ประเทศไทยสามารถกำหนดราคาน้ำมันได้หรือไม่เพราะเหตุใด

ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมราคาน้ำมันถึงถูกปรับเปลี่ยนขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างไม่คงที่อยู่ตลอดเวลา วันนี้ ALTV จะพาไปไขข้อสงสัยว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เป็นเช่นนี้

ทุกครั้งที่เราขับรถเข้าไปเติมน้ำมันมักจะมองเห็นป้ายราคาน้ำมันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่หน้าปั๊ม หรือแม้แต่เวลาที่เราขับผ่านและพบว่า น้ำมันที่เติมอยู่ทุกครั้งถูกปรับเปลี่ยนราคาอีกแล้ว !! สาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันทั้งในไทย และต่างประเทศจึงมีราคาที่แตกต่างกันไป

💸ปัจจัยที่ทำให้น้ำมันถูก หรือ แพง

  • สงครามในประเทศที่ส่งออก และผลิตน้ำมันเองได้       

ปัจจัยที่ทำให้น้ำมันถูกหรือแพง ส่วนหนึ่งมาจากการเกิดความไม่สงบในคู่สงครามกับประเทศที่เขาสามารถส่งออก หรือเป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของโลก จะเห็นได้จากตัวอย่างของการเกิดสงครามยูเครน และรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลก และหลายประเทศไม่พอใจ จึงเกิดการคว่ำบาตรกับชาติยักษ์ใหญ่อย่างรัสเซีย ทำให้เกิดอุปสรรคในการขนส่ง ปริมาณน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกลดลง และส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอีกด้วย 

  • กลุ่มประเทศ OPEC

ประเทศผู้ผลิตน้ำมันมารวมตัวเป็นกลุ่มโอเปก (OPEC : Organization of the Petroleum Exporting Countries) โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะต้องช่วยกันรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันไม่ให้ถูก หรือ แพงจนเกินไป

  • การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้เชื้อเพลิงในแต่ละฤดูกาล

เมื่อมีการทำธุรกิจ สิ่งที่ตามมาคือความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการผลักราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตามมาด้วย เช่นเดียวกับความต้องการใช้น้ำมันในแต่ละฤดูกาลที่ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่นฤดูหนาวในหลายประเทศ ที่ผู้คนต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอุปกรณ์สร้างความอบอุ่นให้แก่ตนเอง น้ำมันในช่วงฤดูหนาวจึงมีราคาแพงกว่าในฤดูร้อนนั่นเอง

  • ปริมาณน้ำมันคงเหลือในโรงกลั่น

หากว่าโรงกลั่นแต่ละแห่งได้ซื้อน้ำมันดิบเตรียมไว้ในปริมาณที่มากเพียงพอแล้ว โรงกลั่นจะหยุดซื้อน้ำมันดิบไปในช่วงเวลาหนึ่ง ในขณะเดียวกันปริมาณความต้องการในตลาดโลกจะลดน้อยลง จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลงได้เช่นกัน

  • สภาพอากาศและภัยพิบัติ

สภาพอากาศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติต่อประเทศที่สำคัญในการผลิตหรือส่งออก ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์พายุเฮอริเคนในสหรัฐอเมริกา ทำให้กำลังการผลิตทั่วโลกลดลงเป็นระยะ ๆ และหากว่าเกิดความรุนแรงกระทั่งแผ่นดินไหว ทำให้แหล่งผลิต หรือท่อส่งน้ำมันพังเสียหาย ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันที่ต้องส่งเข้าตลาดโลกลดลงกว่าเดิม จึงทำให้ราคาน้ำมันมีการผันผวนทั่วโลกอีกด้วย

  • ผลกระทบจากโควิด-19

เพื่อป้องกันโควิด-19 ทำให้หลายพื้นที่ต้องปิดประเทศ ผู้คนไม่สามารถเดินทางได้ และเมื่อความต้องการใช้ลดลง ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวถูกลงนั่นเอง

  • อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน 

เพราะว่าน้ำมันในตลาดโลก ซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หากว่าค่าเงินมีการเปลี่ยนแปลง ต้นทุนในการซื้อน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

  • นโยบายของภาครัฐ

รัฐบาลในหลายประเทศ มีนโยบายในการอุดหนุนราคาน้ำมัน เพื่อให้ราคาน้ำมันถูกลง แต่ถ้าหากว่าไม่มีนโยบายนี้ และนำเงินไปพัฒนาอย่างอื่นแทน ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งสูงขึ้น เมื่อเทียบกันในหลายประเทศ เพราะฉะนั้นราคาน้ำมันขายแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับรูปแบบของนโยบายในแต่ประเทศนั้น ๆ ด้วย

แต่สำหรับในประเทศไทย ราคาน้ำมันอาจไม่ลดลงตามราคาตลาดโลกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้บอกว่า ประเทศไทยไม่สามารถปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกลงได้ เนื่องจากยังคงต้องอุดหนุนเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบกว่าแสนล้านบาท 

เปิดโครงสร้างราคาน้ำมันในไทย

           ถึงแม้ว่าประเทศไทยมีแหล่งน้ำมันดิบที่สามารถขุดเจาะและกลั่นเองได้ แต่คุณสมบัติของน้ำมันที่ได้อาจมีคุณภาพที่ไม่ดีพอ และไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน และอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงต้องนำเข้าน้ำมันเพื่อให้สมดุลกับความต้องการใช้งานภายในประเทศ ไปดูกันว่าต้นทุนการผลิตน้ำมันแต่ลิตรต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

           กว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่เราเห็นตามป้ายหน้าปั๊มได้นั้นต้องผ่านกระบวนการนำเอาน้ำมันดิบไปเข้าโรงกลั่น จนได้เป็นน้ำมันสำเร็จรูป และมีเรื่องของการจัดเก็บภาษีต่าง ๆ รวมทั้งหมดอยู่ 8 องค์ประกอบ เริ่มจาก...

  1. ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น คือราคาน้ำมันสำเร็จรูป ที่ยังไม่ได้รวมภาษี กองทุน และค่าการตลาด
  2. ภาษีสรรพสามิต ซึ่งจัดเก็บภาษีต่อลิตรนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมัน
  3. ภาษีมหาดไทย (ภาษีเทศบาล) เก็บ 10 % ของภาษีสรรพสามิต
  4. การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อดูแลเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ในกรณีที่น้ำมันสูงมาก เงินก้อนนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อพยุงราคาน้ำมัน
  5. เงินที่เก็บเข้ากองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 
  6. VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %
  7. ค่าการตลาด ของผู้ประกอบการที่ต้องมีต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการลงทุน
  8. ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าการตลาดในผู้ประกอบการอีก 7 %

📍สรุปได้ว่า ราคาน้ำมันที่เราต้องจ่ายในทุกวันนี้ ถูกแบ่งเป็นต้นทุนการผลิตน้ำมันหน้าโรงกลั่น ประมาณ 40-60 % และเสียภาษีต่าง ๆ ให้กับรัฐบาลประมาณ 30-40 % จ่ายเงินเข้ากองทุนอีกประมาณ 5-20 % รวมถึงค่าการตลาดให้กับเจ้าของปั๊มน้ำมันอีกประมาณ 10-18 % ของราคาน้ำมัน

      และหลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมราคาน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน หรือกลุ่มประเทศอาเซียนถึงมีราคาขายที่แตกต่างกัน ตามที่กระทรวงพลังงาน ได้เผยข้อมูลถึงปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมันกล่าวว่า

แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุน หรือการอุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน ซึ่งในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่ และประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ห้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้นถูกกว่าเบนซิน 

สถิติราคาน้ำมันแพงสุด VS ถูกสุด

           ในปี พ.ศ. 2551 ราคาน้ำมันแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ อยู่ที่ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (หากคิดเป็นค่าเงินบาทในปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 5,249 บาทต่อ 159 ลิตร) โดยเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาน้ำแพงหูฉี่ เกิดจากคู่สงครามสหรัฐ และประเทศอิหร่าน ทำให้หลายประเทศเกิดการคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของประเทศ OPEC จึงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกค่อนข้างมาก

           ช่วงเดือนเมษายน ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมาไม่นาน ราคาน้ำมันถูกที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ จนติดลบอยู่ที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (หากคิดเป็นค่าเงินบาทติดลบอยู่ที่ 1,344 บาท) สาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้หลายพื้นที่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ (Lockdown) ความต้องการใช้น้ำมันลดลงตามไปด้วย จึงเป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันดิ่งลงจนติดลบในที่สุด

           ปัจจุบันประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน โดยประเทศที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของโลก จะมีประเทศไหนบ้างไปดูกันเลย 

🏗5 ประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุด

  • อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา ผลิตน้ำมันได้ถึง 16.5 ล้านบาร์เรล คิดเป็น 1,907,845,500 ลิตรต่อวัน
  • อันดับ 2 ซาอุดิอาระเบีย 11 ล้านบาร์เรล คิดเป็น 1,271,897,000 ลิตรต่อวัน
  • อันดับ 3 รัสเซีย 10.7 ล้านบาร์เรล คิดเป็น 1,237,208,900 ลิตรต่อวัน
  • อันดับ 4 แคนาดา 5.1 ล้านบาร์เรล คิดเป็น 589,697,700 ลิตรต่อวัน
  • อันดับ 5 อิรัก 4.1 ล้านบาร์เรล คิดเป็น 474,070,700 ลิตรต่อวัน

ทริกการคำนวณราคาน้ำมัน !

เพื่อการคำนวณน้ำมันล่วงหน้า หากทุกคนได้เห็นข่าวเศรษฐกิจว่าจะมีการปรับราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้นทุกครั้งที่ราคาน้ำมันขึ้น 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นั่นมีความหมายว่า ราคาหน้าหัวจ่ายจะปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตรนั่นเอง

           ทุกคนพอเข้าใจกันแล้วใช่ไหมว่าปัจจัยอะไรทำให้ราคาน้ำมันขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่คงที่ บางวันราคาพุ่งสูงขึ้น บางวันราคาปรับตัวต่ำลง และในฐานะผู้บริโภคที่จำเป็นต้องใช้รถอย่างเรา ๆ ควรมีการวางแผนในการเดินทาง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงได้ช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย 

อ้างอิงจาก กระทรวงพลังงาน, Springnews, Longtunman, Bangkokbiznews

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv Terjemahan แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip lmyour แปลภาษา ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาอาหรับ-ไทย Bahasa Thailand app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม พจนานุกรมศัพท์ทหาร ยศทหารบก ภาษาอังกฤษ สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทั้งหมดกี่ภาค มัจจุราชไร้เงา 1 mono29 มัจจุราชไร้เงา 1 pantip มัจจุราชไร้เงา 3 pantip รายชื่อวิทยานิพนธ์ นิติศาสตร์ 2563 ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาอิสลามเป็นไทย ่้แปลภาษา Google Drive กรมการปกครอง กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ที่อยู่สมุทรปราการ ภาษาอังกฤษ ประปาไม่ไหล วันนี้ มหาวิทยาลัยรามคําแหง เปิดรับสมัคร 2566 มัจจุราชไร้เงา 2 facebook ราคาปาเจโร่มือสอง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น หนังสือราชการ ส ถ หยน ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ อาจารย์ ตจต Google Form Info arifureta shokugyou de sekai saikyou manga online legendary moonlight sculptor www.niets.or.th ประกาศผลสอบ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf