การหยุดรถกระทันหันสําหรับรถที่ไม่ติดตั้งระบบเบรก ABS ควรปฏิบัติอย่างไร เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชัน เมื่อท่านขับรถที่มีระบบเบรก ABS ควรเหยียบเบรกอย่างไรในกรณีที่ต้องการหยุดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ถ้าเครื่องยนต์ดับควรปฏิบัติอย่างไร เมื่อท่านขับรถที่มีระบบเบรก abs ควรเหยียบเบรกอย่างไรในกรณีที่ต้องการหยุดรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ก่อนออกรถจากไหล่ทางด้านซ้าย ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไรให้ปลอดภัยมากที่สุด มุมอันตรายเกิดขึ้นในทางใดได้บ้าง สอบใบขับขี่ ข้อใดไม่มีผลให้ระยะการหยุดรถ ระยะเบรก ยาวขึ้น ข้อใดเป็นการใช้คลัทช์ผิดวิธี การเหยียบคลัทช์เพื่อชะลอรถในขณะมีความเร็วสูง จะมีผลอย่างไร สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีใด ที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ

รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน รถไม่ใช้เบรก abs จะมีผลอย่างไร

"ระบบเบรกABS" มาจาก Anti-Lock Braking System หรือถ้าเรียกกันเป็นภาษาไทยคือ "ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก" เป็นระบบที่แก้ปัญหา "ล้อล็อก" ในยามที่เบรกกะทันหันจนล้อล็อก ทำให้รถเสียการควบคุม ลื่นไถลหรือหมุนจนเกิดอุบัติเหตุ แต่ในทางกลับกัน ถ้ารถยนต์มีระบบเบรกแบบABS เมื่อจำเป็นที่จะต้องเบรกกระทันหัน เซนเซอร์ติดตั้งอยู่กับดุมล้อทั้ง 4 จะตรวจจับอัตราการหมุนผ่านเฟืองที่หัวเพลาขับหรือเฟืองที่ต่อกับลูกปืนล้อ ส่งต่อไปให้กล่องควบคุมประมวลผล จากนั้นจะสั่งการให้แม่ปั้มเบรกทำงานในลักษณะ จับ-ปล่อยๆ ด้วยความเร็วระหว่าง 16-50 ครั้งต่อวินาที ผลที่ได้ก็คือ "ล้อไม่ล็อกตาย" จนเกิดอบัติเหตุ ผู้ขับก็ยังสามารถควบคุมรถได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆก็มักจะมีระบบ "เบรกABS"มาด้วย แต่ก็เชื่อว่าคงจะมีหลายๆคนยังคงใช้ระบบเบรกABS1แบบผิดวิธีอยู่

การใช้งาน "เบรกABS"
- เหยียบเบรกอย่างมั่นใจ หากได้ยินเสียงครืดดังลั่นก็อย่าตกใจ เพราะแสดงว่าเบรก ABS ทำงานแล้ว

- อย่าย้ำเบรกเด็ดขาด เพราะเมื่อ "ระบบเบรกABSทำงาน"  เพราะหากถอนเท้าหรือย้ำ ระบบเบรก ABS จะตัดการทำงาน

- เมื่อเหยียบไปแล้วอย่าถอนเท้าหรือย้ำเบรก แม้ว่าสมัยเรียนขับรถมา ครูจะสอนแบบนั้น เพราะเป็นวิธีที่ใช้สำหรับเบรกธรรมดาในรถรุ่นที่ไม่มีเบรก ABS แต่จงใช้ตั้งสติบังคับพวงมาลัยไปในทิศทางที่ถูกต้อง เมื่อพ้นอันตรายแล้วแล้วจึงถอนเท้าได้

- ทิ้งระยะให้ห่างรถคันหน้าพอสมควร ในทุกๆอัตราเร็ว 10 กม./ชม. ควรห่าง 5 เมตร ถ้าขับเร็ว 50 กม./ชม. ก็ต้องห่าง 25 เมตร ถ้าหากฝนตกถนนลื่น ก็ควรเว้นระยะห่างกับคันหน้ามากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

- รักแท้แพ้ระยะทางฉันใดก็ฉันนั้น เพราะ "ระบบเบรกABS" ก็ไม่เหมาะกับผิวทางถนนที่ร่วยซุยหรือเป็นถนนลูกรัง โคลนหรือหิมะ จะลื่นไถลมากกว่าปกติเพราะปราศจากแรงกดมากกว่าผิดถนนทางเรียบธรรมดา

- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "อย่าขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด" ต่อให้จะรีบเดินทางสักแค่ไหน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในรถมากเท่าใดก็ตาม พึงระลึกเสมอว่า "มาช้าดีกว่าไปไม่ถึง" เท่านี้ก็สามารถใช้งาน "ระบบเบรกABS" ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ ช่วยลดความเสียหาต่อร่างกายและทรัพย์สิน ทั้งยังลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย...

.........................................

คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ

โดย “ช่างเอก”

ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่

….............................

ขอบคุณข้อมูลจาก

รวบรวมแนวข้อสอบใบขับขี่ หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย พร้อมเฉลย ปี 2565 ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัยมั่นใจได้ตลอดการเดินทาง เทคนิคการขับรถที่ผู้สอบใบขับขี่ควรรู้

เมื่อต้องสอบใบขับขี่ นอกจากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย และเข้าอบรมแล้ว ก่อนจะสอบขับรถภาคปฏิบัติ จะต้องสอบข้อเขียนให้ผ่านเสียก่อน โดยข้อสอบจะออกเนื้อหาและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการขับรถ เช่น หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย, หมวดป้ายเตือนและสัญญาณไฟจราจร, หมวดการดูแลรถยนต์, หมวดกฎหมายรถทั่วไป, หมวดมารยาทการขับรถ ซึ่งในบทความนี้ ได้รวบรวมข้อสอบใบขับขี่ หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัยเอาไว้ มาดูกันเลย ! 


ข้อสอบใบขับขี่ หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

1. การขับรถขณะฝนตก ข้อใดที่ผู้ขับขี่ไม่ควรปฏิบัติ

ก. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
ข. เปิดที่ปัดน้ำฝน
ค. ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
ง. ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ

2. เมื่อเกิดรถเสีย ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
ข. นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
ค. เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
ง. นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน

3. สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีใด ที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ

ก. สีแดง
ข. สีเขียว
ค. สีเหลือง
ง. สีฟ้า

4. การจับพวงมาลัยนิ้วมือควรอยู่ในลักษณะใด

ก. นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
ข. นิ้วมือทั้งห้า กำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
ค. นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
ง. ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว

5. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เหยียบเบรกทันที แล้วค่อย ๆ ออกตัวเร่งความเร็วใหม่
ข. ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
ค. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
ง. ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป

6. ขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ถ้าเครื่องยนต์ดับควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่
ข. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
ค. เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
ง. ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ

7. ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรปฎิบัติอย่างไร

ก. ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
ข. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
ค. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
ง. ตั้งสติ จอดรถข้างทาง

8. เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนควบสิ่งใดของรถก่อนเป็นลำดับแรก

ก. ที่ปัดน้ำฝน
ข. น้ำในหม้อน้ำ
ค. น้ำกลั่นแบตเตอรี
ง. ตรวจเช็กประตูหน้าต่างรถ

9. ข้อใดเปิดไฟหน้ารถไม่ถูกต้อง

ก. เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
ข. เมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน
ค. เมื่อฝนตกหนัก
ง. เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน

10. ในขณะที่ขับรถอยู่ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับต่อไปเรื่อย ๆ
ข. ลดความเร็วลงแล้วขับต่อไป
ค. หยุดรถทันทีกลางถนนห้ามเคลื่อนย้าย
ง. จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ก

11. การหยุดรถบนทางลาดชัน ควรปฏิบัติตามลำดับอย่างไรจึงจะปลอดภัย

ก. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
ข. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง
ค. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ
ง. เหยียบเบรกแล้วดึงเบรกมือ

12. การหมุนพวงมาลัยรถ ขณะจอดรถอยู่กับที่จะมีผลอย่างไร

ก. ทำให้หมุนพวงมาลัยง่ายขึ้น
ข. ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
ค. สิ้นเปลืองน้ำมันเพาเวอร์
ง. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

13. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เหยียบเบรกแรง ๆ โดยไม่ต้องถอนเบรก
ข. เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
ค. เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
ง. เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำ ๆ)

14. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน(รถไม่ใช้เบรก ABS) จะมีผลอย่างไร

ก. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
ข. ล้อจะล็อก และรถจะหมุน
ค. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
ง. ล้อจะล็อก และรถจะหยุดทันที

15. ขณะขับรถยางรถแตก จะมีอาการอย่างไร

ก. พวงมาลัยรถจะไร้น้ำหนัก
ข. พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง
ค. รถหยุดกะทันหัน
ง. เบรกจะไม่ทำงาน

16. ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
ข. รีบเหยียบเบรกให้เร็วที่สุด
ค. หมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเข้าข้างทาง
ง. ปลดเกียร์ว่างแล้วรีบเหยียบเบรก

17. ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
ข. หักเลี้ยวรถเข้าข้างทางทันที เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
ค. เบรกกะทันหัน
ง. เหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อฝากระโปรงจะได้กระแทกปิด

18. ข้อใดเป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร

ก. หาผ้าหนา ๆ มาตบ
ข. ตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรีออกก่อน
ค. วิ่งหาน้ำมันมาราด
ง. ใช้ทรายสาดใส่

19. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลอย่างไร

ก. ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
ข. ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
ค. บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้คลัทช์ และเบรกได้
ง. ทำให้เบรกรถสะดวก

20. การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ ควรตรวจสอบอย่างไร

ก. กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อก
ข. ดูว่าเป็นของใหม่หรือไม่
ค. ดูว่าเข็มขัดมียี่ห้อหรือไม่
ง. ต้องมีสีเข้ม ๆ

21. ถ้ารถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก

ก. รีบเข้าเกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็ว
ข. ค่อย ๆ เหยียบแป้นคลัทช์
ค. หมุนพวงมาลัยไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
ง. ลดความเร็วจับพวงมาลัยให้มั่น

22. การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะใด

ก. หันเข้าหาขอบทาง
ข. อยู่อย่างไรก็ได้
ค. ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
ง. หันออกจากขอบทาง

23. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่งมีผลเสียอย่างไร

ก. ไม่มีผลต่อส่วนใดของรถ
ข. เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
ค. ทำให้น้ำมันเกียร์หมดเร็ว
ง. เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง

24. การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด

ก. ถอยช้า ๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
ข. ถอยแบบไหนก็ได้
ค. ถอยเหมือนกับเดินหน้า
ง. ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ

25. ข้อใดเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง

ก. ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ตเครื่องยนต์
ข. ปลดเกียร์ว่าง-ขึ้นเบรกมือ-สตาร์ทเครื่องยนต์
ค. เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
ง. ปลดเบรกมือ-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์

26. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. จอดรถทันที
ข. เปิดไฟหน้าเร่งความเร็วผ่านบริเวณที่ฝนตกหนัก
ค. เร่งความเร็วให้ผ่านบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว
ง. จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน

27. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือขวาและซ้ายของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งลักษณะใดของหน้าปัดนาฬิกา

ก. ตำแหน่งเลข 2 และเลข 10
ข. ตำแหน่งเลข 4 และเลข 10
ค. ตำแหน่งเลข 3 และเลข 10
ง. ตำแหน่งเลข 6 และเลข 10

28. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เปิดที่ปัดน้ำฝน
ข. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
ค. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ง. ลดความเร็วของรถ

29. หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการที่จะเคลื่อนตัวออก ท่านควรปฏิบัติอย่างไร

ก. มองดูรถที่ตามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา
ข. เปิดสัญญาณไฟเพื่อเตือนให้รถคันที่ตามมาชะลอความเร็วลง
ค. ไม่จำเป็นต้องหันมองดูรถที่จอดอยู่ข้างหน้า มองแค่รถที่ตามมาก็พอ
ง. ให้สัญญาณมือเพื่อขอทาง

30. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดวิธีในการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังทุกครั้งก่อนถึงทางแยก
ข. ระวังรถด้านซ้ายเพราะอยู่ใกล้ช่องทางของเรา
ค. ระวังรถทางขวาเพียงอย่างเดียว และขับต่อไป
ง.ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม

31. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ชะลอรถและให้รถทางขวามือขับผ่านไปก่อน
ข. ขับรถต่อไปได้เลยเพราะเราคือทางเอก
ค. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
ง. เร่งเครื่องยนต์เพื่อขับผ่านไปก่อน

32. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. หยุดรถให้ห่างเพื่อความปลอดภัย
ข. ขับไปในช่องทางขวาเพื่อเลี้ยวได้เลย
ค. เลี้ยวพร้อมกับรถคันหน้าได้ทันที
ง. ชะลอรถเนื่องจากรถคันหน้าจะเลี้ยวซ้าย

33. จากรูป หากท่านพบเห็นสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. เร่งความเร็วและขับผ่านไป
ข. บีบแตรและขับผ่านไป
ค. ค่อย ๆ เหยียบเบรกย้ำ ๆ เพื่อเตือนรถข้างหลังระวังและเตรียมหยุด
ง.เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถทันที

34. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ลดความเร็ว และระมัดระวังรถด้านซ้าย รวมทั้งคนเดิมข้ามถนน
ข. เลี้ยวซ้ายได้ทันที
ค. เร่งความเร็วเพื่อให้สามารถเลี้ยวได้เร็ว
ง. บีบแตรก่อนทำการเลี้ยวรถ

35. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
ข. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
ค. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
ง.เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนรถด้านหลัง

36. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ควรเลี้ยวให้ทันเนื่องจากมีรถคันใหญ่ขวางรถฝั่งตรงข้าม
ข. เร่งความเร็วเพื่อเลี้ยวขวาทันที
ค. หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและให้รถด้านตรงข้ามผ่านไปก่อน
ง. ขับรถไปในช่องทางด้านขวาเพื่อทำการเลี้ยว

37. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
ข. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
ค. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
ง. ขับรถออกในช่องทางขวาเพื่อทำการเลี้ยว

38. จากรูป หากท่านต้องการขับตรงไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว
ข. ขับต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม
ค. ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา
ง. เปิดไฟฉุกเฉินและขับผ่านไปด้วยความรวดเร็ว

39. จากรูป รถคันใดอยู่ในจุดบอดของรถคันสีขาว


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. รถ ค
ข. รถ ก และรถ ข
ค. รถ ข และรถ ค
ง. รถ ก และรถ ค

40. ด้วยสาเหตุใด ผู้ขับขี่จะต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้างก่อนทำการเปลี่ยนช่องจราจร

ก. จะทำให้สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้รวดเร็วมากขึ้น
ข. เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา
ค. เพื่อเปลี่ยนช่องจราจรในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
ง. เพื่อให้สามารถเห็นผู้คนที่เดินอยู่บริเวณทางเดินเท้า

41. ข้อใดคือความหมายที่ถูกต้องของจุดบอด

ก. บริเวณด้านหลังของรถที่กระจกมองหลังจับภาพไม่ได้
ข. บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ
ค. บริเวณด้านหน้าของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
ง. บริเวณด้านซ้ายของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้

42. ถ้าเครื่องดับขณะกำลังเคลื่อนที่ออกจากทางลาดชัน ท่านควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก

ก. ทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล
ข. เปลี่ยนไปเข้าเกียร์ว่าง
ค. ติดเครื่องใหม่
ง. เปิดไฟฉุกเฉิน

43. การขับขี่ขึ้นหรือลงทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ใด

ก. เกียร์ต่ำ
ข. เกียร์สูง
ค. เกียร์ว่าง
ง. เกียร์ใดก็ได้

44. ในการขับขี่ลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเนื่องจากสาเหตุใด

ก. เพื่อเพิ่มกำลังของรถ
ข. เพื่อหน่วงความเร็วของรถ
ค. เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์
ง. เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ

45. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชัน

ก. จะทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
ข. จะทำให้เปลืองน้ำมัน
ค. จะทำให้ผ้าเบรกไหม้
ง. จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า

46. ในการขับขี่ลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
ข. เปิดไฟฉุกเฉิน
ค. ขับรถด้วยความเร็วมากขึ้น
ง. ขับรถด้วยความเร็วปกติ

47. เหตุใดขณะขับรถลุยน้ำจึงต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อย

ก. เพื่อให้รถมีความเร็วคงที่
ข. เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อน
ค. เพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น
ง. เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ

48. ท่านควรปฏิบัติอย่างไรขณะขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม

ก. ขับช้า ๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
ข. พยายามไม่ใช้เบรกโดยเด็ดขาด
ค. พยายามขับจี้ท้ายรถคันหน้าตลอดเวลา
ง. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา

49. หลังจากขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ท่านควรทดสอบระบบใดต่อไปนี้

ก. ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
ข. ระบบไฟฟ้า
ค. ระบบเบรก
ง. ระบบช่วงล่าง

50. ข้อใดต่อไปนี้คือประโยชน์สูงสุดของการชะลอรถด้วยเครื่องยนต์ในขณะลงทางลาดชัน

ก. ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย
ข. ลดการสึกหรอของผ้าเบรก
ค. ช่วยประหยัดน้ำมัน
ง. เพิ่มการทรงตัวของรถ

51. เพราะเหตุใดรถจึงลื่นไถลได้ง่ายขณะฝนตกใหม่ ๆ

ก. น้ำฝนทำให้ถนนชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ
ข. น้ำฝนจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน
ค. ถนนคอนกรีตดูดซับน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
ง. พื้นถนนปรับอุณหภูมิเร็วเกินไป

52. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติเมื่อขับขี่ในขณะฝนตกหนัก

ก. ขับรถเร็วและกระแทกเบรกรถอย่างรุนแรง
ข. ขับด้วยความเร็วต่ำ
ค. เปิดไฟหน้ารถ
ง. หยุดรถรอบนถนน

53. ข้อใดต่อไปนี้ปฏิบัติได้ถูกต้องสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน

ก. เปิดไฟสูงตลอดเวลาขณะขับขี่
ข. ขับให้ช้ากว่าปกติหรือไม่เร็วกว่าสายตาที่มองเห็น
ค. ขับให้เร็วได้ตามปกติ
ง. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลาขณะขับขี่

54. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติสิ่งใดเป็นอันดับแรก

ก. แจ้งกู้ภัย
ข. แจ้งตำรวจ
ค. แจ้งประกันภัยรถยนต์
ง. ให้สัญญาณเพื่อเตือนให้รถอื่นทราบ

55. หากมีผู้บาดเจ็บหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ท่านควรปฏิบัติอย่างไรหากตัวท่านมิได้รับบาดเจ็บ

ก. ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
ข. ไม่ต้องสนใจหากผู้บาดเจ็บไม่ใช่คนที่ท่านรู้จัก
ค. แจ้งตำรวจที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ง. รีบแจ้งหน่วยกู้ภัยให้เร็วที่สุด

56. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการขับขี่อย่างประหยัดน้ำมัน

ก. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากวิ่งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
ข. รถจะประหยัดน้ำมันหากขับด้วยความเร็วคงที่
ค. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากเร่งเครื่องบ่อยครั้ง
ง. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่คงที่

57. หากกำลังขับขี่รถอยู่บนถนน แล้วฝนเริ่มตก ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็วของรถลง
ข. เร่งความเร็วของรถเพื่อให้ผ่านฝนไปให้เร็ว
ค. เปิดไฟฉุกเฉินและรีบขับผ่านบริเวณนั้นไป
ง. หยุดรถข้างทางทันที

58. เมื่อขับรถในเวลากลางคืน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ทิ้งระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ
ข. เปิดไฟฉุกเฉินขณะทำการแซงรถคันหน้า
ค. พยายามขับรถเข้าไปให้ใกล้กับรถคันหน้าเพื่อให้รถคันหน้าเห็นรถเราได้ชัดเจน
ง. ใช้ไฟสูงตลอดทางของการขับรถ

59. ก่อนการขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก่อนการเดินทาง
ข. พักผ่อนให้เพียงพอ
ค. รับประทานอาหารก่อนการเดินทาง
ง. หาเพื่อนนั่งไปด้วยขณะเดินทาง

60. จากสถานการณ์ดังรูป หากต้องการจะเคลื่อนที่ต่อไป ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. เปิดสัญญาณไฟ
ข. ตรวจสอบความปลอดภัยทางด้านขวา
ค. บีบแตรให้สัญญาณ
ง. ลดกระจกแล้วโบกมือขอทาง

61. เมื่อต้องขับรถเข้าใกล้ทางรถไฟที่ไม่มีแผงกั้น ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ชะลอรถและควรเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถตลอดเวลา
ข. เพิ่มความเร็วเพื่อให้ผ่านไปได้เร็ว
ค. บีบแตรเตือนเพื่อความปลอดภัย
ง. เปิดกระจกเพื่อฟังเสียงสัญญาณเตือนรถไฟ

62. เมื่อขับผ่านทางที่มีป้ายเตือนว่า “ระวังทางข้างหน้าหินหล่นทับเส้นทางบ่อย” หรือป้ายเตือนดังในรูป ท่านควรปฏิบัติอย่างไร


หมวดเทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ชะลอความเร็วลง ขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ข. รีบเร่งความเร็วเพื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ค. ไม่ต้องทำอะไร เพราะโอกาสที่จะเกิดยาก
ง. หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น

63. เมื่อพบว่าไฟไหม้เครื่องยนต์ขณะขับรถ ผู้ขับรถควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถลงแม่น้ำข้างทาง
ข. จอดและสละรถทันที
ค. ตั้งสติ ค่อย ๆ ขับรถจอดข้างทาง
ง. แจ้งกู้ภัยทางหลวง

64. สิ่งใดต่อไปนี้มีผลทำให้รถเปลืองน้ำมัน

ก. ดอกยางสึกหรอ
ข. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
ค. ระยะการปรับเบรกปกติ
ง. บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด

65. ปัจจัยใดต่อไปนี้มีผลต่อการเกิดสถานการณ์อันตรายมากที่สุด

ก. ความไม่พร้อมของคนขับ
ข. ลักษณะทางภูมิศาสตร์
ค. การเคลื่อนที่ของรถ หรือคนเดินเท้า
ง. สภาพผิวจราจร

66. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย

ก. หากง่วงนอนมากควรขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ตื่นตัว
ข. การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในขณะฝนตกควรมากกว่าการขับรถในสภาวะปกติ
ค. ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง 
ง. ควรขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อถึงที่หมายเร็วขึ้น

67. จากรูป หากท่านต้องการแซงรถข้างหน้าแล้วกลับช่องทางเดินรถด้านซ้าย ท่านจะต้องให้สัญญาณไฟอย่างไร


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. ตรวจสอบความปลอดภัยแล้วเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนแซง
ข. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
ค. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนและตามด้วยสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
ง. ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟหากรถคันหน้าขับด้วยความเร็วต่ำ

68. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเท่าใดจึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุด

ก. หนึ่งช่องรถ
ข. 3 เมตร
ค. 5 เมตร
ง. ห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย

69. สถานการณ์ใดใช้ไฟฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม

ก. เปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่หมอกลงจัด
ข. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อกำลังจะเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
ค. เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าตนจะวิ่งตรงไป
ง. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง

70. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) จะมีผลอย่างไร

ก. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
ข. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
ค. ล้อจะล็อกและรถอาจจะหมุน
ง. ล้อจะล็อกและรถจะหยุดทันที

71. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ
ข. เหยียบเบรกแรง ๆ
ค. เหยียบเบรกเท้าสลับกับดึงเบรกมือ
ง. เหยียบเบรกเท้าและดึงเบรกมือพร้อมกัน

72. ข้อใดปฏิบัติไม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน

ก. หักพวงมาลัยหลบเมื่อจำเป็นต้องหลบการปะทะด้านหน้า
ข. มือทั้งสองข้างต้องจับอยู่ที่พวงมาลัย
ค. ใช้เบรกมือช่วย
ง. หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแทกเบรกสำหรับเบรกที่ไม่ใช่ระบบเบรก.ABS

73. การจอดรถลักษณะใดที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ

ก. จอดรถซ้อนคัน
ข. จอดรถชิดขอบทางด้านซ้าย
ค. จอดรถในลานจอดรถ
ง. จอดรถภายในอาคารจอดรถ

74. รูปใดต่อไปนี้ ห้ามจอด


หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย

ก. รูป 1 และรูป 2
ข. รูป 2 และรูป 3
ค. รูป 1 และรูป 3
ง. ทั้งรูป 1 2 และ 3

สรุป

แนวข้อสอบใบขับขี่ข้างต้นเป็นเพียงข้อสอบใบขับขี่ หมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัยเพียง “บางส่วนเท่านั้น” หากต้องการทำข้อสอบหมวดวิธีการขับรถให้ปลอดภัย และหมวดอื่น ๆ เพิ่มเติม สามารถดูแนวข้อสอบใบขับขี่เพิ่มเติมได้ที่ แอปพลิเคชันข้อสอบใบขับขี่ที่มีให้ดาวน์โหลดทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

อ่านเพิ่มเติม >>

  • ต่อภาษีมอเตอร์ไซค์ 2565 มีขั้นตอนอย่างไร ราคาเท่าไหร่?
  • รถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปเลือกซื้อคันไหนดีกว่ากัน???

การหยุดรถกระทันหันสําหรับรถที่ไม่ติดตั้งระบบเบรก ABS ควรปฏิบัติอย่างไร

8.69 การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก.ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร ก. เหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ

เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชัน

ขณะขับรถลงเขาหรือทางลาดชันให้แตะเบรคช่วยเป็นระยะๆ ใช้เกียร์ต่ำช่วย ห้ามใช้เบรคตลอดเวลา เพราะการใช้เบรคมากหรือเบรคแช่ตลอดเวลา จะทำให้เบรคเกิดความร้อน ผ้าเบรคอาจจะไหม้ และทำให้เบรคไม่อยู่ ข้อนี้ควรตระหนักไว้มากๆ เพราะอันตรายถึงแก่ชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้ ทางที่ดีควรแตะเบรคในจังหวะจำเป็นเท่านั้น และควรตรวจสอบ ...

ควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อไฟเตือนของเบรก ABS ขึ้น ข้อสอบ

เมื่อเห็นรถด้านหน้าหยุดบริเวณทางร่วมทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร แม้ถนนโล่ง ห้ามแซงโดยเด็ดขาด เมื่อไฟเตือนของเบรค ABS ขึ้น ควรให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบเบรคทันที น้ำกลั่นแบตเตอรี่แห้งไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยใช้ผ้าห่ม ไม่เหมาะกับผู้บาดเจ็บบริเวณหลัง เมื่อท่านกำลังขับรถจะออกจากถนนรอง ...

เมื่อท่านขับรถที่มีระบบเบรก ABS ควรเหยียบเบรกอย่างไรในกรณีที่ต้องการหยุดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

1. รถมีระบบ ABS. รถที่มีระบบป้องกันล้อล็อก หรือ ABS (Anti-lock Brake System) ก็สามารถเหยียบเบรกได้เต็มแรงจนรถหยุดนิ่ง และสามารถบังคับทิศทางเพื่อหลีกเลี่ยงการชนได้โดยง่าย แต่ในขณะเหยียบเบรกห้ามยกเท้าขึ้น หรือเหยียบปล่อย... เหยียบปล่อย

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv Terjemahan แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip lmyour แปลภาษา ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาอาหรับ-ไทย Bahasa Thailand app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม พจนานุกรมศัพท์ทหาร ยศทหารบก ภาษาอังกฤษ สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทั้งหมดกี่ภาค มัจจุราชไร้เงา 1 mono29 มัจจุราชไร้เงา 1 pantip มัจจุราชไร้เงา 3 pantip รายชื่อวิทยานิพนธ์ นิติศาสตร์ 2563 ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาอิสลามเป็นไทย ่้แปลภาษา Google Drive กรมการปกครอง กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ที่อยู่สมุทรปราการ ภาษาอังกฤษ ประปาไม่ไหล วันนี้ มหาวิทยาลัยรามคําแหง เปิดรับสมัคร 2566 มัจจุราชไร้เงา 2 facebook ราคาปาเจโร่มือสอง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น หนังสือราชการ ส ถ หยน ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ อาจารย์ ตจต Google Form Info arifureta shokugyou de sekai saikyou manga online legendary moonlight sculptor www.niets.or.th ประกาศผลสอบ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf