ข้อดี
1. สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นได้ทั่วโลก
2. สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆได้ เสมือนกับเราได้เข้าไปนั่งในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลมากมายจากทั่วมุมโลก
3.
เปรียบเสมือนเวทีให้เข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ภายในห้องสนทนาและกระดานข่าวเป็นการเปิดดลกกว้างและวิสัยทัศน์ในเรื่องที่สนใจ
4. สามารถติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารจากทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
5. สามารถเปิดการค้าได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องหาสถานที่จัดตั้งร้านและพนักงานบริการ แต่สามารถทำการค้าได้ด้วยตนเองคนเดียว และปิดการขายได้ตลอด 24ชั่วโมง
6.สามารถซื้อสินค้า โดยไม่ต้องเดินทางไปยังร้ายค้า สั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการการชำระเงินก็สะดวก เช่น ชำระผ่านทางบัตรเครติต การหักเงินผ่านบัญชีธนาคาร
และทางไปรษณีย์
7.สามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail)เป็นการส่งจดหมายที่ไม่ต้องเสียค่าบริการและรับส่งจดหมายได้ทั่งภายในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจดหมายที่เป็นข้อความแล้ว ยังส่งบัตรอวยพรในเทศกาลต่างๆได้อีกด้วย โดยไม่ต้องเสียค่าซื้อบัตรอวยพร
8.สามารถอ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ บทความ และเรื่องราวต่างๆ ได้ฟรีเหมือนกับร้านซื้อหนังสือแบบนั้นมาอ่านเอง
9.สามารถติดประกาศข้อความต่างๆที่ต้องการประกาศให้ผู้อื่นทราบได้ เช่น ประกาศขายบ้าน ประกาศสมัคงาน ประกาศขอความช่วยเหลือ
10.มีของฟรีอีกมากมายที่สามารถใช้บริการได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น ภาพ เพลง ภาพเคลื่อนไหวโปรแกรมคอมพิวเตอร์ พื้นที่สำหรับสร้างเว็บไซต์ ดูหนัง เกม
ข้อเสียของอินเทอร์เน็ต
1.อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายเข้าไปใช้บริการ เป็นเวทีที่เปิดกว้างและให้อิสระกับทุกคนได้เข้ามาเขียนข้อมูล
หรือติดประกาศต่างๆ โดยปราศจากการกลั่นกรองที่ดี ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความจริงหรือไม่
2.เกิดปัญหาของการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การดาวน์โหลดเพลง หรือรูปภาพ มารวบรวมขาย หรือที่เป็นปัญหาอย่างยิ่ง คื่อการตัดต่อภายบุคคลสฎคัญที่มีชื่อเสียงให้กลายเป็นภาพที่ส่อในทางอนาจารมาแผยแพร่ ทำให้บุคคลเหล่านั้นเสียหาย
3.ก่อให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรม เพราะการเล่นอินเทอร์เน็ต เช่น การล่อลวงหญิงไปในทางไม่ดี โดยรู้จักกันผ่านทางอินเทอร์เน็ต การก่อคดีข่มขืน เนื่องเว็บไซต์โป๊
4.ก่อให้เกิดปัญหาการหมกหมุ่นของเยาวชนที่เข้าไปในเว็บไซที่ไม่เป็นประโยชน์จนทำให้เกิด”โรคติดอินเทอร์เน็ต (wedaholic) จะทำให้เกิดอัตรายต่อตนเองและสังคมได้
Post navigation
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานเฉพาะเครื่อง ให้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมกันได้ทีละหลายๆ เครื่อง ซึ่งการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป จะเรียกว่า “ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network)” หากแต่การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้ที่ไม่ได้ติดต่อกับระบบเครือข่าย จะเรียกว่า “สแตนด์อโลน (Stand Alone)”
โดยในปัจจุบันระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถเชื่อมโยงกันได้ไม่มีที่สิ้นสุด ระบบเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะประกอบไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนหลายล้านเครื่อง มีพื้นที่การติดต่อสื่อสารควบคุมทั่วทั้งโลก
ข้อดี - ข้อด้อยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยข้อดีและข้อด้อย ซึ่งในการใช้งานให้เกิดประโยชน์
สูงสุด ผู้ใช้จำเป็นจะต้องศึกษาเพื่อนำข้อดีของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องหาทางป้องกันผลเสียที่อาจเกิดจากข้อด้อยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วย
ข้อดีของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- · สามารถใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
- · ถ่ายโอนข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งได้อย่างสะดวก
- · ผู้ใช้สามารถสื่อสารข้อมูลระหว่างกันผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
- · สามารถใช้ฐานข้อมูลเดียวกันในการทำงานได้ เช่น หาข้อมูลการรับเข้าหรือส่งออกของสินค้าจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้ (Server) เป็นต้น
- · ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ร่วมกันได้
- · เป็นพื้นฐานในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- · ข้อมูลที่ได้รับมีความทันสมัยและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ข้อด้อยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- · หากเกิดปัญหาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใดเครื่องหนึ่งอาจมีผลทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นไม่สามารถทำงานได้
- · เป็นช่องทางการโจรกรรมข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
- · ควบคุมและกำจัดไวรัสได้ยากกว่า การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ติดตั้งระบบ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ - · ผู้ใช้ต้องมีความรู้ในเรื่องระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- · เสียค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์เพิ่ม เช่น สายแลน การ์ดแลน และฮับ
อุปกรณ์สำหรับติดตั้งเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีอุปกรณ์และจำนวน
แตกต่างกันไปตามประเภทในการเชื่อมต่อ
อุปกรณ์สำหรับติดตั้งเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จำเป็น ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ (ซึ่งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องมีการ์ดแลน (LAN = Local Area Network) ติดตั้งอยู่ในเครื่องเพื่อรับและส่งสัญญาณระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์) สายนำสัญญาณ และฮับ
เครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เครื่องแม่ข่าย และ เครื่องลูกข่าย
เครื่องแม่ข่าย
เครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server) ควรเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถคำนวณหรือประมวลผลได้รวดเร็ว มีหน่วยความจำสูง ใช้เป็นศูนย์กลางการเก็บข้อมูลและประมวลผลของระบบเครือข่าย ในระบบเครือข่ายขนาดเล็กมักจะไม่มีเครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์เนื่องจากมีราคาสูง แต่อาจใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดเดียวกับเครื่องลูกข่ายแทน
หรือไม่มีเครื่องแม่ข่ายเลยก็ได้
เครื่องลูกข่าย
เครื่องลูกข่ายหรือเครื่องไคลเอนต์ (Client) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพสูงเท่าเครื่องแม่ข่าย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
เครื่องเวิร์กสเตชัน (Workstation) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผล
ด้วยตนเองสามารถทำงานได้เร็ว เพราะไม่ต้องรอรับผลจากเครื่องแม่ข่าย
เครื่องเวิร์กสเตชันเมื่อออกจากระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์สแตนด์อโลน แต่ค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษาจะสูงกว่าเครือข่ายที่ใช้เครื่องเทอร์มินัล
เครื่องเทอร์มินัล (Terminal) เป็นเครี่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ด้วย
ตนเอง มีความสามารถในการทำงานช้า เพราะต้องรอการประมวลผลจากเครื่องแม่ข่ายเท่านั้น เครื่อง
เทอร์มินัลประกอบไปด้วย จอคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และเมาส์
เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลและส่งข้อมูลไปยังเครื่องแม่ข่าย ทำให้ประหยัดค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างมาก เครื่องเทอร์มินัลเมื่อออกจากเครือข่ายจะไม่สามารถทำงานได้แต่การดูแลรักษาระบบเครือข่ายที่ใช้เครื่องเทอร์มินัลจะง่ายกว่าระบบเครือข่ายที่ใช้เครื่องเวิร์กสเตชัน
สายนำสัญญาณ
สายนำสัญญาณหรือสายแลน เป็นสายเคเบิลมีด้วยกันหลายชนิด เช่น สายคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวน สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) และสายยูทีพี (UTP Cable)
สายนำสัญญาณที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ สายยูทีพี เนื่องจากมีคุณภาพดีและราคาไม่แพง
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ปัจจุบันมีการส่งและรับสัญญาณผ่านทางคลื่นวิทยุ โดยไม่ต้องอาศัยสายนำสัญญาณ เรียกว่า การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สาย
ฮับ (Hub) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่ในการจัดการสัญญาณที่ส่งมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานเป็นแบบดาว คือ เมื่อมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งในระบบเครือข่ายส่งสัญญาณมา ฮับจะกระจายสัญญาณต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่ต้องการสัญญาณนั้น ฮับมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของฮับนั้นๆ แต่ส่วนใหญ่ฮับจะมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบร่างแห
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบร่างแห (Mesh Topology) คือ การส่งและรับสัญญาณเป็นจำนวนมากด้วยความเร็วสูง โดยไม่ได้ใช้สายร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น แม้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายเสียก็ไม่มีผลกระทบต่อระบบเครือข่ายหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เหลือ
การเชื่อมต่อแบบร่างแหต้องใช้สายนำสัญญาณและอุปกรณ์ต่อสายสัญญาณเป็นจำนวนมาก (เท่ากับจำนวนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการต่อ)
ใช้พื้นที่ในการติดตั้งมาก การดูแลรักษาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยุ่งยาก และเมื่อเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย ก็จะส่งผลกระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในเครือข่ายด้วย
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว การเชื่อมต่อแบบดาว (Star Topology) เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์จากจุดศูนย์กลางไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย โดยจุดศูนย์กลางนั้นอาจเป็นฮับหรือเครื่องแม่ข่ายก็ได้
การเชื่อมต่อแบบดาวง่ายต่อการดูแลรักษา ตรวจสอบ และเพิ่มจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะใช้สายแลนเพียงสายเดียวเพื่อเชื่อมต่อไปยังจุดศูนย์กลาง หากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียก็ไม่กระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่อยู่ในระบบเครือข่าย แต่หากจุดศูนย์กลางเสียก็จะทำให้ระบบเครือข่ายไม่สามารถใช้งานได้เลย นอกจากนี้การส่งสัญญาณจะต้องผ่านจุดศูนย์กลางเสมอจึงทำให้การทำงานหรือการส่งสัญญาณ |
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบต้นไม้
การเชื่อมต่อแบบต้นไม้ (Tree Topology) พัฒนามาจากการเชื่อมต่อแบบดาว ซึ่งมีลักษณะการเชื่อมต่อเหมือนกันแต่ต่างกันในการเพิ่มจุดศูนย์กลาง ซึ่งนิยมเพิ่มจำนวนฮับ เพราะมีราคาถูกกว่าเพิ่มเครื่องแม่ข่ายและสามารถเชื่อมต่อจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้มากและส่งสัญญาณได้ไกลยิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส
การเชื่อมต่อแบบบัส (Bus Network) คือ การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์โดยอาศัยแกนกลางเพียงสายเดียว เรียกว่า แบ็กโบน (Backbone) สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายและสะดวกต่อการติดตั้ง ใช้สายแลนน้อยทำให้ลดต้นทุนในการติดตั้ง แต่จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายจะมีผลต่อคุณภาพของแกนกลาง เมื่อมีการส่งสัญญาณเป็นจำนวนมากจะเกิดความร้อนที่แกนกลาง ทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณไปได้ในระยะไกลและสัญญาณไม่ได้คุณภาพ เมื่อแกนกลางชำรุดหรือขาดระบบเครือข่ายก็จะไม่สามารถใช้การได้
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน
การเชื่อมต่อแบบวงแหวน (Ring Network) มีลักษณะการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์คล้าย
วงแหวนหรือวงกลม ซึ่งไม่มีจุดสิ้นสุดของสัญญาณ ง่ายต่อการติดตั้งและแก้ไขดัดแปลงระบบเครือข่าย แต่หากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเสีย จะทำให้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเสียหายไม่สามารถใช้งานได้