ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ได้นำเสนอความสามารถที่เรียกว่า “Adoptable Storage” ให้สามารถตั้งค่าให้เมมโมรี่การ์ดทำงานได้เหมือนเป็นหน่วยความจำ ROM ภายในตัวเครื่องได้ แต่ส่วนใหญ่จะมีให้ใช้งานได้เลยเฉพาะในโทรศัพท์มือถือ Android ราคาประหยัดที่มี ROM ขนาด 8GB หรือน้อยกว่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพฯ และเก็บข้อมูลได้มากขึ้น แม้ว่าถ้ามองตามสเปคแล้ว เมมโมรี่การ์ดจะทำงานช้ากว่าหน่วยความจำในตัวเครื่องอยู่มากก็ตาม แต่ถึงทำงานช้า (ความเร็วยังพอรับได้) ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ให้เก็บข้อมูลเพิ่มได้เลยจริงไหมครับ
ถึงกระนั้น โทรศัพท์มือถือ Android ที่มีขนาด ROM มากกว่า 8GB ก็ยังสามารถใช้งานคุณสมบัติ “Adoptable Storage” นี้ได้ด้วย เพียงแต่โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะปิดการใช้งานคุณสมบัตินี้ไว้ ถ้าคุณต้องการเปิดใช้งาน เพื่อให้โทรศัพท์ของคุณสามารถติดตั้งแอพฯ และเก็บข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม ก็จำเป็นต้องเปิดใช้งานมันด้วยตัวเองด้วยการเปิดใช้งานโหมด Developer หรือโหมดนักพัฒนานั่นเอง
ขนาด ROM ในโทรศัพท์มือถือเพิ่มจาก 64GB เป็น 96GB ได้อย่างไร มาติดตามและลองทำตามไปด้วยกันครับ
สิ่งที่ต้องจัดเตรียม
1. โทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 6.0 Marshmallow ขึ้นไป ที่มีสล็อตติดตั้ง micro SD card
โดยในบทความนี้ได้ใช้ Asus ZenFone4 สำหรับการนำมาเปิดใช้งานคุณสมบัติ “Adoptable Storage”
2. เมมโมรี่การ์ดแบบที่โทรศัพท์ Android ของคุณรองรับ ซึ่งส่วนใหญ่จะรองรับแบบ microSD card ควรตรวจสอบว่าโทรศัพท์ของคุณรองรับขนาดความจุสูงสุดได้เท่าไหร่ ให้คุณใช้ขนาดความจุที่ไม่เกินสเปคที่โทรศัพท์มือถือคุณรองรับได้ ขณะที่ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลก็สำคัญ เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง ควรมีความเร็วในการเขียนข้อมูลระดับ 60MB/s ขึ้นไป ถ้าเป็น 90MB/s ขึ้นไปได้ก็จะยิ่งดี ส่วนความเร็วในการอ่านข้อมูลก็ให้เลือกที่ความเร็วระดับ 160MB/s ขึ้นไปจะดีมาก ที่สำคัญเมื่อคุณเปิดใช้งานคุณสมบัติ “Adoptable Storage” นี้แล้ว ไม่ควรจะถอดสับเปลี่ยนเมมโมรี่การ์ดอีก เพราะจะทำให้ระบบทำงานผิดพลาดได้ เนื่องจากเมมโมรี่การ์ดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยความจำหลักในระบบไปแล้วนั่นเอง
3. อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จโทรศัพท์ เพื่อป้องกันเครื่องดับในขณะที่ระบบกำลังดำเนินการตั้งค่าให้เมมโมรี่การ์ดเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลหลักภายในเครื่องจากสาเหตุแบตเตอรี่หมด จึงควรเสียบสายชาร์จให้กับโทรศัพท์ไว้ก่อนจะดีกว่า หรืออย่างน้อยๆ แบตเตอรี่ก็ควรจะชาร์จจนเต็มก่อนดำเนินการใด ๆ
ติดตั้ง ADB Tool ลงในเครื่องพีซีก่อน
ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ให้เราต้องติดตั้งเครื่องมือที่มีชื่อว่า ADB Tool ลงไปในเครื่องพีซีก่อน โดยดาวน์โหลดได้ที่ //bit.ly/2xTgtAF ส่วนวิธีการติดตั้งนั้น ให้ดำเนินการดังนี้
เปิดใช้งาน Developer Mode ให้กับโทรศัพท์มือถือ
ขั้นตอนต่อมาก็จะเป็นการเปิดใช้งาน Developer Options และเปิดใช้งานคุณสมบัติ USB Debugging ให้กับโทรศัพท์มือถือ Android ของเรา ในบทความนี้ เราจะใช้โทรศัพท์มือถือ Asus รุ่น ZenFone4 ที่อัพเดตล่าสุดเป็น Android 8 มาแสดงเป็นตัวอย่างในการตั้งค่า โดยมีขั้นตอนดังนี้
เปิดการทำงาน Adoptable Storage ให้โทรศัพท์ Android
ในส่วนนี้เราก็ถึงเวลาเปิดใช้งานคุณสมบัติ Adoptable Storage กันเสียที ให้ดำเนินการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับพีซี แล้วทำตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
ตั้งค่าให้เมมโมรี่การ์ดเป็นหน่วยความจำในเครื่อง
หลังจากเปิดการใช้งาน Adoptable Storage ให้กับโทรศัพท์แล้ว ต่อไปก็จะเป็นการตั้งค่าให้เมมโมรี่การ์ดเป็นหน่วยความจำหลักในตัวเครื่อง สำหรับผู้ที่ใช้มือถือ Android ที่มี ROM ขนาดน้อยกว่า 8GB ก็ใช้วิธีการตั้งค่าแบบเดียวกันนี้ได้ด้วยเช่นกัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
สรุป
ต้องขอบคุณ Google ที่พัฒนาคุณสมบัติ “Adoptable Storage” ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ Android สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลได้มากขึ้น อาจจะใช้ขั้นตอนและวิธีการมากสักหน่อย แต่ถ้าลองทำแล้วก็คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้มือถือ Android ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเมมโมรี่การ์ดมีการทำงานที่ช้ากว่าหน่วยความจำ ROM ในตัวเครื่องมาก การเปิดแอพฯ ก็อาจจะไม่รวดเร็วเท่า การเลือกใช้ microSd card ที่ให้ประสิทธิภาพการอ่านและเขียนข้อมูลได้ดีที่สุดเท่าที่งบประมาณจะเอื้ออำนวยจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ดี เราก็สามารถมองในแง่ดีจากประโยชน์ของมันได้ว่า เมื่อถึงคราวที่ ROM ถูกใช้งานจนใกล้เต็มแล้ว ถึงจะทำงานช้ากว่าก็ยังดีกว่าไม่มีให้ใช้งานเลย คุณผู้อ่านคิดว่าจริงหรือไม่ครับ