จิตวิทยา (อังกฤษ: psychology) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ (กระบวนการของจิต) , กระบวนความคิด, และพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เนื้อหาที่นักจิตวิทยาศึกษาเช่น การรับรู้ (กระบวนการรับข้อมูลของ มนุษย์) , อารมณ์, บุคลิกภาพ, พฤติกรรม, และรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจิตวิทยายังมีความหมายรวมไปถึงการประยุกต์ ใช้ความรู้กับกิจกรรมในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน (เช่นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัว, ระบบการศึกษา, การจ้างงานเป็นต้น) และยังรวมถึงการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาสำหรับการรักษาปัญหาสุขภาพจิต นักจิตวิทยามีความพยายามที่จะ ศึกษาทำความเข้าใจถึงหน้าที่หรือจุดประสงค์ต่าง ๆ ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคลและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสังคมขณะ เดียวกันก็ทำการศึกษาขั้นตอนของระบบประสาทซึ่งมีผลต่อการควบคุมและแสดงออกของพฤติกรรม
โครงสร้างของจิตวิทยา
1. ลักษณะเนื้อหาวิชา แบ่งเป็นเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ พัฒนาการของมนุษย์, พันธุกรรม, ระบบการตอบสนอง, การรับรู้, การ รู้สึก, แรงจูงใจ, อารมณ์, ภาษา การคิด และการแก้ปัญหา, เชาวน์ปัญญาและการทดสอบเชาวน์ปัญญา, บุคลิกภาพแบบต่าง ๆ และ การประเมินบุคลิกภาพ, รูปแบบต่างๆของพยาธิสภาพทางพฤติกรรม, จิตบำบัด, และจิตวิทยาชุมชน เป้าหมายของจิตวิทยา
2. เป้าหมายของการศึกษาได้มาจากวิธีการที่แตกต่างกัน 3 ประเภท ได้แก่ การวิจัยบริสุทธิ์หรือการวิจัยพื้นฐาน มาจากการ ค้นคว้าด้วยใจรัก ค้นหาหลักการของพฤติกรรมทั้งของมนุษย์และสัตว์โดยไม่ได้คำนึงว่าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสังคม ได้หรือไม่ ผู้วิจัยต้องเป็นผู้มีระเบียบแบบแผน มีจรรยาบรรณของนักวิจัยมีจริยธรรมและความเป็นกลางทางสังคม
1. การวิจัยประยุกต์ให้ความสนใจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นผลจากการวิจัยในปัญหานี้สามารถนำมาประยุกต์ ใช้ในชีวิตจริงได้ การวิจัยดังกล่าวต้องได้รับการวางแผนดำเนินการควบคุมวิธีการด้วยความระมัดระวัง การวิจัยบริสุทธิ์ก่อให้ เกิดการวิจัยประยุกต์อย่างมีแบบแผน
2. การประยุกต์ใช้ เป็นการประยุกต์คำตอบที่ได้ ไปใช้ในสถานการณ์จริงๆ ในโลกซึ่งไม่มีการควบคุม สภาวะใดๆ นัก จิตวิทยากลุ่มที่มีการประยุกต์ใช้มากที่สุด คือ นักจิตวิทยาคลินิก รองลงมาคือ นักจิตวิทยาการศึกษา
3. สถานที่ดำเนินงานทางจิตวิทยา นักจิตวิทยาสาขาต่างๆทำงานในสถานที่แตกต่างกัน บางสาขาทำวิจัยและสอนใน มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย บาง สาขาทำงานในคลินิกและโรงพยาบาล, ศูนย์บริการให้คำแนะนำปรึกษาต่างๆในโรงเรียน, บริษัท หรือโรงงานอุตสาหกรรม, ศูนย์สุขภาพจิต ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ศูนย์พักฟื้นคนไข้ที่เพิ่งถูกส่งออกจากโรง พยาบาล ศูนย์บริการประชาชน เป็นต้น
ประวัติความเป็นมาของจิตวิทยา
จิตวิทยาได้เริ่มขึ้นโดยนักปราชญ์ชาวกรีก ชื่อเพลโต และอริสโตเติล เพลโตเชื่อว่าการคิดและการใช้เหตุผลเท่านั้น ที่ ทำให้คนเกิดความเข้าใจในสิ่งที่เขาสามารถจะเข้าใจได้โดยไม่สนใจวิธีการสังเกตหรือการทดลองใด ๆ แต่อริสโตเติลกลับเป็น นักสังเกตสิ่งรอบตัวเขาสนใจสิ่งภายนอกที่มองเห็นได้การเข้าใจปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับคนต้องเริ่มด้วยการ สังเกตอย่างมีระบบ
ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ศาสนาเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแนวคิดทางศาสนาเน้นว่าจิตเป็นส่วนที่แยกออกจากร่างกาย
ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 การฟื้นฟูการสืบสวนโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นการละทิ้งความเชื่อแบบเดิม ๆ มีการค้นหา
ความรู้ใหม่ ๆ วิธีการก็เริ่มมีลักษณะที่เป็นวิทยาศาสตร์ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟรานซิส เบคอน กล่าวว่า "ทฤษฎีให้แนวทาง การ วิจัยให้คำตอบ" โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญระหว่างทฤษฎีและการวิจัย
กลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีกลุ่มแนวคิดที่สำคัญเกิดขึ้น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มประจักษ์นิยมชาว บริเตน (British Empiricism) ที่เชื่อว่า ความรู้ผ่านเข้ามาทางสื่อกลางของความรู้สึก จิตเป็นที่รวมของความคิดเห็นนักจิตวิทยา กลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดจิตวิทยากลุ่มสัมพันธนิยม (Associationistic Psychology) นักจิตวิทยาอีกกลุ่มหนึ่งกลับสนใจทาง ชีวภาพ เช่น ความแตกต่างระหว่างประสาทส่วนรับความรู้สึกกับประสาทส่วนการเคลื่อนไหวและลักษณะทางกายที่แสดง ปฏิกิริยาสะท้อน (reflex) นักจิตวิทยากลุ่มนี้พยายามอธิบายการกระทำของมนุษย์ด้วยหลักการทางฟิสิกส์ คือ จิตฟิสิกส์ ซึ่งเป็นวิธี ที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพของสิ่งเร้ากับประสบการณ์รู้สึกที่ผู้ที่ถูกเร้ารายงานออกมา
ที่มา : //th.wikipedia.org/wiki/จิตวิทยา
ทุกวันนี้เรื่องของจิตวิทยาเป็นเรื่องที่คนทั่วไปค่อนข้างให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะมันเกี่ยวข้องถึงเรื่องของสภาพจิตใจภายในที่หากไม่ได้ทำการดูแลให้ดีอาจจะส่งผลในเรื่องที่เราไม่คาดคิดได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องการทำร้ายร่างกาย การฆ่าตัวตาย ส่วนหนึ่งก็มาจากการมีปัญหาทางด้านจิตใจด้วยกันทั้งสิ้น เรื่องของจิตวิทยาจึงกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดสำหรับคนที่มีปัญหาทางเรื่องนี้ การใช้ชีวิตประจำวันของเราเองก็ยังคงจำเป็นต้องมีเรื่องของจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ความสำคัญของจิตวิทยาในคนทั่วไป
- ช่วยทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น เมื่อเรามีจิตวิทยาที่ดีในการดำรงชีวิตเราก็จะรู้ว่าจริงแล้วอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา สามารถจัดลำดับความสำคัญของการกระทำในชีวิตได้เป็นอย่างดี หรือ การสร้างแรงผลักดันให้กับชีวิตของตนเองเพื่อให้รู้สึกว่าชีวิตของตนเองยังคงมีค่าอยู่เสมอ
- ช่วยในเรื่องการปรับตัวและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจิตของตนเอง การเรียนรู้ในเรื่องของจิตวิทยาจะช่วยทำให้เรารู้ถึงวิธีในการปรับตัวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราอย่างมีเหตุและผล อาทิเช่น หากรู้ว่าตอนนี้กำลังโกรธก็จะมีวิธีในการระงับความโกรธที่ดีเพราะเรารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น การรู้ว่าไม่ควรไปสนใจในปมด้อยทั้งของตนเองและผู้อื่น การรู้จักแก้ไขเรื่องความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี
- ช่วยในเรื่องของการตัดสินใจเรื่องของตนเองและผู้อื่นได้ จริงแล้วมันเหมือนกับว่าเป็นการมีสติของเราด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจว่าการใช้หลักจิตวิทยาในการดำเนินชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่จะทำให้ชีวิตของเราไม่เกิดความประมาท เมื่อไม่มีความประมาทก็จะทำให้สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยความยุติธรรมมากขึ้น ใช้เหตุและผลในการตัดสินใจได้ดีขึ้น
- ช่วยให้ชีวิตมีความสุข เมื่อเรามีหลักจิตวิทยาที่ดีในการดำเนินชีวิตเราก็จะรับรู้ได้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ควรทำ สิ่งใดเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง รวมไปถึงรู้วิธีในการค้นหาความสุขที่แท้จริงให้กับชีวิตว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
เช้าใจโลกและสังคมมากขึ้น จริงๆ แล้วคนเราในทุกวันนี้มีคนป่วยเกี่ยวกับจิตมากขึ้นทุกวันเพียงแต่ไม่ได้มีใครแสดงอาการออกมาก็เท่านั้น หากเรารู้และเข้าใจในหลักจิตวิทยาที่ดีมันก็จะทำให้เราเข้าใจโลก เข้าใจสังคม เรียนรู้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลดีกับตัวเราในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน