ส่งของ EMS VS ส่งแบบลงทะเบียน
หากพูดถึงบริษัทขนส่งในประเทศไทยแล้ว ก็ต้องนึกถึง ไปรษณีย์ไทย ที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยไปรษณีย์ไทยให้บริการหลากหลายรูปแบบ เช่น ส่งแบบพัสดุ ส่งแบบลงทะเบียน ส่งแบบด่วน และส่งระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยการบริการที่ได้รับความนิยมคือ ส่งแบบลงทะเบียน และส่งด่วน ซึ่งร้านค้าออนไลน์รวมถึงธุรกิจ E-commerce ทั้งรายย่อยและรายใหญ่นิยมใช้กัน แล้วระหว่างการส่งแบบลงทะเบียนกับส่งด่วน มีข้อแตกต่างและข้อดีข้อเสียยังไง วันนี้ Shipjung รวบรวมมาให้แล้ว
การจัดส่งแบบธรรมดา (Parcel Post)
เป็นรูปแบบการจัดส่งพัสดุที่ได้รับความนิยมค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน เพราะไม่สะดวกเท่าการส่งรูปแบบอื่นๆ การส่งแบบธรรมดา ใช้เวลาในการจัดส่ง 5 วันโดยประมาณในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลด้วยกัน และ7วันโดยประมาณในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ การส่งแบบธรรมดา ยังไม่สามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ แต่สามารถตรวจสอบกับที่ทำการไปรษณีย์ได้ การจัดส่งแบบธรรมดา สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม วงเงินประกันความเสียหายของพัสดุสูงสุด 1,000 บาทและสามารถซื้อประกันพัสดุเพิ่มได้ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการส่งของที่มีขนาดค่อนข้างหนัก และไม่เร่งรีบในการจัดส่ง
การส่งแบบลงทะเบียน (Registered หรือ REG)
ในแวดวงร้านค้าออนไลน์ มักย่อว่า ลทบ. ตัวอักษรหน้าเลขสถานะจะขึ้นต้นด้วยตัว R เช่น RG, RB เป็นต้น การจัดส่งแบบลงทะเบียนจะมีราคาถูก เนื่องจากเป็นการส่งพัสดุแบบธรรมดา ส่วนระยะเวลาการจัดส่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วยกัน จะอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน และต่างจังหวัดประมาณ 3-5 วันโดยประมาณ การจัดส่งแบบลงทะเบียน มีวงเงินรับประกัน สำหรับพัสดุมูลค่าไม่เกิน 300 บาท ไม่ว่าพัสดุจะมีมูลค่ามากกว่า 300 บาท แต่วงเกินประกันก็สูงสุดที่ 300 บาทเท่านั้น และมีเงื่อนไขสำคัญคือ พัสดุจะต้องหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม สำกรับการติดตามพัสดุนั้น จะติดตามได้แค่เมื่อ รับพัสดุเข้าระบบ พัสดุถึงไปรษณีย์ปลายทาง และผู้รับได้ของแล้วเท่านั้น ดังนั้นการจัดส่งแบบลงทะเบียนจึงเหมาะกับ พัสดุที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา มีมูลค่าไม่สูง และผู้รับไม่เร่งรีบในการรับพัสดุ
ส่งของ EMS (บริการส่งด่วน)
บริการส่งของ SMS ย่อมาจาก Express Mail Service คือการจัดส่งแบบเร่งด่วน ตัวอักษรหน้าเลขสถานะจะขึ้นต้นด้วยตัว E เช่น EA, EK จะมีราคาสูงกว่าแบบลงทะเบียน เนื่องจากใช้เวลาในการจัดส่งน้อยกว่า โดยประมาณอยู่ที่ 1-2 วันในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วยกัน และ 2-3 วันในพื้นที่ต่างจังหวัด มีวงเงินประกันพัสดุเสียหายสูงสุดที่ 2,000 บาท สามารถซื้อประกันพัสดุเพิ่มได้ และสามารถติดตามสถานะพัสดุได้ในทุกๆขั้นตอน ซึ่งจะมีความละเอียดมากกว่าแบบลงทะเบียน และสามารถส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมากกว่าแบบลงทะเบียนถึง 10 เท่า (20 กิโลกรัม) การจัดส่งของ EMS เหมาะกับพัสดุที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง มีน้ำหนักมากกว่า 2 กิโลกรัม และผู้รับต้องการรับพัสดุเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและความต้องการของผู้รับปลายทาง และสำหรับใครที่ต้องการส่งของ EMS สามารถใช้บริการผ่าน Shipjung ได้เลย มาพร้อมกับ บริการ SMS Trackingแจ้งเตือนสำหรับลูกค้าปลายทาง และ บริการ drop-off พร้อมปรับราคาใหม่ ประหยัดมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถทราบราคาก่อนจัดส่งและชำระค่าส่งของผ่านบัตรเครดิตได้อีกด้วย
สนใจใช้บริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การส่งพัสดุแบบ EMS
การส่งแบบนี้ รหัสจะขึ้นต้นด้วยตัว E เช่น EA/EG/EH/EJ/EK ซึ่งก็ย่อมากจากคำว่า EMS นั่งเอง ซึ่งการจัดส่งแบบนี้จะปลอดภัยและได้ของเร็วที่สุด แต่ข้อเสียของมันก็คือ แพง โดยการส่งแบบ EMS นี้ จะมีรหัสพัสดุ
(TAG) ที่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุทางอินเตอร์เน็ตได้ โดยข้อดีของมันจะอัพเดทลำดับการส่งอย่างละเอียดว่าของถึงไหนแล้ว และยังจัดส่งของในวันอาทิตย์ด้วย ถ้าลูกค้ามีความต้องการสินค้าอย่างรวดเร็วให้เลือกส่งแบบ Ems จะมีการจัดส่งที่เร็วกว่ามาก และมีกำหนดถึงที่แน่นอนกว่า
การส่งแบบ Ems นี้ จะจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม หากของสูญหายจะได้ค่าประกันพัสดุในวงเงิน 2,000 บาท และสำหรับระยะเวลาในการจัดส่งคร่าวๆ ก็ได้แก่
- พื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับของในวันถัดไป ไม่เกิน 12.00 น. หรือ 16.30 น. (แล้วแต่ระยะทาง)
- พื้นที่ปลายทางในเขตภาคเดียวกัน จะได้รับของในวันถัดไป ประมาณ 1-2 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางที่อยู่ในภาคอื่น จะได้รับของภายใน 2-3 วันทำการ
การส่งพัสดุแบบลงทะเบียน
การส่งแบบนี้รหัสพัสดุจะขึ้นต้นด้วยตัว R นำหน้า เช่น
RA/RB/RC/RD/RF/RG เรียกว่า รวมสารพัด R โดยการส่งแบบลงทะเบียนจะเป็นแบบที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากราคากำลังพอเหมาะ ไม่แพงจนเกินไป และยังมีรหัสพัสดุที่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุทางอินเตอร์เน็ตได้เช่นเดียวกับ EMS แต่จะแตกต่างตรงที่ข้อมูลจะโชว์แค่ว่ารับเข้าระบบแล้ว จากนั้นก็จะขึ้นอีกทีคือแจ้งให้ทราบว่าไปถึงปลายทางแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบสถานะกลางทางได้
การส่งแบบลงทะเบียนนี้ จะจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม หากของสูญหายจะได้รับค่าประกันพัสดุในวงเงิน 300 บาท และสำหรับระยะเวลาในการจัดส่งคร่าวๆ ได้แก่
- พื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับของประมาณ 3-4 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางในเขตภาคเดียวกัน จะได้รับของประมาณ 4-5 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางที่อยู่ในภาคอื่น หากไม่ไกลมากก็จะใช้เวลาประมาณ 5-6 วันทำการ แต่หากอยู่พื่นที่ไกลมากหรือพี่นที่นำจ่ายไปรษณีย์จ้างให้เอกชนส่งแทน จะทำให้กำหนดเวลารับของไม่แน่นอน คือถ้าพัสดุน้อยอาจจะต้องรอรวมส่งจะใช้เวลานานกว่าปกติ
พัสดุธรรมดา (ลงทะเบียนในตัว)
การส่งแบบนี้ รหัสพัสดุจะขึ้นต้นด้วยตัว P นำหน้า เช่น PA/PB/PC/PD โดยการส่งของแบบนี้ จะลงทะเบียนในตัว แต่ไม่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุทางอินเตอร์เน็ตได้ แต่สามารถตรวจสอบได้ที่สำนักงานไปรษณีย์ต้นทางและปลายทางเท่านั้น เหมาะสำหรับการส่งของที่มีน้ำหนักค่อนข้างสูง (ปกติหากสินค้าน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัม พนักงานไปรษณีย์มักจะปรับเป็นการส่งแบบพัสดุธรรมดาโดยอัตโนมัติ)
การส่งแบบธรรมดานี้ จะจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม หากของสูญหายจะได้รับค่าประกันพัสดุในวงเงิน 1,000 บาท สำหรับระยะเวลาในการจัดส่งคร่าวๆ จะใกล้เคียงกับพัสดุลงทะเบียน ได้แก่
- พื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับของประมาณ 4-5 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางในเขตภาคเดียวกัน จะได้รับของประมาณ 5-6 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางที่อยู่ในภาคอื่น หากไม่ไกลมากก็จะใช้เวลาประมาณ 6-7 วันทำการ แต่หากอยู่พื่นที่ไกลมากหรือพี่นที่นำจ่ายไปรษณีย์จ้างให้เอกชนส่งแทน จะทำให้กำหนดเวลารับของไม่แน่นอน คือถ้าพัสดุน้อยอาจจะต้องรอรวมส่งจะใช้เวลานานกว่าปกติ
การเช็คสถานะการจัดส่งโดยไปรษณีย์ไทย
หมายเหตุ
- ถ้าสินค้ามีมูลค่ามากกว่า 300 บาทแนะนำให้เลือกช่องทางจัดส่งโดย Ems เพราะมีประกันมูลค่าสินค้าสูญหายสูงกว่าแบบอื่น
และไปรษณีย์จะให้ความสำคัญกับความแม่นยำทาง Ems มากกว่า เพราะตรวจสอบสถานะได้ทุกจุด
- ปัจจุบันการจัดส่งทุกประเภทอาจมีความล่าช้าบ้าง ซึ่งเกิดจากการเติบโตของการซื้อขายออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีการจัดส่งพัสดุกันเป็นจำนวนครั้งละมากๆ แต่จำนวนเจ้าหน้าไปรษณีย์มีจำนวนเท่าเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดการจัดส่งล่าช้าโดยไปรษณีย์บ้าง หรือเป็นคนละภาคคนละเขตกันระหว่างคนส่งสินค้ากับคนรับสินค้า หรือบางพื้นที่เป็นพื้นที่ห่างไกล หรือบางพื้นที่ไปรษณีย์จ้างเอกชนเป็นคนนำจ่ายแทน ก็จะทำให้การจัดส่งล่าช้าได้
เนื่องจากจะรอพัสดุและจดหมายเป็นจำนวนมากถึงไปจัดส่งที เพราะจะอ้างว่าไม่คุ้มค่าเสียเวลาและค่าน้ำมัน จะทำให้ล่าช้าได้เหมือนกัน ถ้าลูกค้ามีความต้องการสินค้าอย่างรวดเร็วให้เลือกส่งแบบ Ems จะมีการจัดส่งที่เร็วกว่ามาก และมีกำหนดถึงที่แน่นอน