แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังสับสนว่าการฉีดโบท็อก กับ ฟิลเลอร์ มีความแตกต่างกันอย่างไร แต่ละตัวสามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรบนใบหน้าได้บ้าง เลือกฉีดโบท็อก หรือ ฟิลเลอร์ดีกว่ากัน เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจมากขึ้น ไม่โดนหลอกง่าย ๆ วันนี้เราพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก และ ฟิลเลอร์ ให้มากขึ้นในบทความนี้เลยค่ะ
- โบท็อกซ์ Botox คืออะไร?
- ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ Botox
- ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ Botox
- ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ Botox
- ฟิลเลอร์ Filler คืออะไร?
- ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ Filler
- ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ Filler
- ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ Filler
- Botox กับ Filler เลือกฉีดอะไรดีกว่ากัน?
- ฉีดทั้ง Botox และ Filler พร้อมกันได้ไหม?
โบท็อก คือ สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) ที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์อย่าง คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) จนได้โปรตีนบริสุทธิ์ออกมา ซึ่งในช่วงแรกวงการแพทย์ได้นำสารตัวนี้มาช่วยในการรักษาโรค เช่น อาการตาเหล่ ปวดหัวไมเกรน และกล้ามเนื้อกระตุก ต่อมาจึงได้พัฒนามาใช้ในวงการแพทย์เสริมความงาม เพื่อช่วยเรื่องของการปรับรูปหน้า และลดเลือดริ้วรอย
ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ Botox
การฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณจะใช้ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์แตกต่างกัน โดยการฉีดโบท็อกลดริ้วรอย สามารถเริ่มเห็นผลได้หลังจากฉีดภายใน 2-3 วัน ว่ากล้ามเนื้อสามารถขยับได้น้อยลง และผิวมีความเรียบเนียนมากขึ้น ส่วนการฉีดโบท็อกเพื่อปรับรูปหน้า จะเริ่มเห็นผลภายใน 4-7 วัน กล้ามเนื้อจะเริ่มเล็กลง และภายใน 1 เดือน จะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าใบหน้าเรียวขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกสามารถคงอยู่นานถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว หลังจากนั้นจะสลายตัวได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ Botox
- ช่วยปรับรูปหน้าให้มีความเรียวเล็ก ช่วยยกกระชับผิว และลดริ้วรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ
- เห็นผลลัพธ์ไว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังจากฉีดเสร็จสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
- เป็นอีกหนึ่งวิธีปรับรูปหน้าที่มีความปลอดภัยสูง เพราะโบท็อกได้รับการรับรองจากอย. ไทยและต่างประเทศ
ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ Botox
- การฉีดโบท็อกต้องอาศัยความชำนาญจากแพทย์เป็นอย่างสูง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดผลข้างเคียงตามมาได้เช่น หน้าตึงแข็ง ไปจนถึง หน้าเบี้ยว หางตกได้
- ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่สามารถอยู่ได้ถาวร จึงต้องกลับมาฉีดซ้ำเรื่อย ๆ เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ โดยต้องทิ้งช่วงการฉีดอย่างน้อย 3 เดือน ไม่ควรฉีดโบท็อกติดต่อกันบ่อย เพื่อป้องกันการเกิดอาการดื้อโบท็อก
ฟิลเลอร์ Filler คืออะไร?
ฟิลเลอร์ คือ สารที่ฉีดเพื่อเติมเต็มใบหน้าและร่องลึก เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้มีความสมดุล ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ในส่วนของใบหน้าที่มีการสูญเสีย Volume อย่างเช่นเมื่อเราอายุมากขึ้น จะเริ่มมีปัญหาไขมันฝ่อตัว กระดูกบนใบหน้ากร่อน โดยส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณใต้ตา และขมับที่ดูยุบหรือบุ๋มลงไป การฉีดฟิลเลอร์จึงช่วยเข้าไปเติมเต็มเส้นใยคอลลาเจนที่เสื่อมสลาย และฟิลเลอร์จะดูดซับน้ำจากเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ ช่วยพยุงโครงหน้าให้เกิดการยกกระชับ ส่งผลให้ผิวดูเต็มขึ้น มีความอิ่มเอิบเต่งตึง ยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล ริ้วรอยจึงดูจางลงได้อีกด้วย
- HA Filler มีลักษณะเป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง เหมาะกับการฉีดปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น ฉีดฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์คาง หรือเติมเต็มใบหน้าในส่วนที่มีความบกพร่อง เช่นในจุดที่ไขมันฝ่อตัว อย่างเช่น บริเวณใต้ตา และ ขมับ เป็นต้น
- HA Skin Booster มีลักษณะเป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลนิ่ม ๆ มีความบางเบากว่าแบบแรก เหมาะสำหรับฉีดบริเวณชั้นผิว เพื่อช่วยปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน ฉ่ำน้ำ อิ่มฟู กระจ่างใส ผิวดูสุขภาพดีอ่อนกว่าวัย
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ Filler
หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้วสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที โดยฟิลเลอร์สามารถคงอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือน – 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกฉีดด้วย หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะค่อย ๆสลายตัวหมดไปเอง นอกจากนั้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากฉีดฟิลเลอร์ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์มีได้ผลดีและคงอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ Filler
- ช่วยเติมเต็มจุดบกพร่องบนใบหน้า ยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
- ช่วยให้ผิวพรรณดูอิ่มเอบ สุขภาพดีขึ้น มีความอ่อนเยาว์ หน้าเด็กลง
- ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid มีความปลอดภัยสูง สลายตัวได้เองไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ได้รับการรับรองจากอย. อีกทั้งยังสามารถเติมปรับแต่งหรือฉีดสลายออกได้อีกด้วย
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังจากฉีดเสร็จ แถมยังไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกด้วย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ Filler
- ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร ทำให้ต้องกลับมาฉีดซ้ำเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการคงผลลัพธ์ไว้
- หากใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อย่างเช่น หมอกระเป๋า อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
Botox กับ Filler เลือกฉีดอะไรดีกว่ากัน?
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงรู้ถึงหลักการทำงานของทั้งโบท็อก และฟิลเลอร์กันแล้ว ถ้าถามว่าเลือกฉีดอะไรดีกว่ากัน คงต้องตอบว่า ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้าของแต่ละบุคคล เนื่องจากทั้งสองตัวสามารถช่วยแก้ปัญหาได้แตกต่างกันไป ทั้งนี้ให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญช่วยประเมินใบหน้าก่อนทำการฉีดได้เสมอ เพื่อจะได้ทราบว่าอะไรเหมาะสมกับใบหน้าของเรามากที่สุด แต่ก่อนที่จะตัดสินใจปรึกษาปัญหาใบหน้าเราควรคำนึกถึงมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของคลินิกและแพทย์ด้วยนะคะ เพื่อผลลัพธ์ที่มีความปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงภายหลัง
ฉีดทั้ง Botox และ Filler พร้อมกันได้ไหม?
ถ้าคนไข้มีจุดบกพร่องบกใบหน้าที่ต้องใช้การแก้ปัญหาทั้งโบท็อก และฟิลเลอร์ สามารถฉีดพร้อมกันในคราวเดียวได้เนื่องจากโบท็อกและฟิลเลอร์เป็นการแก้ปัญหาคนละจุดกันอยู่แล้ว โดยโบท็อกจะเป็นการแก้ไขจุดด้อยบนใบหน้า ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อให้เล็กลง ส่วนฟิลเลอร์จะเป็นการเติมให้ใบหน้าให้เด่นขึ้น ช่วยเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ดูละมุน มีมิติ ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
แม้ว่าทั้ง Botox และ Filler จะเป็นวิธีการปรับรูปหน้าให้สวยงามมากขึ้น ช่วยลดความบกพร่องแต่ละจุดบนใบหน้าแบบที่ได้ผลลัพธ์รวดเร็วทันใจ แต่เราก็ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ปลอดภัยกับร่างกาย และไม่เกิดผลเสียในระยะยาว