ทั่วไป
กยท.ปรับหลักเกณฑ์โค่นยางใหม่ รองรับสถานการณ์ไม้ยางราคาพุ่ง!
01 มิ.ย. 2564 เวลา 13:14 น.11.7k
กยท.ปรับหลักเกณฑ์การโค่นสวนยางเพื่อรองรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนใหม่
ให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ราคาไม้ยางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย้ำ! เกษตรกรเพียงแค่ยื่นเอกสารขออนุมัติก่อน กยท. จะลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อม เปิดไฟเขียว 2 ทางเลือกให้ชาวสวนยาง โดยรับเงินสงเคราะห์ 16,000 บาทต่อไร่
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาไม้ยางพารามีแนวโน้มราคาที่ดีตามลำดับ ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ราคาประมาณ 42,177 บาทต่อไร่
ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาไม้ยางดังกล่าว และเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการโค่นไม้ยางพารา กยท.จึงได้ออกประกาศ เรื่อง การอนุญาตให้เจ้าของสวนยางโค่นต้นยางพาราก่อนได้รับอนุมัติการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นการปรับหลักเกณฑ์ใหม่มีผลบังคังตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
สำหรับการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ตามประกาศของ กยท.ดังกล่าว จะมีขั้นตอนที่แตกต่างจากเดิม และง่ายต่อการปฏิบัติคือ
กำหนดให้เกษตรกรเจ้าของสวนยางห้ามโค่นยางก่อนได้รับอนุมัติ โดยเกษตรกรเจ้าของสวนยางที่มีความประสงค์จะโค่นต้นยางจะต้องยื่นคำร้องรับการปลูกแทนที่การยางแห่งประเทศไทยจังหวัด หรือการยางแห่งประเทศไทยสาขาที่สวนยางของเกษตรกรตั้งอยู่ ซึ่ง กยท.จะจัดคำขอการปลูกแทนเรียงตามลำดับก่อนหลังไว้เป็นรายปี ในแต่ละปีเจ้าของสวนยางจะได้รับการปลูกแทนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ทั้งนี้ กยท. จะแจ้งให้เจ้าของสวนยางทราบล่วงหน้าว่า จะได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนในปีใด
"หลังจากที่ กยท. ได้รับคำร้องแล้ว จะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปทำการสำรวจรังวัด เพื่อตรวจสภาพพื้นที่แปลงปลูก หากสวนยางเข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตรา 4 มาตรา 37พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และระเบียบการยางแห่ง ประเทศไทย ว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน พ.ศ. 2558 ที่กำหนดให้เกษตรกรที่จะรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน จะต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่มีต้นยางอายุกว่า 25 ปีขึ้นไป หรือต้นยางทรุดโทรมเสียหาย หรือต้นยางได้ผลน้อย ตามหลักเกณฑ์ที่ กยท. กําหนด
จึงจะอนุญาตให้โค่นต้นยางได้" ผู้ว่าการ กยท.กล่าว
ทั้งนี้เมื่อเกษตรกรเจ้าของสวนยางโค่นต้นยางแล้วมี 2 ทางเลือกที่จะดำเนินการคือ 1. กรณีเจ้าของสวนยางที่รอการปลูกยางหรือไม้ยืนต้นไปถึงปีที่ได้รับอนุมัติให้การปลูกแทน กรณีนี้เจ้าของสวนยางจะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกแทนตามปกติ คืออัตราไร่ละ 16,000 บาท
และ2. กรณีเจ้าของสวนยางต้องการใช้ประโยชน์ของที่ดินเพื่อการอื่นไปก่อน เช่น ปลูกพืชล้มลุกพืชระยะสั้น การทำสวนยางแบบผสมผสาน เป็นต้น ก็สามารถกระทำได้ กยท. จะให้การสนับสนุนทางด้านอาชีพเสริมและให้บริการทางด้านวิชาการ เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติการปลูกแทนในปีใด เจ้าของสวนยางก็จะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกแทนตามปกติคืออัตราไร่ละ 16,000 บาทเช่นกัน
ผู้ว่าการ กยท.กล่าวต่อว่า ในปี 2564 มีเกษตรกรชาวสวนยางต้องการโค่นต้นยางพาราถึง 470,000ไร่ มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 70,000 ไร่ ซึ่งหากเกินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้ในปีนี้ เกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกแทน ในปีงบประมาณ2565 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยางพารา 20 ปี
กำหนดที่จะลดพื้นที่ปลูกยางพาราให้เหลือประมาณ 18.4 ล้านไร่ภายในปี 2579 กยท.จึงได้ขยายเป้าหมายในการลดพื้นที่ปลูกยางจากเดิม 200,000 ไร่ต่อปีเป็น 400,000 ไร่ต่อปี เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับราคายางพารา และให้ปริมาณไม้ยางมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งในส่วนของไม้ยางและไม้วู๊ดพาเลท
"การปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากจะเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้มากขึ้นจากการโค่นไม้ยางพาราแล้ว
ยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบกิจการไม้ยางพาราให้มีวัตถุดิบไม้ยางเพียงพอสำหรับแปรรูปไม้ในสถานการณ์ที่ตลาดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่ง กยท.ได้คาดการณ์ว่า ในช่วงปี 2564-2565 อุตสาหกรรมไม้ยางพาราจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมากกว่า 10% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของไทย ส่งผลให้มีความต้องการใช้ไม้ยางมากขึ้น ราคาจึงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กยท.นโยบายที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมไม้ยางของไทยให้เติมโตและเข้มแข็ง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยางพาราอื่นๆ
จึงได้ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง วงเงินสินเชื่อ 25,000 ล้านบาท ที่มีเป้าหมายสนับสนุนผู้ประกอบกิจการยาง ขั้นปลายน้ำ รวมถึงกิจการไม้ยางพาราด้วย ในการขยายกำลังการผลิต ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ซึ่งโครงการจะหมดเขตในเดือนธันวาคม 2564 นี้" ผู้ว่าการ กยท. กล่าวในตอนท้าย
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
|
13 พ.ค. 2565 เวลา 7:22 น. 23.9kขึ้นทะเบียนสวนยาง 2565 ไม่มีเอกสารสิทธิ์ กยท.เปิดถึงวันไหน เอกสารที่ยื่นแบบประกอบด้วยอะไรบ้าง และ ได้รับสิทธิ์ประโยชน์อะไรบ้าง อ่านรายละเอียดที่นี่มีคำตอบ
พื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ต้องขึ้นทะเบียนใหม่ทุกแปลง
เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียน
เจ้าของสวนยาง ผู้เช่าสวนยาง ผู้ทำสวนยาง
ㆍ แบบคำขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง (คบก. 1)
ㆍบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน
ㆍแบบบันทึกค่าพิกัดแปลงสวนยาง (คบก. 7)
ㆍ เอกสารที่ดินตัวจริงพร้อมสำเนา สำหรับพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์
หรือหนังสือรับรองตนเอง (คบก.6) สำหรับพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์
ㆍ สัญญาเช่าที่ดินพร้อมสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน
เจ้าของที่ดิน เฉพาะกรณีผู้เช่าสวนยาง
ㆍ หนังสือรับรองจากเจ้าของที่ดิน (คบก. 3) เฉพาะกรณีผู้ทำสวนยาง
เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียน คนกรีดยาง
ㆍ แบบคำขอขึ้นทะเบียนคนกรีดยาง (คบก. 2)
บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน เจ้าของสวนยางและคนกรีดยาง
ㆍ หนังสือมอบอำนาจเพื่อดำเนินการ (คบก. 4) กรณีเจ้าของสวนยางไม่ได้ไปดำเนินการ
ขึ้นทะเบียนและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- ได้ที่การยางแห่งประเทศไทยใกล้บ้าน
- หรือ สแกน QR Code เพื่อค้นหาเบอร์ติดต่อและที่ตั้งสำนักงาน กยท.
ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางรายใหม่ และที่ปรับปรุง เพื่อใช้พิจารณาสิทธิประโยชน์ต่างๆ ภายใน 30 มิถุนายน 2565 นี้
สำหรับเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามการขึ้นทะเบียนได้ที่ กยท. จังหวัด/กยท.สาขา ในพื้นที่ หรือฝ่ายพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ถนนบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. หรือติดต่อสอบถาม โทร. 0-2433-2222 ต่อ 243 ได้ในวันและเวลาราชการ.
ที่มา: กยท.