การออกกำลังกายเป็นประจำบ่อยๆ ยังไงก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่แน่ใจใช่ไหมว่าเราไม่ได้กำลังฝืนร่างกายตัวเองอยู่ ถ้าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่บางสถานการณ์อาจจะทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อเราก็ได้ เพราะฉะนั้น เข้าใจและสำรวจร่างกายตัวเองอยู่เสมอ ว่าเกิดสถานการณ์หรืออาการเหล่านี้ที่เป็น จงอย่าฝืนออกกำลังกาย! เพราะจะทำให้ร่ายกายมีแต่แย่มากกว่าจะเเข็งแรง
#1. เมื่อเริ่มมีอากาศไข้ ไม่สบาย
ตอนมีไข้ หรือเพิ่งจะฟื้นจากอาการไข้ ร่างกายของเราจะมีความอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ทำให้เหนื่อยง่าย ต้องการ การพักผ่อนเสียมากกว่า หากเรายังฝืนออกกำลังกายในช่วงนี้ จะทำให้อาการเป็นไข้หายได้ช้าขึ้น และยังทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าเดิมด้วย
#2. หลังรับประทานอาหารเสร็จ
เมื่อทานอาหารมาอิ่มๆ ร่ายกายเราจะใช้ระบบไหลเวียนของเลือดมาช่วยในการย่อยอาหารลงไปในลำไส้ และกระเพาะอาหาร ถ้าออกกำลังกายตอนนี้จะทำให้ร่างกายต้องแบ่งเลือดไปเลี้ยงส่วนที่ออกกำลังกาย จะทำให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริวได้ง่าย และยังมีอาการจุกเสียด แน่น ระหว่างการออกกำลังกาย
#3. วันที่อากาศร้อนจัด
อากาศร้อนๆ หรืออุณหภูมิที่อบอ้าว ทำให้ร่างกายต้องสูญเสียเหงื่อและต้องการน้ำมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า เพราะร่างกายขาดน้ำ จนอาจทำให้เป็นลมหมดสติได้ เพราะฉะนั้นควรออกกำลังกายในช่วงเวลาที่อากาศสบายๆ ไม่ร้อนจนเกินไปจึงจะเหมาะ
#4. วิงเวียนศีรษะ
เนื่องจากร่างกายที่อ่อนเพลีย ทำให้มีอาการ บ้านหมุน โคลงเคลง หน้ามืด หรือเวียนศีรษะ อาการอ่อนเพลียไม่ควรฝืนออกกำลังกาย เพราะมีผลต่อการทรงตัว อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างการออกกำลังกายได้
#5. คลื่นไส้จนอยากอาเจียน
ความอ่อนเพลีย สาเหตุที่ทำให้มีอาการ คลื่นไส้จนอยากอาเจียน อึดอัดมวนท้อง หรือมาจากการท้องเสียอาหารเป็นพิษ ทั้งหมดนี้จะทำให้ร่ายกายมีความอ่อนเพลีย จึงไม่ควรออกกำลังกายในขณะนั้น และควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากอาการคลื่นไส้ต่างๆ ยังไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชม.
#6. หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
สาเหตุของอาการหน้ามืดมาจาก การพักพอที่ไม่เพียงพอ ร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการอยู่ในอากาศที่ร้อนจัด และทานอาหารไม่เพียงพอ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนควบคุมความรู้สึกลดลง จนเกิดอาการหน้ามืดได้ เพราะฉะนั้นช่วงที่ร่างกายอ่อนเพลียไม่ควรไปออกกำลังกาย
#7. หายใจติดขัด ไม่สะดวก
ความเครียด ความกลัว การตื่นเต้น หรือสาเหตุอื่นๆ ประกอบ เช่น สภาพร่างกายที่ ผอมเกินไป หรืออ้วนเกินไป รวมทั้งสาเหตุจากโรคภูมิแพ้ ทำให้ร่างกายมีอาการหายใจลำบาก หายใจไม่สะดวก หรือหายใจไม่ทัน เมื่อเกิดอากรเช่นนี้ เราไม่ควรออกกำลังกาย และรีบปรึกษาแพทย์จึงจะดีสุด
#8. ใจเต้นแรงมากกว่าปกติ
สาเหตุของหัวใจที่มีความเต้นเร็วมากกว่าปกติ อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าในหัวใจ หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ ส่งผลให้ไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ทำให้มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ อาจะเร็วหรือช้ากว่าปกติก็ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีความรู้สึกใจสั่นๆ หวิว ก็ควรงดออกกำลังกายออกไปก่อน
#9. ชีพจรเต้นเร็ว
ชีพจรหากเต้นเร็วมากกว่าปกติก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายแล้ว ถ้าเป็นผู้สูงอายุ ชีพจรควรจะเต้นเร็ว 140 ครั้ง/นาที และวัยหนุ่มสาว ชีพจรควรเต้น 160 ครั้ง/นาที ถ้าหากเร็วกว่านั้นก็ควรจะนั่งพัก หรือ หยุดออกกำลังกายไปเสียก่อน เพราะเริ่มเป็นสัญญาณของร่างกายเรา ที่บอกว่าไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นควรพักร่างกายให้พร้อม เเข็งเเรงในการออกกำลังกายก่อน แล้วค่อยกลับมาออกกำลังกายได้ปกติ
#10. รู้สึกเหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลีย
อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้ามากกว่าปกติในทุกวัน การออกกำลังกายไม่ได้เป็นตัวช่วยในการที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง หรือหายเหนื่อยแบบที่เราคิด เพราะถ้าหากมีการฝืนออกกำลังกาย ในวันที่ร่างกายไม่พร้อม ก็อาจจะทำให้เหนื่อยล้า หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการออกกำลังกายได้
หากมีอาการที่ผิดปกติขั้นต้นแล้ว สาวๆ ทั้งหลายก็ไม่ควรฝืนออกกำลังกาย หรือบอกว่าตัวเองไหว ทั้งที่ร่างกายเริ่มฟ้องแล้วนะคะ เพราะฉะนั้น การออกกำลังกายต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมออกกำลังกายเสียก่อน จึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากฝืนไป อาจจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย มากกว่าที่จะเเข็งแรงตามที่เข้าใจนะคะ ยังไงก็ระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ สาวๆ