“ตลอดทั้งปีชาวสวนจะขายมะนาวได้ราคาแค่ 3 เดือน ส่วนอีก 9 เดือน เป็นการดูแลต้น หากมีลูกมะนาวส่วนใหญ่จะขายยกกิโล ต่างคนต่างขาย ไม่เคยมีใครทำแปรรูปมะนาว หลังกลับจากต่างประเทศยังเห็นชาวบ้านยังยึดวิถีเดิมๆ จึงชักชวนเพื่อนบ้านตั้ง กลุ่มแปรรูปสมุนไพรศาลเจ้าแม่ทับทิมท่ายาง แรกๆทดลองทำมะนาวเชื่อม-ดองเกลือ แต่กินไม่ได้เพราะเราไม่มีประสบการณ์”
นายนฤเทพ ศิริเศรษฐ์ เจ้าของสวนมะนาว ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เล่าต่อ...แม้จะหาความรู้จากโซเชียล แต่ลงมือทำผลที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ไหนๆอยากทำแปรรูปแทนขายวัตถุดิบ เพื่อให้คนซื้อมีความเชื่อมั่น จึงเข้าอบรมกับแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลชะอำ ทำแปรรูปน้ำผึ้งมะนาว
แต่ไม่มีประสบการณ์เรื่องการตลาด จึงปรึกษากรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เจ้าหน้าที่แนะให้เข้าโครงการ OTOP จากนั้นช่วยพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ และพาไปขายตามที่ต่างๆ ได้รับการตอบรับดีมาก ทำเท่าไรขายได้หมด ต้องเพิ่มปริมาณแปรรูปมากขึ้นแต่ปัญหาที่ตามมาแปรรูปมากขึ้น... เปลือกมะนาวที่ถูกทิ้งมีมากเป็นเงาตามตัว ส่งกลิ่นเหม็น หากทิ้งลงดินจะทำให้ดินเปรี้ยว
จึงคิดหาวิธีกำจัด และได้ความช่วยเหลือจาก บ.เลม่อนโกลด์ นำเปลือกมะนาวมากลั่นสกัดน้ำมันจากเปลือกมะนาว เพราะภาควิชาเวชสำอาง มหาวิทยาลัยสวนสุนันทา ได้ศึกษาพบว่า น้ำมันสกัดจากผิวมะนาวมีวิตามินเอ วิตามินซี มีคุณสมบัติเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยให้ผิวนุ่ม แก้ปัญหาผิวแตก
ที่สำคัญน้ำมันจากเปลือกมะนาวยังสามารถนำไปทำน้ำมันหอมละเหยอโรมา ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ลดความเครียดได้
จึงเริ่มนำมะนาวมาเข้ากระบวนการกลั่นเพื่อให้ได้น้ำมัน เปลือกมะนาว 10 กก. ผสมน้ำ 12 ลิตร ใส่ลงหม้อกลั่น 6 ชม. จะได้น้ำมันหอมระเหย 150 ซีซี ที่ซื้อขายกันในราคาซีซีละ 60 บาท หรือลิตรละ 60,000 บาท
แต่ขายเป็นน้ำมันเปลือกมะนาว 100% ลิตรละ 60,000 บาท ราคายังไม่เร้าใจเท่าเอามาต่อยอดแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง
นำน้ำมันเปลือกมะนาว 10 เปอร์เซ็นต์ผสมกับน้ำมันอโรมา ทำสเปรย์ฉีดผิวแบรนด์ ไรมู เซรั่ม (RAIMU Body Mist Serum) ส่งญี่ปุ่น ได้มูลค่าเพิ่มไปอีก 25 เท่า
มะนาวเป็นพืชสายพันธุ์เดียวกับส้ม มีถิ่นกำเนิดในเอเซีย แต่ปัจจุบันมีปลูกมากในสหรัฐอเมริกา , West Indies และ อิตาลี น้ำมันหอมระเหยผิวมะนาวเขียว หรือ Lime Essential Oil มีสาร d-limonene , linalool , terpineol และ flavonoids เป็นผลิตผล By product จากการนำน้ำมะนาวมาปรุงอาหาร เครื่องดื่ม น้ำมันกลั่น แบบสกัดเย็น น้ำมันหอมระเหยมะนาวใช้นวดขับลม คลายเครียด บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดไหลเวียน ได้ดีขึ้น บรรเทาอาการหวัด ไอ บรรเทาพิษจากแมลงกัดต่อย เริม ลดความมันใบหน้า และยังใช้แต่งกลิ่นอาหาร ( Food grade )
การนำไปใช้
1ต้องทำให้เจือจางเสมอ เช่น ผสมกับน้ำมันพื้นฐาน หยดลงในน้ำ ผสมเอธิลแอลกอฮอล์ อัตราส่วนการใช้น้ำมันหอมระเหยมะนาว หากใช้กับผิวหน้าไม่ควรเกิน 1 % ใช้กับผิวกายไม่ควรเกิน 3 %
2.ใช้เป็นน้ำมันนวด โดยผสมกับน้ำมันพื้นฐาน เช่น น้ำมันเมล็ดองุ่น,น้ำมันมะกอก,น้ำมันงา,น้ำมันสวีทอัลมอนด์ อัตราส่วนตามข้อ 1 ทาบริเวณที่ต้องการบำบัด เช่นนวดบริเวณท้องช่วยขับลม นวดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลาย ลดเซลลูไลท์ หรือบรรเทาพิษจากแมลงกัดต่อย โรคลักปิดลักเปิด ลดความมันบนใบหน้า
วิธีนี้ทำโดยนำพืชที่เราต้องการสกัด ใส่ลงไปในภาชนะ ซึ่งในภาชนะนั้นมักจะมีตะแกรงสำหรับวางพืชชนิดที่เราต้องการกลั่น จากนั้นก็เติมน้ำสะอาดน้ำจนท่วมพืชที่ต้องการกลั่น แล้วต้มน้ำจนเดือดกลายเป็นไอน้ำ การที่ต้องมีตะแกรงก็เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนถูกกับพืชโดยตรง เพราะน้ำมันหอมระเหยที่ได้อาจจะมีกลิ่นไหม้ผสมได้ น้ำมันหอมระเหยและน้ำ ในพืชชนิดนั้นๆ ระเหยขึ้นไปจากนั้นไอระเหยก็จะถูกทำให้เย็นลงเพื่อให้กลับมาเป็นของเหลวอีกครั้งซึ่งในขั้นตอนนี้น้ำมันหอมระเหยจะถูกแยกจากน้ำ
1.2) การกลั่นด้วยน้ำและไอน้ำ (Water and Steam Distillation)
วิธีนี้จะให้ไอน้ำผ่านส่วนผสมของพืชและน้ำที่รวมกันอยู่ เมื่อน้ำและน้ำมันหอมระเหย ระเหยขึ้นไป จึงถูกทำให้ไอน้ำเย็นลงแล้วนำไปแยกน้ำมันหอมระเหยออกมา
1.3) การกลั่นด้วยไอน้ำ (Steam Distillation)
โดยการนำพืชที่ต้องการกลั่นใส่ในหม้อ แล้วให้ความร้อนกับน้ำเพื่อให้กลายเป็นไอน้ำแล้วให้ไอน้ำผ่านในพืชที่ต้องการกลั่น ซึ่งปกติอุณหภูมิของไอน้ำมักจะไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส แต่ในทวีปอเมริกาและในยุโรป มักจะเพิ่มความดันอากาศภายในหม้อกลั่น ช่วยทำเพิ่มอุณหภูมิของไอน้ำ และ ลดเวลาในการกลั่นได้ แต่ถ้าร้อนเกินไปก็อาจทำให้คุณสมบัติของน้ำมันเปลี่ยนไปได้
1.4) การกลั่นภายใต้สูญญากาศ (Steam and Vacuum Distillation)
การกลั่นแบบนี้จะต้องดูดอากาศภายในหม้อกลั่นออก ความดันอากาศภายในมักอยู่ระหว่าง 100-200 mmHg ข้อดีของการกลั่นแบบนี้คือช่วยลดเวลาในการกลั่นลงมาก แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องควบคุมการกลั่นให้มีประสิทธิภาพและการทำให้ไอน้ำเย็นลงต้องทำอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
2) บีบเย็น หีบเย็นหรือสกัดเย็น (Cold Expression)
ส่วนมากมักจะใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มมะนาวส้มโอมะกรูด ก่อนอื่นต้องปลอกเปลือกของผลไม้เหล่านี้แล้วทำให้ชิ้นเล็กลงแล้วนำไปบีบจะได้ของเหลวที่มีทั้งน้ำและน้ำมันหอมระเหยผสมกันอยู่จากนั้นต้องรอให้น้ำมันลอยตัวแยกจากน้ำแล้วจึงสามารถแยกส่วนที่เป็นน้ำมันหอมระเหยออกมาได้วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่มีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำที่สุด แต่น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการสกัดแบบนี้จะไม่บริสุทธิ์มากและมีอายุไม่นานประมาณ 6 เดือนถึง1 ปีกลิ่นและคุณสมบัติจะค่อยๆหมดสภาพไปขณะที่น้ำมันพื้นฐานอาจจะมีอายุอยู่ได้นานกว่าคือประมาณ 1 ปีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาด้วย
3) การสกัดสารระเหยที่สกัดจากพืช (Aromatic Extracts) มีหลายวิธี คือ
3.1) การสกัดด้วยตัวทำละลาย (Solvent Extraction)
การสกัดแบบนี้จะนำเอาสารทำละลายประเภทไฮโดรคาร์บอนใส่ลงไปกับพืชที่ต้องการสกัดเพื่อให้น้ำมันหอมระเหยละลายออกมาจากนั้นก็นำสารละลายที่ได้ไปทำให้เข้มข้นขึ้นโดยผ่านกระบวนการกลั่นก็จะได้เป็นสารที่มีส่วนประกอบของเรซิ่นอยู่ด้วยซึ่งก็จะมีลักษณะคล้ายแว็กซ์ที่มีน้ำมันหอมระเหยผสมอยู่ภายในจากนั้นก็นำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์มาละลายเอาน้ำมันหอมระเหยออกมาแล้วจึงทำให้แอลกอฮอลระเหยไปคงเหลือแต่น้ำมันหอมระเหยอย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการสกัดเพราะน้ำมันหอมระเหยที่ได้จะยังคงมีส่วนของสารละลายที่ตกค้างอยู่ซึ่งอาจจะทำให้ระคายเคืองและแพ้ได้
3.2) Enfleurage
วิธีนี้มักใช้กับการสกัดดอกไม้ที่บอบบาง เช่น ซ่อนกลิ่น มะลิ เป็นต้น ปัจจุบันแทบไม่มีใครใช้วิธีนี้แล้ว เพราะต้องใช้ทั้งเวลาและแรงงานมาก ปัจจุบัน 99 % ของดอกซ่อนกลิ่น และมะลิ ผลิตโดยวิธี Solvent extraction
3.3) Carbon dioxide
มีผู้คิดค้นวิธีสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เหลวภายใต้แรงดันสูงเพื่อทำละลายให้สารระเหยในพืชละลายในคาร์บอนไดออกไซด์เหลวแล้วจึงปล่อยให้คาร์บอนไดออกไซด์เหลวระเหิดในสภาวะความดันปกติก็จะเหลือไว้แต่สารหอมระเหยจากพืชบริสุทธิ์วิธีนี้ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้สารหอมระเหยบริสุทธิ์มากและมีความคงตัวสูง สามารถเก็บไว้ได้นานมากกว่าวิธีการสกัดอื่นๆ แต่ข้อเสียคือ มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าวิธีอื่นๆ ปัจจุบันสาระเหยที่ได้จากการสกัดด้วยวิธีนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น มีการนำมาใช้ในงาน Aromatherapy และอุตสาหกรรมน้ำหอม มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสารสกัดที่ได้มีความบริสุทธิ์และไม่ผ่านความร้อนสูง