ชุดกิจกรรม ระบบนิเวศ ม. 3 doc

ชื่อผลงาน : ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ ฯ รายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ชั้น ม.3 เรื่องระบบนิเวศ ชุดที่ 1

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) วิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง ระบบนิเวศ ชุดที่ 1 ความหมายและองค์ประกอบของระบบนิเวศ   โดย ครูญาณิตา  อึ่งทอง 

ดาวน์โหลดไฟล์   ขนาดไฟล์ 2.87 MB

โพสเมื่อ : 11 ม.ค. 2560,09:00   อ่าน 3152 ครั้ง

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องชีวิตกับระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

เผยแพร่ผลงานวิชาการ VIP 3,171 Views

Share

  • tweet

KRUPUNMAI SHARE


เผยแพร่ผลงานวิชาการ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
เรื่องชีวิตกับระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม
รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3


 


ดาวน์โหลดที่นี่

4.4/5 - (8 votes)


KRUPUNMAI SHARE

2018-06-18

webmaster

Share

  • tweet


ชุดการสอน เรื่อง ระบบนิเวศ
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

พร้อมรายงาน 5 บทฉบับเต็มสมบูรณ์

ครูสำรวย อรรคบุตร
โรงเรียนสุรศักดิ์วิทยาคม
อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ติดต่อเจ้าของผลงานได้ที่ t.put@hotmail.com

เปิดอ่าน 12,265 ครั้ง

เปิดอ่าน 11,735 ครั้ง

เปิดอ่าน 2,039 ครั้ง

เปิดอ่าน 9,585 ครั้ง

เปิดอ่าน 5,893 ครั้ง

เปิดอ่าน 15,379 ครั้ง

เปิดอ่าน 19,258 ครั้ง

เปิดอ่าน 10,933 ครั้ง

เปิดอ่าน 7,538 ครั้ง

เปิดอ่าน 3,911 ครั้ง

เปิดอ่าน 14,675 ครั้ง

เปิดอ่าน 7,032 ครั้ง

เปิดอ่าน 8,204 ครั้ง

เปิดอ่าน 15,655 ครั้ง

เปิดอ่าน 10,059 ครั้ง

วิเคราะห์จีน: กรณีศึกษา จีนสร้างมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นวิทย์และเทคโนโลยีในมณฑลยากจน เบื้องหลังสำคัญแก้จน นำพา "GDP มณฑล ทะลุ 1 ล้านล้านหยวน" เมื่อการศึกษาเปลี่ยนชะตาชีวิต
.

"การศึกษา เป็นหนทางที่เปลี่ยนชะตาชีวิตได้" คือสิ่งที่พวกเราคงเคยได้ยินมาบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าแนวคิดนี้ นับเป็นแนวคิดหลักที่ถูกปลูกฝังในคนจีนจากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
.
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด และอ้ายจงนำมาบอกเล่าเก้าสิบในวันนี้ คือ เรื่องราวการพลิกจากมณฑลที่ยากจนสุดๆในประเทศจีน อย่างมณฑลอันฮุย กลายเป็ยหนึ่งในมณฑลที่หลุดพ้นจากความยากจน และมีเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง และที่สำคัญ "เป็นฮับแห่งการศึกษาและสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับสูงของจีน"
.
จีนใช้เวลาพลิกฟื้นมณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน มณฑลที่ว่ากันว่าจนที่สุดในจีนมณฑลหนึ่ง เป็นมณฑลที่มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ในระยะเวลาราว 50 กว่าปี
.
ผมเชื่อว่า หลายคน อาจไม่เคยได้ยินชื่อมณฑลนี้มาก่อน
.
ต้องยอมรับว่า คนไทยไม่ค่อยรู้จักมณฑลอันฮุย และเมืองเหอเฝย เมืองเอกของมณฑลนี้มากนี้นัก ไม่เป็นที่นิยมเท่าเมืองอื่นๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว โดยก่อนหน้านี้หลายคนอาจรู้สึกว่า ยังไม่เจริญมากเท่าเมืองอื่นๆ
.
แต่ตอนนี้ เมืองเหอเฝย ปรับจากหัวเมืองชั้น 2 มาเป็นหัวเมืองชั้น 1 ใหม่ ร่วมกับเมืองอื่นๆ ซึ่งเป็นเมืองเอกของแต่ละมณฑล เป็นหลัก เช่น ซีอาน หนานจิง หังโจว ซึ่งยังมีพื้นที่ในการพัฒนาอีกมาก
.
จากการวิเคราะห์ อาจกล่าวได้ว่า 1 ใน เบื้องหลังสำคัญของการพัฒนาของเมืองเหอเฝยและมณฑลอันฮุย ได้แก่ การตัดสินใจด้านการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ของตน แม้ในขณะที่ยังเป็นพื้นที่ยากจน และครั้งหนึ่งเป็นมณฑลยากจนที่สุดในภาคตะวันออกของจีน
.
อย่างการย้ายมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ชื่อว่า University of Science and Technology of China (USTC) ซึ่งก่อตั้งโดยสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences: CAS) จากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวง มาที่เมืองเหอเฝย เมืองเอกของมณฑลอันฮุย ช่วงปี ค.ศ. 1970 ช่วงที่เหอเฝยและอันฮุยเข้าขั้นแร้นแค้นและอยู่ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
.
ความเป็นจริงคือ เหอเฟยและมณฑลอันฮุย ไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆในตอนที่จะมีการย้ายและขยายมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปพื้นที่อื่นนอกเมืองหลวงจีน แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมทั้งการใช้ทรัพยากรและงบ พร้อมกับความรับผิดชอบที่คาดว่า "ต้องสูงและมีมาก" เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่ทางการมุ่งเน้น ในช่วงที่หลายพื้นที่ของจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจ ในช่วงปี 1970 ตามที่กล่าวไปข้างต้น
.
ด้วยเหตุนี้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองและมณฑลหลายแห่งปฏิเสธที่จะเป็นที่ตั้งใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
.
แต่ไม่ใช่กับเมืองเหอเฝยและมณฑลอันฮุย
.
คือการมีมหาวิทยาลัยที่เน้นเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับมหาวิทยาลัยอื่นๆที่มีอยู่ในพื้นที่ ณ ขณะนั้น อยู่แล้ว และที่สำคัญคือเป็นไปตามนโยบายหลักของส่วนกลาง นั่นหมายความว่า "งบประมาณส่วนหนึ่งจากส่วนกลาง รวมถึงสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง จะตามมาที่พื้นที่นั้น มากขึ้นจากเดิม" ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า

"มหาวิทยาลัยเฉพาะทางแห่งนี้จะพลิกฟื้นพื้นที่ยากจน ให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นพื้นที่สำคัญผลักดันเศรษฐกิจทั้งประเทศจีนในอนาคต" ด้วยการหว่านเมล็ด "การศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" ที่เป็นดังกลไกความหวังที่จีนตั้งเป้าว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยพัฒนาจีนได้
.
และก็เป็นเช่นนั้น หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติวัฒนธรรม และจีนมีการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย USTC มีการเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง จนติดอันดับโลก และเป็นหนึ่งใน TOP10 ของจีน และ TOP100 ของโลกในปัจจุบัน
.

เป็นมหาวิทยาลัยที่เด่นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน
.
และการพัฒนาของมหาวิทยาลัย USTC เป็นการพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองเหอเฝยและมณฑลอันฮุย ให้ มีศูนย์วิจัย มีองค์กรและบริษัททางด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงตามไปด้วย
.
โดยหลายปีมานี้ จีนมุ่งเน้นพัฒนา "เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี" ครอบคลุมพื้นที่เซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลอันฮุย และมณฑลเจ้อเจียง
.
ปัจจุบัน "เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี"
เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากที่สุดของจีน โดยเฉพาะการมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน เป็นไปตามนโยบาย Made in China 2025 ของจีน
.
โดยข้อมูลเมื่อปี 2564 ที่ทาง China Media Group (CMG) สื่อหลักของจีน เคยเผยแพร่เป็นสกู๊ปเอาไว้ ชี้ให้เห็นถึง GDP ในเขตภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ที่ครองสัดส่วนถึง 24.5% ของ GDP ทั้งหมดของจีน ในครึ่งปีแรก 2564"
.
และล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 จีนก็เพิ่งประกาศวางแผนที่จะสร้างเขตนำร่องสำหรับนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการปฏิรูปทางการเงินในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
.
"เน้นสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อเป้าหมายนั้น " เป็นเป้าสำคัญเป้าหนึ่งในแผนสร้างเขตนำร่องดังกล่าว
.
พื้นที่มณฑลอันฮุย และอย่างยิ่ง เมืองเหอเฝย เมืองที่ตั้งหลักของ มหาวิทยาลัย USTC เกี่ยวข้องในฐานะเรือธงของการสร้างนวัตกรรมระดับสูง
.
ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ เมืองเหอเฝย ถือเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีควอนตัมจีน มีบริษัทเทคโนโลยีควอนตัมมากกว่า 20 แห่ง สร้างเม็ดเงินกว่า 430 ล้านหยวน (ประมาณ 67.3 ล้านดอลลาร์) ในปี 2020 ที่ผ่านมา
.
โดยทางจีนได้อนุมัติปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์ควอนตัม (Quantum Science) เป็นครั้งแรกในจีน ที่มหาวิทยาลัย USTC
.
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควอนตัมได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้กลายเป็นหนึ่งในพรมแดนใหม่ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม โดยจีนได้บรรจุ "เทคโนโลยีควอนตัม" เป็นโครงการสำคัญ (Key Project) ในแผนพัฒนาประเทศระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2021-2025)
.

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมหลายโครงการ รวมถึงดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลก เพื่อสร้างเครือข่ายการสื่อสารควอนตัม ระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ สายการสื่อสารควอนตัมระยะทาง 2,000 กม. ระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ และจีนยังสามารถสร้างต้นแบบคอมพิวเตอร์ควอนตัมประมวลผลเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย
.
จะเห็นว่า จีนวางแผนการพัฒนา กับ การศึกษา ควบคู่ไปด้วยกันจริงๆ
.
ทั้งนี้ นอกจากพิ้นที่มณฑลอันฮุยและการสร้างมหาวิทยาลัยเฉพาะทางอย่างด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วงที่จีนลุยยกระดับคุณภาพชีวิตและนำพาคนจีนออกจากความยากจนที่ประกาศความสำเร็จไปเมื่อต้นปี 2021 พื้นที่ยากจนของจีนพื้นที่อื่นๆ ก็ได้ใช้โมเดลพัฒนาการศึกษาเข้ามาช่วย เช่น พัฒนาโรงเรียนให้ลดความเหลื่อมล้ำของการเรียนการสอน การพัฒนาสถาบันที่เหมาะกับลักษณะพื้นที่และงานในพื้นที่นั้นๆ และพัฒนาการศึกษาระดับอาชีวศึกษา เพื่อให้เข้าสู่ตลาดงานได้ไว คู่ไปกับการสร้างตำแหน่งงาน สร้างตลาด และสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละพื้นที่
.
เขียนโดย: ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจอ้ายจง
.

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #เศรษฐกิจ #การศึกษา

 

ไอเดียดี ! แบตเตอรี่ชาร์จรถ EV จากต้นไม้ ปลอดภัยต่อโลก
.
ทุกวันนี้นอกจากการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เริ่มมีหลายค่ายใส่ลูกเล่นเด็ด ๆ มาให้ติดตามแล้ว อีกสิ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันก็คือนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่ โดยล่าสุดมีบริษัทในฟินแลนด์ ที่นำเสนอแบตเตอรี่ชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าแบบใหม่ ทำจากต้นไม้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของรถพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนขึ้น
.
โดยบริษัท สโตร์รา เอนโซ (Stora Enso) บริษัทผู้ผลิตวัสดุหมุนเวียนในเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ได้คิดค้นนวัตกรรมแบตเตอรี่ในชื่อ ลิกโนด (Lignode) ที่ใช้วัสดุหลักทำจากต้นไม้ โดยใช้ส่วนที่เรียกว่าลิกนิน (lignin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเนื้อเยื่อพืช ที่ทำให้ผนังเซลล์พืชแข็งแรง
.
สำหรับกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ จะเริ่มจากการแยกลิกนินออกจากเนื้อไม้ นำไปกลั่นจนได้ออกมาเป็นผงคาร์บอนละเอียด เพื่อใช้เป็นวัสดุสำหรับทำขั้วบวกลบของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน หรือที่เรียกว่าผงคาร์บอนแข็ง จากนั้นจะนำผงคาร์บอนแข็งมาใช้ต่อ เพื่อผลิตเป็นแผ่นอิเล็กโทรดคาร์บอนแข็งทั้งแบบแผ่น และแบบม้วน จากนั้นจึงนำไปรวมกับขั้วไฟฟ้าบวก ตัวคั่น อิเล็กโทรไลต์ และส่วนประกอบอื่น ๆ จนได้ออกมาเป็นแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ผลิตจากลิกนินในที่สุด
.
โดยบริษัทเคลมว่า แบตเตอรี่ที่ได้จากต้นไม้นี้ มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไป และมีราคาที่ถูกกว่า อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยกว่า และยังสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย และมองว่าถึงแม้จะใช้ส่วนประกอบจากต้นไม้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการทำลายป่า กลับเป็นการกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมหันมาสนใจการปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น โดยต้นไม้หนึ่งต้น มีลิกนินประมาณ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นยิ่งปลูกเพิ่ม ก็ยิ่งนำมาใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น
.
ดังนั้นการพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่นี้ อาจจะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยก็เป็นได้
.
ข้อมูลจาก //www.tnnthailand.com/news/tech/133243/
ภาพจาก storaenso
.
#แบตเตอรี่ #รถยนต์พลังงานไฟฟ้า #ev #lignode #storeenso #เทคโนโลยีการผลิตพลังงาน
#สิ่งแวดล้อม #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Frame #ซิงเกิลอิมเมจ
—————————————————————————
ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : //bit.ly/TNNTechWebsite
• Youtube : //bit.ly/TNNTechYoutube
• TikTok : //bit.ly/TNNTechTikTok0.
• Line @TNNONLINE : //lin.ee/4fP2tltIo
หรือดูรายการ Live ได้ทาง
//www.facebook.com/TNN16LIVE/

 

BRIEF: เปิดรายงานการประชุม กมธ.กฎหมาย ตัวแทนตำรวจยอมรับ สลายม็อบ 18 พ.ย. ทำก่อนได้คำสั่งศาล
.
ใกล้ครบรอบ 1 เดือน เหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 บริเวณถนนดินสอ โดยตำรวจ คฝ. ที่ปฏิบัติการอย่างรุนแรงจนทำให้มีสื่อมวลชนและผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และมีข้อสงสัยว่า เป็นการสลายการชุมนุมโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกยกเลิกใช้ใน กทม. ไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 การจะสลายการชุมนุมหลังจากนั้น ต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ที่ต้องขอให้ศาลแพ่งอนุมัติก่อน
.
ล่าสุด มีการเผยแพร่รายงานสรุปผลการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 110 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่มีการเชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ผู้การตำรวจ คฝ. ฯลฯ มาชี้แจง แต่ปรากฎว่า มีการส่งตัวแทนระดับรองผู้การในนครบาล จำนวน 3 คน มาชี้แจงแทน
.
เอกสารดังกล่าว เขียนสรุปคำชี้แจงของตำรวจทั้ง 3 คนไว้ โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือการยอมรับว่า การสลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ทำโดยไม่มีคำสั่งของศาลแพ่ง
.
“ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ในการสลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลได้รับมอบหมายให้ดูแลการประชุมเอเปค มีการวางแผนและมีการออกคำสั่งปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจาอย่างเต็มที่โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะ แต่ในวันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการของศาลแพ่งทำให้ไม่มีการขอคำสั่งศาลให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะในวันดังกล่าว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก
.
“ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เรียบร้อยแล้ว”
.
ผู้สื่อข่าว The MATTER มีโอกาสไปร่วมประชุม กมธ.กฎหมายฯ ในวันดังกล่าวด้วย พบว่า ตัวแทนตำรวจชี้แจงข้อมูลดังกล่าวต่อที่ประชุมจริง แต่ก็มีการอ้างเพิ่มเติมด้วยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวไม่ใช่การ “สลายการชุมนุม” แต่เป็นการ “จับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า” ทว่าก็อ้างในเวลาเดียวกันว่า มีตัวแทนตำรวจได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้เลิกการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จริง แต่เนื่องจากวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เป็นวันหยุดราชการพิเศษ ศาลจะรับพิจารณาคดีเฉพาะที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น (แปลว่าก็รู้ว่าจะต้องให้ศาลแพ่งอนุมัติก่อน)
.
เดิมการประชุมของ กมธ.กฎหมายฯ ในวันนี้ (14 ธันวาคม 2565) ได้เชิญตัวแทนตำรวจที่มีอำนาจสั่งการและอยู่ในเหตุการณ์วันดังกล่าวจริงๆ มาชี้แจง ทั้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้การตำรวจ คฝ. และผู้กำกับ สน.สำราญราษฎร์ แต่ก็ถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 21 ธันวาคม 2565 แทน รอติดตามกันต่อไปว่า นายตำรวจเหล่านี้จะมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือส่งตัวแทนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องตรงๆ มาชี้แจงแทนอีก
.
.
.
อ้างอิง

//www.parliament.go.th/.../25_law/ewt_dl_link.php...
.
รวมข่าวที่เรียกร้องการแสดงความรับผิดชอบจากตำรวจ จากเหตุสลายการชุมนุมดังกล่าว

//thematter.co/brief/191060/191060
//thematter.co/brief/191106/191106
//thematter.co/brief/191715/191715
//thematter.co/brief/191750/191750
//thematter.co/brief/191995/191995
//thematter.co/brief/192277/192277

#Brief #ความรับผิดชอบ #ตำรวจ #สลายม็อบ18พย #TheMATTER

 

จดโน้ต วางแผน เขียนโค้ด รู้จัก ‘Notion’ และฟังก์ชั่นเด่น
.
‘จดโน้ต เขียนไดอารี่ เก็บลิงก์บทความที่แชร์ทิ้งไว้ (แต่ชอบลืมอ่าน) จัดตารางงานสัปดาห์นี้ เขียน to do list แต่ละวัน หรือเขียนเป้าหมายระยะยาวเป็นปี’ ถ้าทำทั้งหมดนี้คงต้องใช้สมุดหลายเล่ม โพสต์อิทหลายแผ่น หรือกระโดดไปใช้แอปฯ โน้นแอปฯ นี้บ้างสลับกันจนงง
.
ถ้ากำลังเจอปัญหาทำนองนี้เราอยากชวนมารู้จักกับ ‘Notion’ ตัวช่วยจัดระเบียบชีวิตให้เราเห็นทั้งภาพรวมและเก็บรายละเอียดยิบย่อยไว้อย่างเป็นหมวดหมู่เหมือนกับมีเลขาส่วนตัวเลยล่ะ
.
- Notion คืออะไร ? ใครใช้ได้บ้าง ?
.
พอพูดถึง Notion บางคนอาจจะนึกถึงแอปฯ จดโน้ต แต่จริงๆ แล้วการจดโน้ตเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะ Notion มีหหลากหลายฟีเจอร์ ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็คือ ‘จดบันทึก จัดหมวดหมู่ และอัปเดตความคืบหน้า’ ไม่ว่าจะเป็นไดอารี่ส่วนตัว แพลนการทำงานในแต่ละวัน จดโน้ตตอนเรียน จัดการโปรเจกต์ต่างๆ ไปจนถึงการวางแผนงานแต่งงาน แถมยังยืดหยุ่นเพราะปรับแต่งหน้าเพจได้ในแบบที่ต้องการและแชร์ลิงก์ให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้ด้วยนะ
.
- จุดเด่นของ Notion
.
จัดตารางชีวิตได้หลายแบบด้วย Database พอได้ยินคำว่า Database แล้วอย่าเพิ่งตกใจไป เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นเครื่องมือที่เราสามารถจดสิ่งที่ต้องทำ วัน-เวลา ความคืบหน้าของงานชิ้นนั้น รวมทั้งใส่รายละเอียดอื่นๆ เช่น ลิงก์ ข้อความ ฯลฯ ลงไปได้ โดยเราสามารถตั้งค่าให้ข้อมูลเหล่านี้แสดงผลออกมาได้ 5 รูปแบบด้วยกัน
.
1. ตาราง - หน้าตาจะเหมือนตารางใน google sheet ที่เห็นรายละเอียดทั้งหมด
2. บอร์ด - เห็นตัวงานและความคืบหน้าว่าชิ้นไหนอยู่ในขั้นตอนอะไร คล้ายๆ กับ trello
3. ปฏิทิน - เห็นภาพรวมว่าวันไหนมีงานอะไร แต่ต้องกดเข้าไปดูรายละเอียดอีกที เหมือนกับ google calendar
4. ลิสต์ - เห็นงานทั้งหมดและความคืบหน้าของงานเหมือนกับทำ to do list
5. แกลเลอรี่ - เห็นเฉพาะชื่องานที่ต้องทำและหน้าตาก็เหมือนแกลเลอรี่สมชื่อเลย
.
มีฟีเจอร์หลากหลายและปรับแต่งเองได้ ทั้งใส่รูป อิโมจิ เพลง คลิป ไปจนถึงการจัดหน้า อีกจุดเด่นคือเรื่องความสวยงามและยืดหยุ่น เพราะเราสามารถใส่อิโมจิ ภาพ เพลง วิดีโอ รวมทั้งลิงก์จากทวิตเตอร์ ยูทูบ กูเกิลไดรฟ์ และอีกหลายๆ แพลตฟอร์มได้ รวมทั้งจัดหน้าเองได้ด้วยว่าอยากให้ข้อมูลนี้อยู่ตรงไหน จนแวบนึงก็แอบนึกถึงยุค Hi5 อยู่เหมือนกัน
.
ฟังก์ชั่นเสริมที่น่าสนใจ เช่น มีเครื่องมือที่รองรับการเขียน Code , สามารถเซฟเป็นไฟล์ PDF ได้, แชร์ให้เพื่อนเข้ามาแก้ไขหรือคอมเมนต์ได้, Import ไฟล์จากช่องทางอื่นอย่าง microsoft word, google doc, trello เข้ามาเก็บไว้ใน Notion ได้อีกด้วย
.
ใช้งานเบื้องต้นได้ฟรี ยกเว้นถ้าใครอยากอัปเกรดบางอย่าง เข่น อัปโหลดไฟล์ได้มากกว่า 5 MB ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามา
.
- ข้อจำกัดของ Notion
.
แม้จะมีฟีเจอร์หลากหลาย ปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น แต่จุดเด่นนี้ก็กลายเป็นข้อจำกัดเหมือนกัน เพราะทำให้ใช้งานยากจนปาดเหงื่อโดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นที่หลายคนน่าจะใช้เวลาศึกษานานพอสมควรกว่าจะเข้าใจและใช้งานได้คล่อง เลยไม่น่าแปลกใจที่มีคลิปสอนใช้ Notion ออกมาเยอะพอสมควร แถมยังเป็นคลิปยาวหลายนาทีอีกต่างหาก (แต่พอใช้เป็นแล้วบอกเลยว่ารู้สึกคุ้มค่ากับความพยายามตอนแรกมากๆ)
.
จดด้วยลายมือไม่ได้ บางคนเลยใช้คู่กับแอปฯ อื่นๆ อย่าง goodnotes แล้วแคปภาพมาใส่ใน Notion แทน
.
- วิธีใช้งานเบื้องต้น
.
1. เข้าไปสมัครใช้งานใน //www.notion.so/ หรือดาวน์โหลดแอปฯ Notion
.
2. ล็อกอินแล้วกด add a page ตรงแถบด้านซ้าย เพื่อสร้างหน้าใหม่ หรือถ้าต้องการสร้างหน้าย่อย เราสามารถกดเครื่องหมายบวกบนเพจนั้น หรือพิมพ์ / แล้วเลือก ‘Page’ ได้เลย
Notion จะไม่ได้มีแถบเครื่องมืออยู่บนหน้าจอตลอดเวลา แต่เราสามารถกด / เพื่อเลือกเครื่องมือที่ต้องการได้
.
3. สำหรับการจัดหน้า ไม่ว่าจะย้ายรูป ข้อความ เครื่องมือต่างๆ เราสามารถคลิกตรงที่มีจุด 6 จุดหน้าหัวข้อ/รูปนั้นๆ แล้วขยับได้เลย


อ่านต่อ: //thematter.co/.../notion-productivity-software/192710
#Notion #จดโน้ต #TheMATTER

 

BRIEF: เกาหลีใต้เผยสถิติปีล่าสุด คู่รักแต่งงานใหม่ที่ไม่มีลูก มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 45.8%
.
กลายเป็นสถิติใหม่ทุกๆ ปี สำหรับอัตราการมีลูกของคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานในเกาหลีใต้ ซึ่งข้อมูลที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 ธันวาคม) ก็ระบุว่า คู่รักแต่งงานใหม่ที่ไม่มีลูก เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ที่ 45.8%
.
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเกาหลีใต้ (Statistics Korea) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน พบว่า คู่รักที่จดทะเบียนสมรสในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา นับจนถึงพฤศจิกายน 2021 ที่ไม่มีลูก เพิ่มขึ้นเป็น 45.8% ของทั้งหมด 871,428 คู่ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวนอยู่ที่ 44.5%
.
ขณะเดียวกัน สัดส่วนของคู่รักแต่งงานใหม่ที่ ‘มีลูก’ ก็ลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา จากในปี 2016 มีอยู่ที่ 63.7% ก็เหลือ 62.5% ในปี 2017 และมาอยู่ที่สัดส่วนเพียง 54.2% ในปี 2021 ที่ผ่านมา
.
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม เกาหลีใต้ยังเพิ่งทำลายสถิติ กลายเป็นประเทศที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยที่สุดในโลก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยข้อมูลของปี 2021 พบว่า ผู้หญิงเกาหลีใต้มีลูกโดยเฉลี่ย 0.81 คนตลอดชั่วชีวิต ลดลงจากค่าเฉลี่ย 0.84 คนในปีก่อนหน้า ส่วนจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปีนั้นลดลงเหลือ 260,600 คน เท่ากับประมาณ 0.5% ของประชากรทั้งหมด
.
ยู ยอง ยี (Yoo Young Yi) พนักงานบริษัทการเงินหญิงวัย 30 ปี เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า “ฉันและสามีชอบเด็กมากๆ ... แต่มีหลายอย่างที่ต้องเสียสละไปถ้าจะเลี้ยงลูก มันเลยกลายเป็นเรื่องของการเลือกระหว่างสิ่งสองสิ่ง และเราก็ตกลงกันว่าอยากจะโฟกัสกับตัวเราเองมากกว่า”
.
ไม่ต่างจากยู ชาวเกาหลีใต้รุ่นใหม่หลายคนก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีลูกหรือครอบครัวเช่นกัน
.
ปัจจัยอาจจะมีหลากหลาย เช่น สถานการณ์การหางานที่ไม่สู้ดี บ้านราคาแพง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและทางเพศ การขยับสถานะทางสังคมที่เป็นไปได้ยาก ค่าใช้จ่ายสูงในการเลี้ยงลูก สังคมแข่งขันสูง หรือแม้แต่สังคมชายเป็นใหญ่ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนไม่อยากมีลูก
.
จากข้อมูลของธนาคารโลก (World Bank) และสหประชาชาติ (UN) เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เดินหน้าสู่สังคมสูงวัยเร็วที่สุด ในกลุ่มประเทศที่มี GDP ต่อหัวอย่างน้อย 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และภายในปี 2100 ก็คาดว่า ประชากรเกาหลีใต้จะลดลงไป 53% เหลือเพียง 24 ล้านคน จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 43% ในปี 2019
.
“กล่าวโดยสรุปเลยนะ ผู้คนคิดว่าประเทศของเราไม่ใช่ที่ที่จะใช้ชีวิตได้ง่ายๆ” ลี โซยอง (Lee So-Young) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายประชากร จากสถาบันเกาหลีเพื่อกิจการสาธารณสุขและสังคม (Korea Institute for Health and Social Affairs) กล่าว
.
“พวกเขาเชื่อว่า ลูกๆ ของพวกเขาจะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขาได้ ดังนั้นจึงเกิดการตั้งคำถามว่าจะมีลูกทำไม”
.
.
.
อ้างอิงจาก

//m-en.yna.co.kr/view/AEN20221212002200320

//www.bloomberg.com/.../fastest-aging-wealthy...

//apnews.com/.../health-business-south-korea...

#เกาหลีใต้ #ประชากร #TheMATTER

 

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv Terjemahan แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip lmyour แปลภาษา ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาอาหรับ-ไทย Bahasa Thailand app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม พจนานุกรมศัพท์ทหาร ยศทหารบก ภาษาอังกฤษ สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทั้งหมดกี่ภาค มัจจุราชไร้เงา 1 mono29 มัจจุราชไร้เงา 1 pantip มัจจุราชไร้เงา 3 pantip รายชื่อวิทยานิพนธ์ นิติศาสตร์ 2563 ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาอิสลามเป็นไทย ่้แปลภาษา Google Drive กรมการปกครอง กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ที่อยู่สมุทรปราการ ภาษาอังกฤษ ประปาไม่ไหล วันนี้ มหาวิทยาลัยรามคําแหง เปิดรับสมัคร 2566 มัจจุราชไร้เงา 2 facebook ราคาปาเจโร่มือสอง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น หนังสือราชการ ส ถ หยน ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ อาจารย์ ตจต Google Form Info arifureta shokugyou de sekai saikyou manga online legendary moonlight sculptor www.niets.or.th ประกาศผลสอบ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf