอื้นน้ำตาคลอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย | ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ |
เวรกรรมนำไปไม่รั้งรอ | มิพอที่จะต้องพรากก็จากมา |
มันไปฉุดมารดาเอามาไว้ | อ้ายหัวใสข่มเหงไม่เกรงหน้า |
ที่ทำแค้นกูจะแทนให้ทันตา | ขอษมาแม่แล้วก็ขับพราย |
เป่าลงด้วยพระเวทวิทยา | มารดาก็ฟื้นตื่นโดยง่าย |
ดาบใส่ฝักไว้ไม่เคลื่อนคลาย | วันทองรู้สึกกายก็ลืมตา |
คำศัพท์
วิทยา หมายถึง ความรู้
ถอดความได้ว่า
พลายงามรำพันว่านางวันทองไม่ควรพลัดพรากจากขุนแผน แล้วโทษว่าเป็นเวรกรรมที่ทำให้ต้องแยกกัน พรายงามได้แม่แล้วขอขมาไล่พราย พร้อมทั้งเป่ามนต์ให้แม่วันทองตื่นขึ้นมา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง | ต้องมนตร์มัวหมองเป็นหนักหนา |
ตื่นพลางทางชำเลืองนัยน์ตามา | เห็นลูกยานั้นยืนอยู่ริมเตียง |
สำคัญคิดว่าผู้ร้ายให้นึกกลัว | กอดผัวร้องดันจนสิ้นเสียง |
ซวนซบหลบลงมาหมอบเมียง | พระหมื่นไวยเข้าเคียงห้ามมารดา |
อะไรแม่แซ่ร้องทั้งห้องนอน | ลูกร้อนรำคาญใจจึงมาหา |
จะร้องไยใช่โจรผู้ร้ายมา | สนทนาด้วยลูกอย่าตกใจ |
คำศัพท์
นัยน์ตา หมายถึง ดวงตา
ถอดความได้ว่า
นางวันทองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสายตามองเห็นพลายงามแต่คิดว่าเป็นโจรจึงเข้า กอดขุนช้างด้วยความกลัว พลายงามปลอบ บอกนางวันทองว่าลูกพลายงามเอง ไม่ใช่โจรผู้ร้าย แม่อย่าตกใจไปเลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครานั้นวันทองผ่องโสภา | ครั้นรู้ว่าลูกยาหากลัวไม่ |
ลูกออกมาพลันด้วยทันใด | พระหมื่นไวยเข้ากอดเอาบาทา |
วันทองประคองสอดกอดลูกรัก | ซบพักตร์ร้องไห้ไม่เงยหน้า |
เจ้ามาไยป่านนี้นี่ลูกอา | เขารักษาอยู่ทุกแห่งตำแหน่งใน |
ใส่ดาลบ้านช่องกองไฟรอบ | พ่อช่างลอบเข้ามากระไรได้ |
อาจองทะนงตัวไม่กลัวภัย | นี่พ่อใช้ฤาว่าเจ้ามาเอง |
ถอดความได้ว่า
เมื่อวันทองรู้ว่าพลายงามมาหา ก็รีบลุกเข้าไปกอดพลายงามแล้วก็ซบหน้าร้องไห้
แล้วถามว่าลูกผ่านคนที่คอยเฝ้าอยู่มาได้ยังไงที่นี่มีคนคอยเฝ้าดูแลอยู่ทุกตำแหน่ง
ทำไมถึงรอดเข้ามาได้ลูกไม่กลัวหรอ นี่ขุนแผนใช้ลูกมา หรือ ลูกมาเอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการ | เขาจะรุกรานพาลข่มเหง |
จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรง | ฉวยสบเพลงพลาดพล้ำมิเป็นการ |
มีธุระสิ่งไรในใจเจ้า | พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน |
มิควรทำเจ้าอย่าทำให้รำคาญ | อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ |
จมื่นไวยสารภาพกราบบาทา | ลูกมาผิดจริงหาเถียงไม่ |
รักตัวกลัวผิดแต่คิดไป | ก็หักใจเพราะรักแม่วันทอง |
คำศัพท์
ฉวยสบเพลง หมายถึง บังเอิญถูกจังหวะ
ถอดความได้ว่า
ถ้าขุนช้างตื่นมาอาจจะทำร้ายลูกได้นะแม่เป็นห่วงมาก แม่กลัวว่าถ้าลูกเสียจังหวะ
พลาดพล้ำไปพลายงามอาจจะถูกทำร้ายได้นะแม่กลัว ถ้ามีธุระอะไรด่วนก็รีบมาเล่าให้แม่ฟัง แล้วก็รีบกลับไปซะ อย่าทำตัวกล้าหาญเหมือนขุนแผนพ่อของลูก พลายงามกราบเท้าแม่แล้วบอกว่าลูกทำผิดจริงจะไม่เถียงผิดที่คิดไปแต่ก็ต้องจำ ใจเพราะรักแม่วันทอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ | พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง |
มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง | พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ |
ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น | เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ |
ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูน | ถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะสำราญ |
ลูกมาหมายว่าจะมารับ | เชิญแม่วันทองกลับคืนไปบ้าน |
แม้จะบังเกิดเหตุเภทพาล | ประการใดก็ตามแต่เวรา |
ถอดความได้ว่า
ทุกวันนี้พลายงามสบายมียศถาบรรดาศักดิ์ มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทองบ่าวไพร่เมียก็มีสองคน ผู้ใหญ่ฝ่ายพอก็อยู่ดี ยังขาดแต่แม่วันทองไม่มองเห็น อยู่ไปก็เหมือนตายไม่เคยสนใจเพราะอย่างนี้ที่ยังทุกข์หนัก ถ้ามีแม่วันทองด้วยจะสุขสำราญ ที่ลูกมาตั้งใจว่าจะมารับแม่วันทองกลับบ้านเรา ถึงจะเกิดเรื่องก็แล้วแต่เวรแต่กรรม
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาอยู่ไยกับอ้ายหินชาติ | แสนอุบาทว์ใจจิตริษยา |
ดังทองคำเลี่ยมปากกะลา | หน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม |
เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว | มาเกลือกกลั้วปทุมมาลย์ที่หวานหอม |
ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม | ว่านักแม่จะตรอมระกำใจ |
แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ | เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่ |
จะคิดถึงลูกบ้างฤาอย่างไร | ฤาหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย |
ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้า | แม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย |
ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย | เหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา |
คำศัพท์
มินหม้อ หมายถึง เขม่าดำที่ติดก้นหม้อ
ถอดความได้ว่า
มาอยู่ทำไมกับคนเลวทรามชั่วขี้อิจฉาแบบนี้ หน้าตาก็มอมแมมดำอย่างกับเขม่าที่ติดก้นหม้อ น่าเกลียดเหมือนแมลงวันเน่ามาบินตอมดอกไม้ที่สวยงามอย่างแม่ เหมือนคนชั่วมาปนกับคนดี จะว่ามากก็กลัวแม่จะทุกข์ใจ แม่เลี้ยงลูกมาถึง 7 ขวบ เพราะเคราะห์กรรมของแม่ถึงต้องจากกัน แม่วันทองคิดถึงลูกบ้างไหม หรือว่าแม่ไม่คิดถึงลูกเลย ถ้าแม่ยังเอ็นดูลูกอยู่ แม่รีบไปกับอยู่กับลูก เหมือนครั้งที่แม่เคยเลี้ยงดูลูกมา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***********
ถอดคำประพันธ์โดยเด็ก 6/7 นบ. รุ่น81
ผิดพลาดประการใดโปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้แก้ไข