การเขียนการวิจัยในชั้นเรียน “โครงร่างการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน” (แบบง่าย)(CAR – Classroom Action Research)
การวิจัยในชั้นเรียน (CAR – Classroom Action Research) เป็นการพัฒนาการเรียนรู้เชิงระบบโดยใช้ข้อมูลระดับ
ห้องเรียน เป็นการพัฒนาเพื่อให้ผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
- วิเคราะห์สภาพปัญหาการเรียนการสอนระดับห้องเรียน
ขั้นตอนที่ 2
- พัฒนาเทคนิควิธีการ / สื่อ-นวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหา
ขั้นตอนที่ 3
- นำเทคนิควิธีการ / สื่อ –นวัตกรรมไปใช้สอนจริงในห้อง
ขั้นตอนที่ 4
- สรุปผลการดำเนินการแก้ปัญหา
ขั้นตอนที่ 1
การวิเคราะห์สภาพปัญหาการเรียนการสอนในระดับห้องเรียนเป็นการระบุปัญหาที่แท้จริงโดยอาศัยข้อมูลจากห้องเรียน ดังนี้
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับรายวิชา / รายจุดประสงค์การเรียนรู้
2. พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรมที่พึงประสงค์ตามหลักสูตร
3. บุคลิกภาพของนักเรียนด้านต่าง ๆ
4. เจตคติต่อรายวิชาต่าง ๆ
5. พฤติกรรมการเรียน เช่น ความขยันหมั่นเพียร ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ชอบหนีเรียน เป็นต้น
แหล่งข้อมูลที่จะนำมาเคราะห์ ได้แก่
1. รายงานสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นรายห้อง
2. รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นรายจุดประสงค์การเรียนรู้
3. แบบสังเกตพฤติกรรมด้านต่าง ๆ
4. ผลการประเมินโครงการที่เกี่ยวข้อง
5. แบบวัดเจตคติต่อรายวิชาต่าง ๆ
6. แบบวัดบุคลิกภาพด้านต่าง ๆ
7. แฟ้มผลงานของนักเรียนรายบุคคล
8. แบบประเมินพฤติกรรมตามหลักสูตร
9. แบบวัดคุณธรรม จริยธรรมตามหลักสูตร
ข้อสังเกต
ในการวิเคราะห์ปัญหาด้านการเรียนการสอน ครูผู้สอนใช้ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยออกข้อสอบแบบอิงจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม แล้วนำผลมาใช้ในการวิเคราะห์ปัญหา แล้วจะชี้ปัญหารวม ๆ ไม่ได้ระบุว่านักเรียนบกพร่องในด้านใด เรื่องอะไรบ้างได้ชัดเจน เครื่องมือที่ใช้วัดยังไม่คมชัดพอที่จะระบุปัญหาข้อบกพร่องทางการเรียนได้อย่างชัดเจน
นอกจากข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแล้ว ครูผู้สอนยังต้องนำข้อมูลด้านพฤติกรรมที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรมาร่วมพิจารณาด้วย จึงจะสามารถพัฒนา การเรียนให้เกิดความสมดุลอย่างแท้จริง
ขั้นตอนที่ 2
การพัฒนาเทคนิควิธีการสอน / สื่อ / นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา
เป็นขั้นตอนที่ครูผู้สอนต้องศึกษา ค้นคว้าวิธีการที่จะนำมาแก้ปัญหาในห้องเรียนโดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ โดยพิจารณา
1. วิธีสอน ต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และพฤติกรรมที่ต้องแก้ไข เป็นการสอนโดยอาศัยกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อเสริมสร้างการทำงานเป็นกลุ่ม / ทีม / คณะ กิจกรรมการสอนเพื่อสร้างปัญญา กิจกรรมการสอนเน้นการคิดเป็น กิจกรรมการสอนแบบแก้ปัญหา เป็นต้น
2. สื่อ / นวัตกรรมต่าง ๆ เป็นเครื่องมือของครู-อาจารย์ที่จะทำให้การจัดการเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายการสอน โดยสื่อ / นวัตกรรมเหล่านั้น ต้องสนองตอบต่อการเรียนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ โดยนักเรียนจะต้องสามารถศึกษาค้นคว้า หาความรู้ด้วยตนเอง ปฏิบัติจริง ฝึกนิสัยให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้สื่อ / นวัตกรรมที่จะนำมาใช้แก้ปัญหา อันได้แก่ สื่อที่ใช้ศึกษาด้วยตนเอง เช่น บทเรียนสำเร็จรูป แบบฝึกทักษะ เอกสารประกอบการเรียนการสอนแผ่นกระดานแม่เหล็ก หรือสื่อประเภทโมเดลต่าง ๆ เป็นต้น
สื่อ / นวัตกรรมที่จะนำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน อาจเป็นของที่มีใช้กันอยู่แล้ว ครูนำมาปรับใช้กับนักเรียนของตนได้อย่างเหมาะสม หรือคิดประดิษฐ์สื่อขึ้นมาใหม่เพื่อนำมาใช้สอน โดยมีขั้นตอนการพัฒนาดังนี้
1. เมื่อสร้างสื่อ / นวัตกรรมแล้วควรนำสื่อที่ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อนั้น ๆ พิจารณาคุณภาพเบื้องต้นว่าสื่อนั้นถูกต้องตามหลักการ ทฤษฎีของสื่อนั้นและเหมาะสมกับนักเรียนหรือไม่ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 2 – 3 คน ทดลองให้นักเรียนในระดับเดียวกันที่มีปัญหาในเรื่องนั้น ๆ ทดลองเรียนก่อน 1 คน เพื่อดูความเหมาะสม และความถูกต้อง แล้วปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสม
2. ทดลองกับนักเรียนกลุ่มเล็กประมาณ 5 – 10 คนคละกันไป เพื่อตรวจสอบ ข้อบกพร่องและความเหมาะสมของสื่อ เพื่อเตรียมไปใช้กับนักเรียนจริงขั้นตอนนี้เป็นการทดลองใช้เพื่อให้ได้สื่อที่มีคุณภาพระดับหนึ่งสามารถนำไปใช้สอนในห้องเรียนจริงได้
ขั้นตอนที่ 3
การนำเทคนิค วิธีการ / สื่อ / นวัตกรรม ไปใช้สอนในห้องเรียน
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่นำเอาเทคนิค วิธีการสอน สื่อ / นวัตกรรมที่ได้พัฒนาแล้ว ไปใช้ในห้องเรียนโดยมุ่งเน้นว่าสิ่งที่พัฒนามานั้นสามารถใช้แก้ปัญหาได้หรือไม่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. นำเทคนิค วิธีการ / สื่อ / นวัตกรรม ไปใช้แล้วนำผลที่ได้เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด โดยเกณฑ์นั้นครูผู้สอนจะเป็นผู้กำหนดเอง โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมคือ ไม่สูงเกินความสามารถของเด็ก หรือไม่ต่ำเกินไปจนเด็กที่ไม่ได้เรียนโดยวิธีนี้ก็สามารถทำได้
2. เพื่อดูว่านักเรียนที่เรียนโดยสื่อ / นวัตกรรม ที่พัฒนาขึ้นมาเกิดการเรียนรู้จริงหรือไม่โดยดูจากคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน (โดยใช้สื่อ / นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมา ) นำมาเปรียบเทียบกันว่าแตกต่างกันจริงหรือไม่ ซึ่งพิจารณาจากผลการทดสอบทางสถิติว่า คะแนนหลังเรียนแล้วแตกต่างจากคะแนนก่อนเรียนและเพิ่มขึ้นอยางมีนัยสำคัญทางสถิติหรือไม่ ขั้นตอนที่จะได้คำตอบว่าสื่อที่เราพัฒนาขึ้นแล้วนำไปแก้ปัญหาสำเร็จหรือไม่ ถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ หรือแก้ปัญหายังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไป คือ การปรับปรุงสื่อที่พัฒนาอีกครั้งหรือหาวิธีการแก้ปัญหาใหม่ ถ้าขั้นตอนนี้สามารถแก้ปัญหาประสบผลสำเร็จ ครูผู้สอนจะต้องบันทึกสรุปผลการแก้ปัญหา โดยทำเป็นรูปเล่ม หรือเป็นบทสรุปที่มีข้อมูลยืนยันความสำเร็จ เก็บในแฟ้มผลงานของครู เพื่อเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้รับทราบต่อไป
ตอนที่ 4
สรุปผลการดำเนินการแก้ปัญหา
ซึ่งเป็นขั้นตอนการเผยแพร่แนวทาง เทคนิค วิธีการ / สื่อ / นวัตกรรมที่ใช้ในการแก้ปัญหาประสบความสำเร็จแก่ผู้ร่วมอาชีพและสาธารณชนได้รับทราบ อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานักเรียน ผู้ร่วมอาชีพ ที่สามารถนำไปเป็นแนวทางการแก้ปัญหาการเรียนการสอนได้ในรายวิชาเดียวกันหรือรายวิชาอื่น ๆ
การวิจัยในชั้นเรียน (CAR –Classroom Action Research). [//www.geocities.com/jackypoll2/research.html]