2.แผนที่แบ่งเป็นกี่ชนิด
1.จำแนกตามลักษณะการใช้ มี 3 ชนิด คือ
1.แผนที่อ้างอิง คือ คือแผนที่ที่ใช้สำหรับอ้างอิงข้อมูลในการทำแผนที่ชนิดอื่นๆ เช่นแผนที่ภูมิประเทศ แสดงลักษณะต่างๆบนพื้นผิวโลก
2.แผนที่เฉพาะเรื่อง เป็นแผนที่ที่จัดขึ้นเพื่อแสดงรายละเอียดเฉพาะเรื่อง เช่นแผนที่รัฐกิจ แสดงลักษณะทางการปกครองของประเทศ เช่นแผนที่แสดงการแบ่งเขตจังหวัดของประเทศไทย
3.แผนที่เล่ม(Atlast) เป็นแผนที่รวมแผนที่หลายๆชนิดไว้ในเล่มเดียวกัน เช่น แผนที่ภูมิประเทศ แผนที่ภูมิอากาศ แผนที่รัฐกิจ เป็นต้น
2.จำแนกตามขนาดหรือมาตราส่วน
ในกิจการทหารแบ่งเป็น 3 ชนิดคือ
1.แผนที่มาตราส่วนขนาดใหญ่ คือแผนที่ที่ใช้มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:75,000 สำหรับแสดงข้อมูลพื้นที่ขนาดเล็กเช่น หมู่บ้าน ตำบล เขตเทศบาลมาตราส่วนที่นิยมใช้คือ 1:50,000
2.แผนที่มาตราส่วนขนาดกลาง คือ แผนที่ที่ใช้มาตราส่วน 1:75000ถึง 1:600,000 เพื่อแสดงข้อมูลของพื้นที่ที่กว้างใหญ่ขึ้น เช่น พื้นที่อำเภอ จังหวัด มาตราส่วนที่นิยมใช้คือ 1:250,000
3.แผนที่มาตราส่วนขนาดเล็ก คือ แผนที่ที่ใช้มาตราส่วนเล็กกว่า 1:600,000 ใช้แสดงข้อมูลในพื้นที่ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ เช่น แผนที่ประเทศไทย แผนที่ทวีปเอเชีย มาตราส่วนที่นิยมใช้คือ 1:1,000,000
แบ่งในทางภูมิศาสตร์ มี 3 ชนิด
– แผนที่มาตราส่วนใหญ่ ได้แก่แผนที่มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:250,000
– แผนที่มาตราส่วนปานกลาง ได้แก่แผนที่มาตราส่วนตั้งแต่ 1:250,000 – 1:1,000,000
– แผนที่มาตราส่วนเล็ก ได้แก่แผนที่มาตราส่วนเล็กกว่า 1:1,000,000
3.องค์ประกอบของแผนที่มีอะไรบ้าง
1.ขอบระวาง คือ เส้นกั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม โดยมีตัวเลขแสดงค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์กำกับไว้ที่เรียกว่าค่าละติจูด และค่าลองจิจูด
2.ชื่อของแผนที่ เช่น แผนที่ภูมิประเทศของประเทศไทย
3.ชื่อทางภูมิศาสตร์ คือ ตัวอักษรที่ใช้บอกชื่อเฉพาะที่สำคัญในแผนที่นั้น เช่น ชื่อทวีป ชื่อประเทศ
4.พิกัดทางภูมิศาสตร์ เป็นการกำหนดที่ตั้งหรือตำแหน่งของสิ่งต่างๆบนพื้นผิวโลกลงในแผนที่ เช่น ที่ตั้งของจังหวัด โดยใช้ค่าละติจูด และลองจิจูด
5.ทิศ กำหนดให้ส่วนบนของแผนที่เป็นทิศเหนือ ส่วนล่างเป็นทิศใต้ ทางขวาเป็นทิศตะวันออก ทางซ้ายเป็นทิศตะวันตก
6.มาตราส่วน คือ อัตราส่วนระหว่างระยะทางในภูมิประเทศจริงกับระยะทางในแผนที่ มาตราส่วนแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ1.มาตราส่วนเศษส่วน ได้แก่ 1:500,000 2.มาตราส่วนเส้นหรือมาตราส่วนบรรทัด 3.มาตราส่วนคำพูด ใช้บอกมาตราส่วนในแผนที่โดยเขียนเป็นภาษาหนังสือ เช่น 1 ซ.ม.เท่ากับ 10 กิโลเมตร เป็นต้น
7.สัญลักษณ์ คือสิ่งที่ใช้แสดงแทนข้อมูลของสิ่งต่างๆเช่น สัญลักษณ์แทนภูเขา แม่น้ำ เป็นต้น
8.สี ที่นิยมใช้ในแผนที่ มี 5 สี
1.สีดำ แทนสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น โรงเรียน เขื่อน
2.สีแดง แทนถนน เส้นกั้นอาณาเขต
3.สีน้ำเงิน แทนพื้นน้ำ
4.สีน้ำตาล แทนความสูง เช่นเทือกเขา ที่ราบสูง
5.สีเขียว แทนพื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ ที่ราบลุ่มแม่น้ำ
4.ทิศเหนือซึ่งเป็นทิศหลักในแผนที่มีกี่ชนิด แต่ละชนิดมีรายละเอียดอย่างไร
ทิศเหนือในแผนที่มี 3 ชนิด คือ
1.ทิศเหนือจริง คือแนวที่ชี้ไปสู่ขั้วโลกเหนือตามทิศทางของเเนวของเส้นเมอริเดียนหรือลองจิจูด เส้นลองจิจูดทุกเส้นคือทิศเหนือจริง สัญญลักษณ์ของทิศเหนือจริงคือรูปดาว โดยทั่วไปจะไม่ใช้ทิศเหนือจริงในการอ่านแผนที่
2.ทิศเหนือแม่เหล็ก คือแนวที่ปลายลูกศรของเข็มทิศชี้ไปยังขั้วแม่เหล็กในซึกโลกเหนือ ใช้สัญญลักษณ์เป็นลูกศรครึ่งซีก ใช้ประโยชน์ในการหาทิศเมื่ออยู่ในภูมิประเทศจริง
3.ทิศเหนือกริด คือแนวทิศเหนือที่เกิดจากเส้นกริดหรือเส้นที่ลากในแผนที่ตัดกันเป็นมุมฉาก ใช้สัญญลักษณ์เป็นตัวอักษร GN ใช้ประโยชน์ในการหาค่าพิกัดบนแผนที่ และมุมภาคของทิศ
5.การบอกทิศทางนอกจากใช้ทิศทั้ง4แล้วอาจใช้วิธีใดได้อีก
1.การบอกทิศทางแบบมุมอาซิมัท (Azimuth)เป็นมุมที่วัดจากทิศเหนือไปตามเข็มนาฬิกา มุมที่วัดได้มีค่าไม่เกิน360องศา
2.มุมแบริง(Bearing)เป็นการบอกทิศทางโดยวัดค่ามุมในแนวราบ ซึ่งวัดจากทิศเหนือเป็นหลัก หรือวัดจากทิศใต้เป็นหลักก็ได้ โดยมีแนวเป้าหมายทางทิศตะวันออกหรือตะวันตก ขนาดของมุมแบริ่งที่วัดได้มีค่าไม่เกิน 90องศา
6.ระบบพิกัดในแผนที่ที่นิยมในปัจจุบันมีกี่แบบ ชื่ออะไร
มี 2 แบบ คือ 1.ระบบพิกัดภูมิศาสตร์ 2. ระบบพิกัดกริด
7.จงอธิบายระบบพิกัดภูมิศาสตร์
ระบบพิกัดภูมิศาสตร์ คือ การอ้างอิงตำแหน่งต่างๆบนพื้นผิวโลก ซึ่งเกิดจากการตัดกันระหว่างเส้นละติจูดและลองจิจูด
8.ค่าละติจูด มีลักษณะอย่างไร
- เป็นเส้นสมมุติลากรอบโลกในแนวนอน
- เส้นที่ยาวที่สุด คือ อีเควเตอร์ หรือเส้นศูนย์สูตร แบ่งโลกเป็น 2 ส่วนคือซีกโลกเหนือ-ใต้
- เริ่มต้นเส้นศูนย์สูตรที่ 0 องศา ขึ้นไปทางเหนือ 90 องศา และลงมาทางใต้ 90 องศา
- การกำหนดค่าละติจูด มีผลต่อการแบ่งเขตอากาศโลก เป็น 3 เขต คือ เขตร้อน เขตอบอุ่น เขตหนาว
9.ค่าลองจิจูด มีลักษณะอย่างไร
- เป็นเส้นสมมุติที่ลากในแนวตั้งจากขั้วโลกเหนือ -ขั้วโลกใต้
- เริ่มต้นเมอริเดียนแรกที่ ต.กรีนิช กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีค่าเป็น 0 องศา แบ่งโลกเป็น ซึกโลกตะวันออก และซีกโลกตะวันตก และใช้กำหนดเป็นเวลามาตรฐานของโลก GMT (Greenwich Mean Time )
- ค่าลองจิจูดจะนับไปทางตะวันออก 180 องศา และทางตะวันตก 180 องศา จนบรรจบกันที่ 180 องศา
- เส้นลองจิจูดที่ 180 องศา เป็นเส้นแบ่งเขตวันสากล ลากผ่านกึ่งกลางมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ไม่ได้ลากตรง มีบางตอนลากอ้อม เพื่อมิให้ดินแดนที่เป็นหมู่เกาะที่อยู่่ในรัฐเดียวกันต้องมีวันที่แตกต่างกัน
10.หลักการคำนวณเรื่องวันเวลาตามค่าลองจิจูด
- ถ้าข้ามเขตวันสากลไปทางซีกโลกตะวันออก เวลา เพิ่ม 1วัน
- ถ้าข้ามเขตวันสากลไปทางซีกโลกตะวันตก เวลาลด 1วัน
- ต้องดูว่าเขตนั้นอยู่ทางซีกโลกตะวันออกหรือตะวันตก ถ้าตะวันออกเวลาเร็วกว่า
- คำนวณตามสูตร 1 องศา = 4 นาที่ 15 องศา = 1 =ชั่วโมง
11.จงอธิบายระบบพิกัดกริด
พิกัดกริด UTM (Universal Transvers Mercator) เป็นระบบตารางกริดที่ใช้ช่วยในการกำหนดตำแหน่งและใช้อ้างอิงในการบอกตำแหน่ง ที่นิยมใช้กับแผนที่ในกิจการทหารของประเทศต่าง ๆ เกือบทั่วโลกในปัจจุบัน เพราะเป็นระบบตารางกริดที่มีขนาดรูปร่างเท่ากันทุกตาราง และมีวิธีการกำหนดบอกค่าพิกัดที่ง่ายและถูกต้องเป็นระบบกริดที่นำเอาเส้นโครงแผนที่แบบ Universal Transvers Mercator Projection ของ Gauss Krugger มาใช้ดัดแปลงการถ่ายทอดรายละเอียดของพื้นผิวโลกให้รูปทรงกระบอก Mercator Projection อยู่ในตำแหน่ง Mercator Projection (แกนของรูปทรงกระบอกจะทับกับแนวเส้นอิเควเตอร์ และตั้งฉากกับแนวแกนของขั้วโลก)
12.วิธีอ่านระบบพิกัดกริด
ทางด้านละติจูด อยู่ระหว่าง ละติจูด 80 องศาใต้ – 84 องศาเหนือ แบ่งเป็น 20 ส่วนๆละ 8 องศา ส่วนทางด้านลองจิจูด อยู่ระหว่าง180 องศาตะวันตก – 180 องศาตะวันออก แบ่งเป็น 60โซนๆละ 6 องศาวิธีการอ่าน คืออ่านไปทางขวาแล้วขึ้นบน