ชื่อเรื่อง: | การบริหารทรัพยากรมนุษย์ กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Human resource management case study of Suratthani Rajabhat University |
ผู้แต่ง: | กิตติ มีลำเอียง |
ผู้ควบคุมงานวิจัย: | กิตติ บุนนาค |
ชื่อปริญญา: | รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต |
ระดับปริญญา: | Master's |
คณะ/หน่วยงาน: | คณะรัฐประศาสนศาสตร์ |
วันที่เผยแพร่: | 2557 |
ตัวระบุวัตถุจิจิทัล (ดีโอไอ): | 10.14457/NIDA.the.2014.56 |
หน่วยงานที่เผยแพร่: | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
บทคัดย่อ/เนื้อเรื่องย่อ: | การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี 2) ศึกษาระดับทัศนคติของบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานีที่มีต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 3) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการ บริหารทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งการศึกษามีมหาวิทยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานีเป็นหน่วยในการวิเคราะห์ โดยผู้วิจัยจะใช้การศึกษาแบบผสมผสานระหว่างการวิจัย เชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
จะใช้การวิจัยเชิง สำรวจ(Survey Research) โดยการใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือหลักในการเก็บข้อมูลจากกลุ่ม ตัวอย่างที่เป็นบุคลากรทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุนจำนวน 412 ตัวอย่าง ส่วนการวิจัยเชิง คุณภาพ (Qualitative Research) จะใช้การสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้างเพื่อเก็บข้อมูลจากบุคคลที่ เกี่ยวข้องจำนวน 5 คน และทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เพื่อใช้ในการยืนยันข้อมูลที่ ได้จากการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ และเพื่อให้สามารถอธิบายคำตอบตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่
ได้กำหนดไว้ |
รายละเอียดเพิ่มเติม: | วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2557 |
หัวเรื่องมาตรฐาน: | การบริหารงานบุคคล |
ประเภททรัพยากร: | วิทยานิพนธ์ |
ความยาว: | 276 แผ่น |
ชนิดของสื่อ: | Text |
รูปแบบแฟ้มข้อมูล: | application/pdf |
ภาษา: | tha |
สิทธิในการใช้งาน: | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) |
URI: | //repository.nida.ac.th/handle/662723737/4655 |
กรณีศึกษา “บริษัทไทยคร๊าฟ”
ประเด็น คำถามจากกลุ่ม
1. บริษัทควรที่จะมีการจัดระบบงานโดยมีหัวหน้า ของแต่ละฝ่ายหรือไม่ เพื่อให้การตัดสินใจในการส่งสินค้าออกแก่ลูกค้าเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอคำสั่งจาก กก.ผจก
2. ทำไมบริษัทไม่กำหนดคุณสมบัติในการรับสมัครงานโดยเฉพาะด้านการใช้ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ
3. เหตุใดบริษัทจึงไม่มีการกำจัดในการรับออร์เดอร์สินค้า หรือรับสมัครพนักงานเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพที่จะส่งออกให้แก่ลูกค้า
เนื้อหาการวิเคราะห์
1.แนะนำบริษัท
บริษัท ไทยคร๊าฟ จำกัด เป็นผู้ส่งออก ( Exporter ) โดยสินค้าที่ไทยคร๊าฟส่งออกเป็นสินค้าหัตถกรรมที่ทำจากผ้า เช่น ผ้าปูโต๊ะ ผ้ารองจาน กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง กระเป๋าสตรี ชุดคลุมอาบน้ำ หมวกคลุมผม ถุงมือจับของร้อน ฯลฯ ก่อตั้งโดยคุณอภิรักษ์ เมื่อปี พ.ศ. 2535 ไทยคร๊าฟไม่ได้ผลิตสินค้าด้วยตนเอง แต่ใช้วิธีว่าจ้างโรงงานในจังหวัดภาคเหนือให้ผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อที่บริษัทได้รับจากลูกค้า
เริ่มแรกไทยคร๊าฟมีพนักงาน 3 คน ไทยคร๊าฟได้รับพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ บริษัทฯ ใช้วิธีรับบุคคลที่พนักงานหรือคู่ค้าแนะนำมาให้ พนักงานที่รับเข้ามาทั้งหมดเป็นนักศึกษาจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ คุณอภิรักษ์เป็นผู้ฝึกอบรมทักษะการทำงานให้พนักงานทุกคนด้วยความเป็นกันเอง
ในปัจจุบันไทยคร๊าฟมีลูกค้าประจำ 5 ราย ธุรกิจไทยคร๊าฟดำเนินไปได้ด้วยดี จนสินค้าของโรงงานแห่งนี้ได้รับคัดเลือกเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ไทยคร๊าฟมีพนักงานทั้งหมด 7 คน โครงสร้างขององค์กรของบริษัทฯ มีลักษณะดังนี้
ขายยังไม่มีหัวหน้าฝ่าย พนักงานทุกคนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ กก. ผจก. งานของพนักงานในฝ่ายขายพนักงานในฝ่ายขายยังขาดทักษะที่ดีพอในการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ จึงต้องปรึกษากับ กก. ผจก. ทุกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจรายละเอียดของออร์เดอร์ก่อนที่จะนำข้อมูลไปปฏิบัติงาน
ฝ่ายบรรจุหีบห่อยังไม่มีหัวหน้าฝ่าย พนักงานทุกคนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ
กก. ผจก. งานของฝ่ายบรรจุหีบห่อ
ฝ่ายบริหารจัดการทั่วไปยังไม่มีหัวหน้าฝ่าย พนักงานทุกคนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ กก. ผจก.
ผลประกอบการทางด้านการเงินของไทยคร๊าฟท์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดมา ในระยะหลังลูกค้าประจำทุกรายสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่กลางปี 2546 เป็นต้นมา ไทยคร๊าฟท์ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 2 – 3 ราย ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นถึง 100% เป็นผลให้ความจำเป็นในการติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรกับลูกค้าแต่ละรายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย บริษัทฯ เริ่มมีปัญหาความล่าช้าในการสื่อสารกับลูกค้า ลูกค้าได้รับคำตอบจากบริษัทฯ ช้าเนื่องจาก กก. ผจก. ตอบอีเมล์ไม่ทัน นอกจากนี้ พนักงานในฝ่ายขายเริ่มมีปัญหาในการทำงาน กล่าวคือไม่สามารถสื่อสารกับหน่วยงานภายนอกองค์กรได้อย่างรวดเร็วเท่าที่ควร เนื่องจากต้องรอ กก.ผจก. ถ่ายทอดคำตอบจากลูกค้า ต้องรอปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับ กก. ผจก. ต้องรอ กก. ผจก. เขียนอีเมล์ถามข้อมูลจากลูกค้า ฯลฯ ทำให้งานต่างๆ เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ พนักงานในฝ่ายขายเริ่มมีงานล้นมือ เนื่องจากปริมาณออร์เดอร์เพิ่มขึ้น ทำให้บางครั้งเกิดความล่าช้าในการเตรียมวัตถุดิบให้กับโรงงาน เพราะพนักงานในฝ่ายขายติดพันอยู่กับออร์เดอร์เดิม จึงไม่สามารถปลีกตัวมาประสานงานกับ Supplier เพื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับออร์เดอร์ใหม่ได้ บางครั้งพนักงานในฝ่ายขายก็ยุ่งกับออร์เดอร์หนึ่งๆ จนไม่มีเวลาติดตามความคืบหน้าของออร์เดอร์อื่นอย่างใกล้ชิด ทำให้งานมีปัญหาค่อนข้างมาก ในส่วนของฝ่ายหีบห่อก็มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานไม่ทันเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ปริมาณออร์เดอร์ที่เพิ่มขึ้นทำให้พนักงานในฝ่ายบรรจุหีบห่อต้องใช้เวลาในบรรจุสินค้าลงกล่องและปิดผนึกเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดจากการทำงานของพนักงานในฝ่ายขายก็ทำให้การผลิตสินค้าเกิดความล่าช้าจนสินค้าเสร็จใกล้กับกำหนดส่งมอบมาก พนักงานในฝ่ายบรรจุหีบห่อต้องบรรจุสินค้าอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันตามกำหนด ความเครียดของพนักงานทุกคนโดยเฉพาะพนักงานในฝ่ายขายและฝ่ายบรรจุหีบห่อในช่วงใกล้การส่งมอบสินค้าจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ พนักงานในสองฝ่ายนี้มักจะต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ หรือบางครั้งต้องทำงานในวันหยุดเพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงตามกำหนด พนักงานเริ่มท้อแท้และผลัดกันลางานหลังจากการส่งมอบสินค้าแต่ละครั้ง
วิสัยทัศน์ของบริษัท
“เราจะเป็นองค์กรสมัยใหม่ที่ประกอบกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยการจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพและให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า ความสำเร็จของกิจการจะได้มาจากการลงทุนทางด้านทรัพยากรบุคคล ความรู้ ความยึดมั่นในบรรษัทภิบาลและความรวมมืออย่างใกล้ชิดของพันธมิตรธุรกิจ”
เป้าหมายของบริษัท
มุ่งหวังที่จะบริการลูกค้าแต่ละรายให้ดีที่สุด เพื่อทำให้ลูกค้าเหล่านี้กลายเป็นลูกค้าประจำของตน
2. การวิเคราะห์ธุรกิจ การวิเคราะห์ด้วย SWOT
2.1.จุดแข็งของบริษัทประกอบด้วย
1. บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า
2. สินค้าที่บริษัทส่งออกมีคุณภาพ
3. ผู้บริหารมีความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในตัวพนักงาน และมีความใกล้ชิดกับพนักงาน
4. บริษัทส่งสินค้าตรงต่อเวลา
5. พนักงานเก่ามีประสบการณ์มากทำให้สินค้ามีคุณภาพ ทำให้ลูกค้าสนใจสั่งสินค้ามากยิ่งขึ้น
6. พนักงานมีความจงรักพักดีต่อบริษัท
2.2. จุดอ่อนของบริษัทประกอบด้วย
1. พนักงานขาดความรู้ด้านภาษาต่างประเทศในการสื่อสารกับลูกค้า
2. จำนวนรายการสั่งสินค้ามากขึ้น
3. การจัดระบบฝ่ายงานไม่แน่นอน ไม่มีหัวหน้างานของแต่ละฝ่าย
4. จำนวนพนักงานในบริษัทมีจำนวนน้อย ไม่พอกับปริมาณของานที่รับมาจากลูกค้า ทำให้งานล่าช้าและส่งงานไม่ทันตามกำหนด
3. โอกาสของบริษัทประกอบด้วย
- บริษัทผลิตสินค้าที่มีคุณภาพจึงทำให้มีลูกค้าจำนวนมากขึ้น และทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและไว้วางใจบริษัทไทยคร๊าฟ
-บริษัท ไทยคร๊าฟ เป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในสังคมปัจจุบันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะผลิตสินค้าให้ตามความต้องการของตลาดในแนวใหม่จึงทำให้มียอดการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น
4.อุปสรรคของบริษัทประกอบด้วย
-พนักงานขาดทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศในการสื่อสารติดต่อกับลูกค้าชาวต่างชาติ
-ระบบการบริหารงานไม่มีความชัดเจนในการคัดเลือกหัวหน้าฝ่าย ทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ
-พนักงานมีจำนวนน้อยทำให้งานล้นมือในแต่ละฝ่าย
กำหนดวัตถุประสงค์
บริษัทมุงหวังที่จะบริการลูกค้าแต่ละรายให้ดีที่สุด เพื่อทำให้ลูกค้ามีความไว้วางใจบริษัทและเป็นลูกค้าประจำ โดยการจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพในการส่งออก
ปัญหาของบริษัท
-ด้านการสื่อสารการใช้ภาษา
-การส่งสินค้าไม่ตามเวลาที่กำหนด
-พนักงานตัดสินใจของพนักงานมีความล่าช้า
สาเหตุของปัญหา
-พนักงานขาดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
-การรับรายการสินค้ามีจำนวนมากในขณะที่พนักงานมีจำนวนน้อย
-การตัดสินใจของพนักงานล่าช้าเนื่องจากไม่มีหัวหน้าฝ่ายในการตัดสินใจ
4.การกำหนดปัญหา
1. บริษัทควรที่จะมีการจัดระบบงานโดยมีหัวหน้าของแต่ละฝ่ายหรือไม่ เพื่อให้การตัดสินใจในการส่งสินค้าออกแก่ลูกค้าเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอคำสั่งจาก กก.ผจก
2. ทำไมบริษัทไม่กำหนดคุณสมบัติในการรับสมัครงาน โดยเฉพาะด้านการใช้ภาษา เช่นภาษาอังกฤษ
3. เหตุใดบริษัทจึงไม่มีการจำกัดในการรับรายการสินค้าสินค้า หรือมีการรับสมัครพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพที่จะส่งออก
การแก้ปัญหา
1. บริษัทควรมีการจัดการทรัพยากรบุคลากรที่เป็นระบบ
2.บริษัทควรจัดอบรมการใช้ภาษาอังกฤษให้กับพนักงาน
3. บริษัทต้องรับพนักงานเพิ่มหรือไม่ก็จำกัดรายการสินค้าที่พอดีกับกำลังการผลิตขององค์กร
การจัดการทรัพยากรบุคลากรที่เป็นระบบ
ความสำคัญของการจัดการทรัพยากรมนุษย์
ในการบริหารองค์กร มนุษย์นับเป็นทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นและต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์จำนวนมากในหลากหลายหน้าที่ เพราะทรัพยากรมนุษย์จะเป็นผู้สร้างสรรค์งานบริการและเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ที่เน้นคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย และคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งการที่จะได้มาซึ่งทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ การพัฒนาและการรักษาทรัพยากรมนุษย์ให้ทำงานให้กับองค์การอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนการออกจากองค์การไปด้วยดีนั้น ล้วนต้องอาศัยการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ดังนั้น การจัดการทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญกับการบริหารองค์การ ดังต่อไปนี้คือ
ทำให้มีบุคลากรทำงานที่เพียงพอและต่อเนื่อง เนื่องจากการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีจะต้องมีการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ โดยมีการทำนายความต้องการทรัพยากรมนุษย์ในอนาคต ซึ่งต้องสัมพันธ์กับทิศทางและแผนงานขององค์การ ตลอดจนกิจกรรมขององค์การที่คาดว่าจะมีในอนาคต นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงตลาดแรงงานของทรัพยากรมนุษย์ เพื่อที่จะคาดการณ์ได้ว่าองค์การมีความต้องการทรัพยากรมนุษย์ประเภทใด จำนวนเท่าใด เมื่อใด ทำให้สามารถวางแผนการรับคนเข้าทำงาน การฝึกอบรมและพัฒนา และการหาทรัพยากรอื่นมาทดแทนถ้าจำเป็น ซึ่งจะส่งผลให้องค์การมีบุคลากรทำงานอย่างเพียงพอตามความจำเป็น และมีบุคลากรที่ทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายหรือหดตัวของธุรกิจขององค์การ ส่งผลให้องค์การสามารถดำเนินงานไปได้ตามทิศทางและบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
กระบวนการบริหารงาน(posdir)
1. การวางแผนงาน (Planning)
2. การจัดองค์การ ( Organizing )
3. การจัดคนงาน ( Staffing )
4. การอำนวยการ ( Directing )
5. การนำสิ่งใหม่เข้ามาใช้(Innovation)
6. การวิจัย ( Research)
กระบวนการบริหาร (PAPOSDCORB)
- การกำหนดนโยบาย (Policy)
- การกำหนดอำนาจหน้าที่ (Authority)
- การวางแผนงาน (Planning)
- การจัดองค์การ ( Organizing )
- การจัดคนงาน ( Staffing )
- การอำนวยการ ( Directing )
- การประสานงาน ( Coordinating )
- รายงาน ( Reporting )
- การเงินหรืองบประมาณ ( Budgeting)
( Jerry W. Gilley, Steven A. Eggland และ Ann Maycunich Gilley ในหนังสือ Principle of Human Resource Development)
บริษัทควรจัดการอบรมการใช้ภาษาอังกฤษให้กับพนักงาน
การอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
เนื่องจากภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นต่อชีวิตประจำวันและการทำงานในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร การแลกเปลี่ยนข้อมูลทาง Internet ตลอดจนการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ดังนั้นผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษย่อมจะมีโอกาสที่ดีกว่า เพราะจะเป็นที่ยอมรับและต้องการขององค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ มากกว่าผู้ที่ขาดความรู้ความชำนาญในด้านนี้ ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ ในฐานะผู้รับผิดชอบผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ได้ตระหนักถึงปัจจัยสำคัญนี้ จึงจัดโครงการพิเศษขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษา และส่งเสริมให้นักศึกษาเกิดความมั่นใจในความรู้ความสามารถของตนก่อนที่จะก้าวออกไปสู่ชีวิตการทำงานที่แท้จริง (มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 2550)
บริษัทควรเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มขึ้นพร้อมกับระบุคุณสมบัติของพนักงานให้ชัดเจน
การคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน
การคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานในบริษัท องค์กร หน่วยงาน เป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นต้องได้คนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับงาน ผู้ที่จะทำการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานจึงต้องมีความรู้ในเบื้องต้นก่อนว่า บุคคลที่จะทำงานในตำแหน่งงานที่กำหนดนั้น จะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นอะไรบ้าง และจะต้องมีคุณสมบัติอะไรอีก นอกจากนี้จะต้องมีคุณลักษณะความรู้ ความสามารถ อะไรต่อมา โดยทั่วไป การคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานมักจะกำหนดคุณวุฒิทางการศึกษาก่อน เช่น สำเร็จการศึกษาระดับใด หรือสำเร็จการศึกษาในด้านใด หลังจากนั้นจึงจะกำหนดคุณสมบัติและคุณลักษณะเพิ่มเติม และจึงประกาศรับสมัครเพื่อทำการคัดเลือกต่อไป (อุทุมพร จามรมา, 2548)
ข้อเสนอแนะ
สถาบันสอนภาษา Lingo (Thailand)
ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในการเพิ่มขีดความสามารถและฟื้นฟูภาษาอังกฤษในทุกๆองค์กร
Lingo เป็นสถาบันสอนภาษาที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการอบรมภาษาอังกฤษให้กับองค์กรต่างๆโดยตรง เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กรทุกระดับ เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น ทั้งการสื่อสารภายในและการสื่อสารภายนอก ครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะ ฟัง,พูด, อ่าน, และเขียน โดยสื่อการสอนเน้นไปที่ Case
Study ที่เป็นของจริง
ปัจจุบัน ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับประเทศไทย โดยเฉพาะในระดับของการทำงาน จะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นองค์กรของภาครัฐหรือเอกชน ขนาดขององค์กรตั้งแต่ระดับ SME ไปจนถึงระดับมหาชน ล้วนแล้วแต่ต้องมีเรื่องของภาษาเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ปัจจุบันคนไทยเองก็มีความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้และพยายามที่จะศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้น
ในส่วนขององค์กรเอง Lingo เชื่อว่าหลายๆองค์กรจัดอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษให้กับพนักงานกันมาหลายครั้งแล้ว
แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาต่างๆเช่นกัน ทำให้ประสิทธิภาพทีได้ไม่ดีเท่าที่ควรปัญหาที่ Lingo พบในหลายๆองค์กร คือ
1.พนักงานที่เป็นคนไทยส่วนใหญ่มักมีความสามารถในด้านไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษเนื่องจากมีการเรียนกันมาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่ในขณะเดียวกันทักษะทางการสนทนาไม่ดีเท่าที่ควร
2. แม้ว่าคนไทยจะมีความถนัดในด้านไวยากรณ์แต่ Lingo พบว่า ทักษะทางด้านการอ่านและการเขียน ซึ่งถือเป็นทักษะที่ยากที่สุดในภาษาอังกฤษ ก็ยังเป็นปัญหาสำหรับคนไทยหลายๆคน Lingo พบว่า
พนักงานส่วนใหญ่มีปัญหาในการเขียนอีเมล์ที่ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการให้กับเจ้านาย หรือลูกค้าทีเป็นชาวต่างชาติ โดยส่วนใหญ่มักเขียนเป็นฟอร์แมทที่คัดลอกกันมา ไม่สามารถเรียบเรียงประโยคที่ต้องการจริงๆได้
3. ความสามารถเฉพาะทาง บวกกับการต้องใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารเมื่อเจอปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดจากลูกค้าชาวต่างชาติที่มาจากหลากหลายสัญชาติ ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
4. ทักษะการฟัง และการออกเสียงคำที่คล้ายๆกันในภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับพนักงานที่อยู่ในส่วนที่ต้องรับโทรศัพท์
หรือต้องติดต่องานทางโทรศัพท์บ่อยๆ เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับสำเนียง และไม่คุ้นเคยกับการคุยภาษาอังกฤษผ่านทางโทรศัพท์ Lingo สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ โดยหลักสูตร Let's Listen ของ Lingo ท่านจะได้ฟังสำเนียงภาษาอังกฤษของชาวต่างชาติหลายสิบสำเนียง เพื่อฝึกความเคยชิน
Lingo มีทักษะและความเชี่ยวชาญโดยตรงในการเข้าไปฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับทุกๆองค์กร ด้วยความสามารถเฉพาะทางของเหล่าอาจารย์ ผู้เขียนหลักสูตร และพนักงานที่มีประสบการณ์ในงาน Training มาหลายปี
ขั้นตอนการเรียนกับ Lingo
1.
นัดหมายให้ Lingo ได้ไปพบกับคุณ เพื่อให้ Lingo นำเสนอรายละเอียดต่างๆที่เรามี
2. Lingo ทำการทดสอบความรู้พื้นฐานให้กับพนักงานในองค์กรของท่าน ด้วยมาตรฐานที่เป็นสากล
3. Lingo ทำรายงานสรุประดับความรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษของพนักงานของท่านอย่างละเอียดพร้อมด้วยตารางเปรียบเทียบคะแนนอื่นๆที่ท่านต้องการ
4. เลือกหลักสูตรที่คุณต้องการและคุณอาจมีส่วนร่วมในการ Design Course Outline ได้ตามที่ต้องการ
5. Lingo จัดให้มีการทดสอบก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังจบหลักสูตร
เพื่อให้องค์กรได้ทราบความคืบหน้าในการเรียนทั้ง 3 ระยะ โดยการสอบไม่นับรวมในจำนวนชั่วโมงที่ท่านได้ลงทะเบียน
ข้อสอบ Placement Test ของ Lingo ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล และสามารถเปรียบเทียบคะแนนที่สอบได้กับ การทดสอบอื่นๆได้มากมาเช่น TOEIC , TOEFL , IELTS etc. อาจารย์ของ Lingo Lingo ให้ความสำคัญต่อบุคลากรที่จะมาเป็นอาจารย์เป็นอย่างมาก เพราะ Lingo เชื่อว่า ผู้ที่จะสามารถเป็นครูได้ดีนั้น การมีความรู้ในเรื่องที่จะสอนเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ หากแต่ต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในการสอน
การถ่ายทอดเป็นอย่างดีอีกด้วย Lingo จึงพิถีพิถัน เอาใจใส่ในเรื่องนี้มากทีเดียว ฉะนั้น อาจารย์ทุกท่านของ Lingo เป็นผู้ที่มีมาตรฐานการสอนเป็นสากล ได้รับการรับรองจากองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ มีวุฒิบัตรการสอนจากCELTA , TEFL , TESOL
นอกจากนั้น Lingo ยังมีการจัดเทรนนิ่งให้กับอาจารย์ทุกท่านเพื่อให้การสอนเหมาะกับวัฒนธรรมของคนไทย อาจารย์ทุกท่านจะมีความเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆของไทยเรา ที่สำคัญ Lingo เน้นการสอนที่สนุกสนาน เพราะเราไม่ต้องการให้พนักงานที่เรียนกับเราเกิดความรู้สึกเครียด
เนื่องจากต้องทำงานกันมาแล้วทั้งวัน Lingo มีวิธีการสอนที่นอกจากผู้เรียนจะได้ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริงแล้ว ยังเกิดความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
"Think in English !"
"Lingo ให้ท่านได้ร่วม Design หลักสูตรที่ต้องการได้ภายใต้งบประมาณที่ท่านต้องการ
ติดต่อ Lingo
Lingo Language Training Co., Ltd.
573/146 Lumpini Center Building B On-Nut Rd., Suan Luang , Bkk 10250
Tel. 086-339-1070 (คุณทอภัค) ทอภัค(58.8.170.78)
บรรณานุกรม
การอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการประกอบอาชีพ.(2540). วันที่สืบค้นข้อมูล26 กรกฎาคม 2552,
เข้าถึงได้จาก www.bu.ac.th/th/news/careereng/careereng.html
อุทุมพร จามรมา. (2548). การคัดเลือกบุคลเข้าทำงาน. วันที่สืบค้นข้อมูล 26 กรกฎาคม 2552,
เข้าถึงได้จาก www.siamhrm.com/?name=chapter&file=read&max...