โซดาไฟ หรือคอสติกโซดา (อังกฤษ: caustic soda) คือ "สารประกอบชนิดหนึ่ง ชื่อ โซเดียมไฮดรอกไซด์(NaOH) เป็นของแข็งสีขาว ดูดความชื้นดีมาก ละลายน้ำได้ดีมีสถานะเป็นของแข็งสีขาวหรืออาจอยู่ในรูปของเหลวที่เป็นสารละลาย
รูปภาพจาก : petroac
ปัจจุบันผู้คนนิยมมาทำความสะอาด เช่น ขจัดคราบสกปรกและสิ่งอุดตันในท่อระบายน้ำ ขจัดคราบไขมันและเส้นผม ช่วยให้สะอาด ขจัดเชื้อโรค แปรสภาพจากกรดให้กลายเป็นด่าง มีส่วนช่วยบำบัดน้ำเสียและปรับปรุงคุณภาพน้ำ แต่ถ้าใช้งานโดยไม่ระวังอาจก่อให้เกิดอัตรายแก่ตัวผู้ใช้ได้ ผู้ใช้จึงควรศึกษารายละเอียดขั้นตอนการใช้งาน วิธีการเก็บรักษา และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้
ขั้นตอนการใช้งาน
1.
ผสมน้ำกับโซดา ด้วยอัตราส่วนน้ำ 0.5 ลิตร : โซดาไฟ 50-100 กรัม
2. คนให้เข้ากัน จนโซดาไฟละลายหมด ระวังอย่าสัมผัสโดนผิวหนัง ตา และจมูก
3. นำไปเท ในท่อที่ตันหรือชักโครก
4. รอให้โซดาไฟออกฤทธิ์ ขจัดล้างสิ่งอุดตันในท่อ 10-20 นาที
5. เทน้ำตาม เพื่อล้างโซดาไฟในท่อให้หมด
วิธีการเก็บรักษา
1. เก็บไว้ในที่แห้ง อย่าให้ถูกความชื้น
2. อย่าให้ถูกกรดและสารติดไฟ
3. เวลาใช้ให้สวมหน้ากาก ชนิดเต็มหน้า สวมถุงมือ รองเท้ายาง เสื้อคลุม
4.
ทำความสะอาดร่างกายทุกครั้งหลักจากการใช้งาน
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1. ถ้าเข้าตาให้ล้างน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
2. หากถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำสบู่และน้ำ
3. ใช้ยาทาแก้แผลไฟไหม้เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น
4. หากเข้าปากให้ล้างท้องด้วยกรดน้ำส้มายชู
5.
จากนั้นรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี้ยงอัตรารายอุบัติเหตุที่จะเกิดควรทำตามขั้นตอนการใช้งานทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์
เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า 5 ชนิด ทั้งแบบสำเร็จรูปและจากของใช้ในครัวเรือน อะไรดีกว่ากัน
1.เบกกิ้งโซดา
ผงล้างเครื่องซักผ้า ที่หาได้ง่ายในบ้านคือ เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) มีลักษณะเป็นของแข็งสีขาว มีโครงสร้างเป็นผลึก แต่ที่ขายกันตามร้านมักพบในรูปของผงละเอียด สามารถใช้แทนน้ำยาทำความสะอาดได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ช่วยลดกลิ่นเหม็นอับจากเชื้อราได้
โดยเราจะใช้เบกกิ้งโซดา 1 ถุง (300 กรัม) เทลงในเครื่องซักผ้าแบบฝาบนที่มีน้ำเต็มถังเรียบร้อยแล้ว ส่วนเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ให้เทลงในช่องผงซักฟอกตามปกติ จากนั้นเปิดเครื่อง เลือกโปรแกรมซักปกติ (ไม่ต้องใส่ผ้า) เดินเครื่อง 5-10 นาที เพื่อให้เบกกิ้งโซดาละลายเข้ากับน้ำ แล้วปล่อยทิ้งไว้อีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง และตามด้วยการใช้โปรแกรมซักผ้าตามปกติเพื่อล้างคราบทุกอย่างออกมาอีก 1-2 รอบ จนกว่าน้ำที่ปล่อยออกมาจากท่อน้ำทิ้งสะอาดหมดจด
2.น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด สามารถยับยั้งหรือป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และสามารถกำจัดคราบตะกอนที่เกิดขึ้นในเครื่องซักผ้าได้ด้วย วิธีการทำความสะอาดก็คล้ายๆกับการใช้เบกกิ้งโซดา แค่เตรียมน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ขวดเล็ก (250 มิลลิลิตร) สำหรับเครื่องซักผ้าขนาดไม่เกิน 7 กิโลกรัม หรือเพิ่มปริมาณน้ำส้มสายชูให้เหมาะกับขนาดของถังซัก ใส่ลงไปในถังซักหรือช่องใส่น้ำยาซักผ้าที่เปิดน้ำไว้เต็มแล้ว จากนั้นเปิดเครื่อง เลือกโปรแกรมซักปกติ (ไม่ต้องใส่ผ้า) เดินเครื่อง 5-10 นาที แล้วปล่อยแช่ทิ้งไว้อีกประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้น้ำส้มสายชูออกฤทธิ์ จากนั้นเลือกโปรแกรมซักแบบปกติ เพื่อล้างคราบสกปรกและกลิ่นเปรี้ยวจนกว่าจะหมดไป
3.ผลิตภัณฑ์ล้างถังเครื่องซักผ้าสำเร็จรูป
มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบทั้งชนิดก้อน (ก้อนฟู่) ชนิดผง และชนิดน้ำ โดยปริมาณที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของถังซัก เช่น ใส่ก้อนฟู 2-3 ก้อน ชนิดผงใส่ประมาณ 1 ซอง (100-200 กรัม) ส่วนน้ำยาทำความสะอาดใส่ประมาณ 2 ฝา หรือ 100 มิลลิลิตร สำหรับเครื่องซักผ้าขนาดไม่เกิน 7 กิโลกรัม โดยเพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับขนาดของถังซัก รักชอบแบบใดเลือกมาใช้กันได้ตามสะดวก
ถ้าเครื่องซักผ้ามีโปรแกรมทำความสะอาดถังซัก ให้กดโปรแกรมล้างถังได้เลย แต่ถ้าไม่มี ให้ใช้โปรแกรมซักแบบปกติ เลือกระดับน้ำสูงสุด โดยเดินเครื่อง 5-10 นาที แล้วปล่อยแช่ทิ้งไว้อีกประมาณ 6 ชั่วโมง ถ้ามีเศษผงหรือตะกอนลอยขึ้นมาให้ตักออก จากนั้นเลือกโปรแกรมซักแบบปกติ เพื่อล้างคราบสกปรกอีกรอบจนกว่าถังจะสะอาด
ก้อนฟู่ล้างเครื่องซักผ้า
ผงล้างเครื่องซักผ้า
น้ำยาล้างเครื่องซักผ้า
สรุป : จากการทดสอบแช่เหรียญพบว่า ผลิตภัณฑ์ล้างถังเครื่องซักผ้าสำเร็จรูปแต่ละชนิดและน้ำส้มสายชู มีประสิทธิภาพการทำความสะอาดใกล้เคียงกัน แต่ดีกว่าเบกกิ้งโซดา
หมายเหตุ : การทดสอบนี้เป็นการทดสอบเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปเป็นผลอ้างอิงใดๆได้
ตัวอย่างผลงานการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องซักผ้า
TIPS
- การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องซักผ้าสำเร็จรูปครั้งแรก เพื่อความชัวร์ แนะนำให้ใช้ในปริมาณที่มากกว่าที่ฉลากระบุไว้ เนื่องจากเครื่องซักผ้าที่ไม่เคยผ่านการทำความสะอาดมาก่อน ภายในถังเครื่องซักผ้าจะมีสิ่งสกปรกต่างๆ ซ่อนอยู่ในจุดที่เรามองไม่เห็น
- ปัจจุบันเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ จะมีโหมดทำความสะอาดถังซักมาให้ด้วย แต่หลายท่านไม่เคยใช้และไม่เคยล้างถังซักจะด้วยสาเหตุเรื่องกลัวสิ้นเปลืองน้ำหรือคิดไปเองว่าทุกครั้งที่ซักเสื้อผ้าผลิตภัณฑ์ซักผ้าน่าจะช่วยล้างถังซักไปด้วยในตัวอยู่แล้วซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเครื่องซักผ้าเปรียบได้เช่นเดียวกับเครื่องปรับอากาศที่ต้องมีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ มีการล้างทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้งเช่นกัน
- ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องซักผ้าสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นก้อนฟู่ ผงล้างถัง หรือน้ำยาล้างถัง สามารถทำความสะอาดถังเครื่องซักผ้าได้ในระดับหนึ่ง (ถ้าเครื่องซักผ้าไม่สกปรกมากหรือใช้งานอย่างหนักหน่วง) ดังนั้นถ้าใช้ประมาณ 3-4 เดือนครั้ง ก็จะช่วยกำจัดคราบสกปรกต่างๆได้บ้าง อย่างไรก็ดี คราบตะกรันที่สะสมฝังแน่นไปแล้ว คงไม่มีทางกำจัดได้หมด จำเป็นต้องถอดถังซักออกมาล้างแบบเต็มรูปแบบเท่านั้น ถ้าเครื่องซักผ้ามีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี และไม่เคยล้างถังซักมาก่อนเลย แนะนำให้เรียกใช้บริการล้างถังเครื่องซักผ้าจากมืออาชีพ มาถอดถังซักออกมาล้างทำความสะอาดด้วยแปรงหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงจะดีกว่าครับ
เรื่อง : พจน์ ผลิตภัณฑ์
ภาพ : ศรายุทธ,สุพัตรา