สำหรับแม่ท้องมือใหม่ไม่ต้องกังวลกันไปค่ะ เพราะในบทความนี้ Mama’s Choice ได้รวบรวม 5 เทคนิคการทานอาหารให้เจ้าตัวน้อยในครรภ์เติบโตสมบูรณ์และแข็งแรงสมวัยไปพร้อมๆ กับคุณแม่มาให้อ่านกันแล้ว ตามมาเลยค่ะ
1. สร้างกล้ามเนื้อด้วยโปรตีน กินยังไงให้ลงลูก
สารอาหารกลุ่มแรกอย่างโปรตีน ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ นม ไข่ หรือพืชตระกูลถั่ว ซึ่งสารอาหารกลุ่มนี้เหมาะกับแม่ท้องมากๆ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้กับแม่ท้องเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของโปรตีน คือ การเข้าไปช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและภูมิคุ้มกันให้กับเจ้าตัวเล็กในครรภ์นั่นเองค่ะ
2. เสริมความแข็งแรงด้วยแคลเซียมและธาตุเหล็ก
นอกจากสารอาหารกลุ่มโปรตีนแล้ว สารอาหารสำคัญอย่างธาตุเหล็กและแคลเซียมก็จำเป็นสำหรับทารกในครรภ์ด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วแม่ท้องจะได้รับวิตามินทั้ง 2 ชนิด จากคุณหมอมารับประทานกันอยู่แล้วเพราะสารอาหารอย่างธาตุเหล็กนั้นจะช่วยสร้างเม็ดเลือดให้กับทารก ส่วนแคลเซียมนั้นจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้กับเขา เรียกได้ว่าสารอาหารกลุ่มนี้เจ้าตัวเล็กจะได้รับไปเต็มๆ เลยล่ะค่ะ
แต่นอกจากวิตามินที่คุณหมอจ่ายมาให้แม่ท้องรับประทานกันแล้ว คุณแม่ยังสามารถรับสารอาหารกลุ่มนี้ได้จากการทานอาหารชนิดอื่นๆ ที่หาได้ง่ายๆ ในชีวิตประวัน อย่างเช่น นม ไข่แดง ตับ หรือผักใบเขียวต่างๆ เช่น คะน้า ตำลึง ฯลฯ
3. ลดแป้ง ลดน้ำตาล
การที่คุณแม่ตั้งท้องนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทานเพิ่มเป็น 2 เท่าเผื่อลูกน้อยนะคะ โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่หากคุณแม่ทานเพิ่มเป็น 2 เท่านั้น ย่อมต้องส่งผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน เช่น ทารกในครรภ์เสี่ยงเป็นโรคอ้วน แม่ท้องความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น
ดังนั้น เราขอแนะนำให้แม่ท้องลดการทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าวขาว ขนมปังขัดสี ขนมหวาน และผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงลงเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ โดยคุณแม่สามารถหันไปทานข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชที่ให้พลังงานสูง ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทดแทนได้
4. แบ่งทานมื้อละนิดละหน่อย
พอตั้งท้องกระเพาะอาหารและลำไส้ของคุณแม่จะถูกเบียดจากเจ้าตัวเล็ก ทำให้การทานอาหารตามแบบมื้อปกติที่กินน้อยครั้งแต่เน้นปริมาณมากๆ อาจทำให้คุณแม่รู้สึกแน่นท้องและมีการท้องอืดในบางครั้ง อีกทั้งวิธีการรับประทานอาหารแบบนี้ยังทำให้น้ำหนักส่วนใหญ่ไปค้างอยู่ที่คุณแม่มากกว่าลูกน้อยในครรภ์
ดังนั้น เพื่อให้น้ำหนักส่วนใหญ่ไปอยู่ที่เจ้าตัวเล็ก เราขอแนะนำให้คุณแม่แบ่งทานมื้อละนิดละหน่อยจะดีกว่าค่ะ ตัวอย่างเช่น ปกติคุณแม่ทานอาหาร 3 มื้อก็เปลี่ยนเป็นทานอาหาร 6 มื้อต่อวัน โดยแบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็กๆ ให้แค่พออิ่ม ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับเจ้าตัวเล็กแล้ว ยังทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณแม่ทำงานได้ดีขึ้น รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการเกิดอาการท้องอืดได้อีกด้วยค่ะ
5. ทานอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่
การทานอาหารให้หลากหลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับเจ้าตัวเล็กในครรภ์ คุณแม่ไม่จำเป็นที่จะต้องทานอาหารเดิมๆ ซ้ำๆ เพราะการทานอาหารในรูปแบบนี้จะทำให้แม่ท้องได้รับสารอาหารชนิดเดิมมากเกินความจำเป็น อีกทั้งยังไม่สามารถช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับลูกและยังอาจส่งผลให้เขาแพ้อาหารชนิดนั้นๆ ได้อีกด้วย
ดังนั้นนั้นเราขอแนะนำให้แม่ท้องเปลี่ยนอาหารไปเรื่อยๆ สนุกกับการลองทานอาหารใหม่ๆ เลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่เพื่อที่จะได้บำรุงเจ้าตัวเล็กให้เติบโตแข็งแรงไปพร้อมๆ กับคุณแม่กันดีกว่านะคะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 เทคนิคการรับประทานอาหารดีๆ ที่ Mama’s Choice ได้นำมาฝากกัน อย่างไรก็ตาม การรับประทานนั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่จะช่วยให้ลูกน้อยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่คุณแม่จำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายควบคู่ไปกับการพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ
ขึ้นชื่อว่า “แม่” ทุกคนก็อยากที่จะดูแลลูกน้อยให้ดีตั้งแต่ในครรภ์กันทั้งนั้น แต่คุณแม่บางคนอาจเจอปัญหาที่ลูกน้อยในครรภ์มีน้ำหนักที่ไม่ถึงเกณฑ์ (ไม่นับรวมว่าคุณแม่มีอาการผิดปกติร้ายแรง) แบบนี้ก็จะสร้างความกังวลให้คุณแม่อยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่วันนี้ไม่ต้องกังวลกันอีกแล้วค่ะว่าจะกินอะไรดีที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ลูกในครรภ์ เพราะแม่โน้ตมีข้อมูลดี ๆ มาฝาก
สารบัญ
- น้ำหนักลูกในครรภ์ตามเกณฑ์มาตรฐาน
- กินอะไรเพิ่มน้ำหนักลูกในครรภ์
- เนื้อสัตว์
- อาหารทะเล
- ไข่
- ผักใบเขียว
- ถั่วและธัญพืช
- นม ชีส และโยเกิร์ต
น้ำหนักลูกในครรภ์ตามเกณฑ์มาตรฐาน
ก่อนที่เราจะไปถึงเรื่องของอาหาร แม่โน้ตอยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูในเรื่องของน้ำหนักลูกน้อยที่ตรงตามเกณฑ์กันสักนิดค่ะ เพื่อต่อไปคุณแม่จะได้จัดการเรื่องโภชนาการของตัวเองได้อย่างถูกต้อง
อายุครรภ์ 8 -11 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 1 – 7 กรัมอายุครรภ์ 12 – 15 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 14 – 70 กรัมอายุครรภ์ 16 – 19 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 100 – 240 กรัมอายุครรภ์ 20 – 23 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 300 – 501 กรัมอายุครรภ์ 24 – 27 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 600 – 875 กรัมอายุครรภ์ 28 – 31 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 1,500 – 1,502 กรัมอายุครรภ์ 32 – 35 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 1,702 – 2,383 กรัมอายุครรภ์ 36 – 39 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 2,622 – 3,288 กรัมอายุครรภ์ 40 – 43 สัปดาห์น้ำหนักจะอยู่ที่ 3,462 – 3,717 กรัมข้อมูลอ้างอิง kapook.com
กินอะไรเพิ่มน้ำหนักลูกในครรภ์
ไปเริ่มกันเลยค่ะสำหรับอาหารที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวลูกน้อยในครรภ์
เนื้อสัตว์
นำนำเนื้อสัตว์ที่ไม่ค่อยติดมัน อาทิ อกไก่ ไก่งวง หรือสันในหมู เหล่านี้เป็นอาหารที่จะไม่ทำให้คุณแม่อ้วนแล้ว ยังอุดมไปด้วยโปรตีน และสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายหลายชนิดอาทิ ธาตเหล็กและวิตามินบี ที่จำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์
อาหารทะเล
ในอาหารทะเลอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 โดยเฉพาะกลุ่มปลาทะเลน้ำลึกอย่างปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาดุก ปลากะพง และปลาทูก็ได้เช่นกัน แต่แนะนำว่าไม่ควรกินดิบเด็ดขาดค่ะ
ไข่
สำหรับคุณแม่คนไหนที่ไม่ถนัดเนื้อสัตว์ ก็หันมากินไข่แทนก็ได้ค่ะ เพราะไข่ก็อุดมไปด้วยโปรตีนที่สำคัญ วิตามิน และเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังกรดอะมิโนคลีน และโฟลิก ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนในครรภ์ให้เติบโตมีน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน ซึ่งคุณแม่ไม่ควรกินเกิน 1 ฟอง/วัน และควรปรุงให้สุกเสียก่อนค่ะ
ผักใบเขียว
อาหารอีกหนึ่งประเภทที่คุณแม่ควรกินเลยก็คือ ผักใบเขียว เพราะในผักจะมีกากใยสูง ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดี เช่น บรอกโคลี ผักโขม คะน้า หรือดอกกะหล่ำ ในผักเหล่านี้นอกจากจะอุดมไปด้วยวิตามินเอ และแร่ธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังมีโปรตีน ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายลูกน้อย และแคลเซียมที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก เล็บ และฟันที่แข็งแรงอีกด้วยค่ะ
ถั่วและธัญพืช
สารอาหารสำคัญในกลุ่มนี้ ได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม และวิตามินบีรวม ที่ช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้อย่างดีเยี่ยม โดยถั่วที่คุณแม่ควรเลือกกินคือประเภทอัลมอนด์ วอลนัท ถั่วแดง ถั่วเหลือง หรือถั่วดำ รวมถึงธัญพืชชนิดต่าง ๆ เช่น ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต นอกจากนี้ยังมีในส่วนของข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ทีดีกว่าการกินข้าวขาวอีกด้วยค่ะ
ลูกเดือย เป็นอีกหนึ่งธัญพืชที่มีประโยชน์มากค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้ดีแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการป้องกันการเป็นเหน็บชาได้ค่ะ
นม ชีส และโยเกิร์ต
เป็นอีกหนึ่งอาหารที่หลายคนเลี่ยง เพราะกลัวอ้วน แต่ความจริงปัจจุบันในท้องตลาดเราจะมีผลิตภัณฑ์ชีสสูตรไขมัน 0% โยเกิร์ตสูตรน้ำตาลน้อยมีให้เลือกหลายชนิด หรือคุณแม่จะเปลี่ยนมาเป็นกินนมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์แทนก็ได้ค่ะ แต่สำคัญคือ ควรกินสลับชนิดกันไป ไม่กินอย่างเดียวซ้ำ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงลูกน้อยแพ้โปรตีนจากนมวัว โดยดื่มอย่างน้อยวันละ 200 – 500 มิลลิลิตร หรือโยเกิร์ตไม่เกิน 2 ถ้วย/วัน
การกินอาหารให้ได้โภชนาการที่ดี ลูกน้อยมีน้ำหนักตามเกณฑ์นั้นไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแต่คุณแม่ควรวางแผนให้ดีใน 1 วัน และไม่ควรกินอาหารเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันเป็นระยะเวลานาน ๆ เพราะจะส่งผลให้ลูกน้อยได้สารอาหารที่ไม่หลากหลายนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง sanook.com, kapook.com
แม่โน้ต
3,185,018 viewsMommy Blogger ที่มียอดวิวในเว็บไซต์ simplymommynote.net มากกว่า 200,000 วิว ต่อเดือน ใช้วิธีการเลี้ยงลูกแบบ Tradigital รักการเขียน มีลูกสาว และครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดเรื่องราว ชอบเรียนรู้เรื่องจิตวิทยา และสิ่งใหม่ ๆ IG : notepatsita Facebook