Polyester เพ ออ ณหภ ม เปล ยนแปลงจะม กล นหร อไม

คือการพิมพ์ที่ผ่านเครื่องพิมพ์ระบบ Offset หรือแท่นพิมพ์ หรือเครื่องพิมพ์ชนิดเดียวกันกับเครื่องพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เครื่องพิมพ์นิตยสารหรือหนังสือต่าง ๆ ลักษณะงานดังกล่าวจะเน้นความเร็วของการพิมพ์สูง และก็พิมพ์ผลติจำนวนเยอะ ๆ เช่นต้องการพิมพ์ 5,000 แผ่นภายในเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งระบบนี้จะค่อนข้างตอบโจทย์โดยการพิมพ์ที่ความเร็วสูงมาก

อย่างที่ทราบกันคือการพิมพ์ด้วยระบบ ออฟเซ็ต นี้ต้องมีการทำแม่แบบ Plate หรือ ฟิล์ม แยกแต่ละสี ตามกระบวนการพิมพ์เช่น CMYK ก็จะต้องมี Plate 4 ชิ้น ในการทำงาน ซึ่งก็ถือว่าเป็นต้นทุน (Plate 1 ชิ้น ราคาประมาณ 2,500-3,500 ) ดังนั้นการผลิตด้วยวิธีการนี้ถ้าผลิตจำนวนน้อย ๆ หลักร้อย – หลักพันอาจจะไม่ค่อยคุ้มค่า plate ยิ่งถ้างานพิมพ์ที่มีการออกแบบหลาย ๆ สี จะยิ่งเสียค่า plate เยอะตามไปด้วย

ข้อดี – คือความเร็วในการผลิตสูงมาก น่าจะเร็วสุดในกระบวนการพิมพ์ การพิมพ์ต้นทุนตต่ำมาก ในกรณีที่ผลิตเยอะ ๆ

ข้อเสีย – ขั้นตอนในการเตรียมการก่อนพิมพ์ผลิตเยอะ และมีข้อจำกัดเรื่องของสีใช้ถ้าต้องการออกแบบงานให้มีหลาย ๆ สี อาจจะผลิตไม่ได้ หรือ ต้องเพิ่มจำนวน plate ตามไปด้วยทำให้ต้นทุนสูง จึงไม่เหมาะ สำหรับการผลิตจำนวนน้อย ๆ อีกประการหนึ่งงานพิมพ์ระบบออฟเซ็ตนั้น เนื่องจากใช้ความเร็วในการพิมพ์ที่สูง การลงน้ำหมึกอาจจะไม่เท่ากันในแต่ละแผ่น เนื่องการลงน้ำหมึกพิมพ์นั้นต้องใช้ช่างพิมพ์ที่ต้องมีประสบการณ์ด้วย การใช้คนในการประมาณการ นั้นจึ่งไม่มีมารตรฐานที่ดีและเหมาะสมในการทำงาน จึงทำให้งานพิมพ์ควบคุมสีได้อยาก อาจจะไม่เท่ากันในแต่ละแผ่น

2. Toner Sublimation หรือ Laser Sublimation

สรุปง่าย ๆ คือเครื่องพิมพ์ที่เป็นระบบเลเชอร์ปริ้นเตอร์ ที่เราใช้กันในออฟฟิศ สำนักงานทั่ว ๆ ไป นั่นแหละครับ โดยการใช้หลักการเครื่องพิมพ์เช่นเดียวกัน แต่มีมีการเปลี่ยนผงหมึก ( Toner ) ที่เราใช้พิมพ์กระดาษทั่ว ๆ ไป ให้สามารถใช้กับงานซับลิเมชั่นได้ โดยการหาซื้อ Toner ที่ผงหมึกเป็น Sublimation มาใช้งาน (หาซื้อได้ตามเว็บไซต์ได้)

ข้อดี – เนื่องจากเลเชอร์ ปริ้นเตอร์ นั้นมีความเร็วในการพิมพ์ที่ค่อนข้างสูง สามารถออกงานได้ไว (เมื่อเทียบกับอิ้งเจ็ต) และการดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ก็ไม่ยุ่งยาก ไม่เหมือนระบบอิ้งเจ็ต พิมพ์ตัวหนังสื่อได้คมชัด (ข้อดีของเลเชอร์ ปริ้นเตอร์)

ข้อเสีย – ราคาเครื่องพิมพ์ค่อนสูง อย่างเช่น เครื่องพิมพ์ A3 ราคา น่าจะหลักแสน แต่ ถ้าเป็นเครื่องพิมพ์อิ้งเจ็ต ราคาไม่เกิน 20,000 (Epson L1300) ก็ซื้อได้แล้ว , มีข้อจำกัดขนาดการพิมพ์ อาจจะได้มากสุดแค่ A3 ซึ่งถ้าเป็นระบบอิ้งเจ็ต ณ ปัจจุบัน หน้ากว้างตั้งแต่ A4 ถึง หน้ากว้าง 5 เมตร , สีที่ได้ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากเลเชอร์ปริ้นเตอร์ใช้ความร้อนในการละลายผงหมึก ถ้าความร้อนจากเครื่องที่ทำงานต่อเนื่องไม่สม่ำเสมอก็จะส่งผลต่องานด้วยเช่นกัน , อีกประการหนึ่งคือต้นทุนสูงมากเมื่อเทียบกันทุกระบบ

ด้วยข้อเสีย และข้อจำกัดจึ่งไม่นิยมนำระบบ Toner Sublimation มาใช้งานในการผลิต และด้วยกระแส เครื่องพิมพ์เลเชอร์ ณ ปัจจุบัน ไม่ได้รับความนิยมเท่าระบบอิ้งเจ็ตด้วยเช่นกัน

3. Ink Jet Sublimation

ระบบ Ink Jet หรือ อิ้งเจ็ตปริ้นเตอร์ นั้นก็เครื่องพิมพ์งานเอกสารที่นักเรียน นักศึกษา นิยมซื้อมาใช้เพื่อการพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ เนื่องจากเครื่องพิมพ์มีราคาถูก หลักพันต้นๆ ก็สามารถซื้อเครื่องพิมพ์รูปภาพสีได้แล้ว ถ้าเทียบกับเลเชอร์ปริ้นเตอร์มีราคาถูกกว่ามาก เช่นเครื่องพิมพ์อิ้งเจ็ต ขนาด A3 รุ่น Epson L1300 ราคาในตลาดอยู่ที่ 15,000-17,000 ก็สามารพิมพ์งานได้ถึง A3+ เลยทีเดียว

แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไปซื้อเครื่อง Epson L1300 ในราคา 17,000 มาก็ใช้งานได้เลยนะครับ เนื่องจากเครื่องที่มาจากโรงงานเอปสัน นั้นเป็นน้ำหมึกที่ใช้สำหรับพิมพ์กระดาษทั่ว ๆ ไม่ใช่น้ำหมึกซับลิเมชั่น ต้องทำการเปลี่ยนระบบหมึกภายในเครื่องด้วยเช่นกัน ก็คือหาซื้อหมึกซับลิเมชั่นมาใช้ได้เลย แต่ต้องยอมรับในส่วนของการรับประกันจากบริษัทด้วยนะครับ เนื่องเครื่องเหล่านี้ไม่ได้ผลิตออกเพื่อรองรับหมึกซับลิเมชั่น ดังนั้นจะยังไม่มีน้ำหมึกจากเอปสันที่ผลิตมาใช้กับรุ่นดังกล่าว แต่ยังใงรุ่นดังกล่าวก็ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการผลิตงานซับลิเมชั่น เนื่องราคาเครื่องไม่แพงมาก ขนาดเพียงพอต่อการใช้งาน A3+ สามารถสกรีนเสื้อยืดได้แล้ว แ

แต่ไม่ได้หมายความว่าเอปสันจะไม่มีเครื่องออกแบบมาสำหรับงานซับลิเมชั่นนะครับ ณ ปัจจุบัน มีหลายรุ่นให้เลยครับ สนใจ Click >> คลิ๊กดู หมายความว่าระบบ Ink jet Sublimation ก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นยี่ Roland , Mimaki , Mutoh , HP , ก็มีเครื่องพิมพ์ซับ หรือแม่แต่เครื่องไม่มียี่ห้อ (เครื่องจีน ปะ แบรนด์ ) ก็มากมายให้เลือก

Vacuum Transfer คือการทรานเฟอร์งานซับลิเมชั่นอีกแบบหนึ่งที่จะถูกใช้กลับวัตถุที่ไม่เป็นผิวเลียบ เช่นแก้วกาแฟ ขวดรูปทรงต่าง ๆ กระปุกต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถหรือเครื่องรีดมีการเข้ารูปได้ จึ่งของให้ระบบศูนย์กาศในการดูดให้กระดาษมีการแนบกับวัตถุแทน แล้วใช้ความร้อนในการอบวัตถุเหล่านั้น พร้อมกับกระดาษที่พิมพ์งานซับมาแล้ว วิธีการนี้ก็การทรานเฟอร์อีกแบบหนึ่งที่ค่อนข้างสะดวก แต่เครื่องแบบนี้จะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เลยถูกจำกัด ให้สามารถทรานเฟอร์ลงวัตถุที่ไม่ใหญ่มาก เช่นแก้วกาแฟ ขวดเล็ก ๆ แต่ขอดีของการทรานเฟอร์ด้วยเครื่องนี้คือ สามารถทำการอบครั้งได้ทีละหลายชิ้น ซึ่งบางทีอาจจะเรียกระบบนี้ว่า 3D

ระบบอิ้งเจ็ตทุกวันนี้ถูกพัฒนาในเรื่องของคุณภาพในการพิมพ์ที่สวย ความคมชัดเป็นที่ยอมรับ และที่สำคัญความเร็วในการพิมพ์ดีกว่าเลชอร์ปริ้นเตอร์ไปแล้ว และได้หน้ากว้างที่สูงกว่า และสามารถพิมพ์กระดาษต่อเนื่องได้ (ม้วนโรล) จึงสามารถทำให้พิมพ์ยาว ๆ แบบผ้าหลาได้ จึงทำให้ตอบโจทย์สำหรับงานผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่สำคัญอีกประการคือทุนต้นในการผลิตจากระบบอิ้งเจ็ตค่อนข้างต่ำมาก อาจจะใกล้เคียงระบบ Offset sublimation ไปแล้ว

ข้อเสีย – อย่างที่ทราบหัวใจหลักคือหัวพิมพ์ในพ่นหมึก ถ้าเกิดการอุดตัน หรือ เสียหายจากใช้งาน (ซึ่งก็เป็นปกติของระบบนี้) ค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนค่อนข้างสูง บางรุ่น ราคาค่าหัวพิมพ์อาจจะพอๆ กับราคาเครื่องเลย ดังนั้นพยายามเลือกเครื่องที่มีการรับประกันหัวพิมพ์ด้วย ยิ่งรับประกันนานยิ่งดี หรือถ้าเครื่องไม่มีประกันหัวพิมพ์ต้องพยายามดูแลรักษาทำความสะอาด

ข้อดี – มาดูข้อดีของระบบ Ink Jet Sublimation บ้าง

1. มีขนาดหน้ากว้างที่ครอบคุมทุกการใช้งาน
2. ราคาสำหรับการลงทุนค่อนข้างถูก ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักล้าน
3. มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก
4. ความเร็ว ในพิมพ์ที่ค่อนข้างสูง
5. สามารถผลิตจำนวนน้อย ๆ ก็คุ้ม ซึ่งตอบโจทย์กับสภาวะตลาด ณ ปัจจุบัน ที่เน้น ระบบ POD ( Print On Demand ) ซึ่งเป็นกระแสยุคโควิท ทำให้การค้าขายอยู่แบบ Platform Online ทั้งหมด

มาถึงจุดนี้ เราจะขอพูดถึงระบบซับลิเมชั่นที่เป็น Ink Jet Sublimation เท่านั้น ตามกระแสนิยมที่ได้รับ

2. วัสดุสำหรับพิมพ์งานซับลิเมชั่น

วัสดุสิ้นเปลือง หรือวัสดุสำหรับงานพิมพ์ซับลเมชั่น มีอะไรบ้าง

1. หมึกซับลิเมชั่น

น้ำหมึกซับลิเมชั่น เป็นน้ำหมึกที่ใช้กับเครื่องพิมพ์อิ้งเจ็ต ซึ่งในท้องมีหลากหลายยี่ห้อ หรือบ้างก็เรียกตามยี่ห้อผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ เช่น หมึกซับยี่ห้อมิมากิ , หมึกซับยี่ห้อเอปสัน หมึกซับยี่ห้อโรแลนด์ หรือบางทีถูกเรียกตามผู้นำเข้ามาจัดจำหน่าย เช่น หมึกซับยี่ห้อไฮบริด หมึกซับยี่ห้อเอ็นทีเอส ซึ่งคุณสมบัติ ของหมึกไม่มีความแต่ต่างกันในเชิงการใช้งาน แต่จะต่างกันในเรื่องของคุณภาพการพิมพ์ เช่น อายุของงานที่อยู่ได้(สีซีดเร็วไหม) มีสภาวะเป็นกรดเป็นด่างต่อผู้สวมใส่ไหม(เป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่) ทำลายหัวพิมพ์หรือเปล่า อุดตันง่ายไหม

การเลือกซื้อหมึกซับลิเมชั่น ในอันดับแรกเลยต้องใช้ให้ตรงกับยี่ห้อเครื่องพิมพ์ เช่นเครื่องเอปสัน ควรใช้หมึกแท้จากเอปสัน สิ่งที่ได้จากการที่ใช้น้ำหมึกตรงกับเครื่องพิมพ์คือการรับประกันตัวเครื่อง และได้คุณภาพสีที่สวยที่สุด อันดับที่สองต้องสอบถามเรื่องมาตรฐานการผลิตต่าง ๆ ต้องเช่น ใบ Certification รับรองว่าไม่เป็นอันตราย ตัวน้ำหมึกต้องมีวันที่ผลิต และหมดอายุ อย่างชัดเจน และเก็บสต็อกหมึกต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย เช่น 15-25 องศา

2. กระดาษซับลิเมชั่น

กระดาษซับลิเมชั่น ในตลาดสำหรับประเทศไทยนั้นมีหลากหลายแหล่งที่มาให้เลือกใช้ ไม่มียี่ห้อชัดเจนว่ายี่ห้ออะไร ขึ้นอยู่กับผู้นำเข้ามาแล้วปะแบรนด์ตัวเอง เกือบ 100 % แต่แหล่งที่มา ก็มีทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป แน่นอนการพิมพ์ซับลิเมชั่นลงบนกระดาษซับไม่สามารถดูได้ว่าสวย ไม่สวยจากกระดาษพิมพ์ เพราะงานพิมพ์จะออกสีซีดๆ เพราะต้องเอาไปรีด(Transfer) เท่านั้นจึงจะเห็นคุณภาพสีที่แท้จริง เรามาดูคุณสมบัติองกระดาษซับลิเมชั่น มีอยู่ 3 อย่างหลักในการพิจารณาเลือกใช้

1. การรองรับน้ำหมึก

แน่นอนกระดาษมีความสำคัญต่อระบบการพิมพ์อิ้งเจ็ตเป็นอย่างมาก ถ้ากระดาษไหนมีคุณสมบัติการรองรับได้เป็นอย่างดี ก็จะทำให้งานพิมพ์สมบูรณ์และสวยเช่นกัน วิธีสังเกต คือ เวลาพิมพ์งานให้สังเกตที่งานพิมพ์ต้องไม่เปียก หรือ แฉะ พิมพ์ออกมาแล้วต้องแห้งเลย

2. การปล่อยน้ำหมึกเวลารีด

อีกหนึ่งปัจจัยของงานซับลิเมชั่น คือการรีดกระดาษซับลิเมชั่นให้น้ำหมึกที่อยู่บนกระดาษออกจากกระดาษให้มากที่สุด เช่นเราพิมพ์หมึกลงบนกระดาษ 100 เปอร์เซ็นต์ เวลารีดงานเราก็ต้องการให้หมึกออก 100 เปอร์เซ็นเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วจะมีหมึกติดอยู่ที่กระดาษบ้างส่วนหนึ่ง อาจจะ 10 – 40 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่กระดาษแต่ละยี่ห้อ ซึ่งก็คือการศูนย์เสียน้ำหมึกโดยเปล่าประโยชน์ เพราะการใช้กระดาษที่ไม่มีคุณภาพก็ทำให้ได้สีที่ไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้ารีดงานแล้วหมึกออก 80-90 ถือว่าใช้ได้แล้ว

3. กระดาษไม่เปลี่ยนรูปทรง คืออะไร ?

เวลาที่เราพิมพ์งานลงกระดาษน้ำหมึกเป็นของเหลว เวลางานพิมพ์ของที่ต้องลงสีหนัก ๆ โดยเฉพาะสีเข้ม ๆ นั้น เมื่อกระดาษรับหมึกเยอะ ๆ จนเกินจะรับไหว จะเกิดการงอ ขึ้นรอน โค้ง ทำให้งานพิมพ์ออกมาคุณภาพไม่ดี ที่เลวร้ายกว่านั้น อาจจะทำให้หัวพิมพ์นั้นวิ่งชนกระดาษ ทำให้เกิดความเสียหายที่ร้ายแรงมาก วิธีนี่อาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้กระดาษที่มีน้ำหนักมากขึ้น หรือจำนวนแกรมที่มากกว่าเดิม

ด้วยงานซับลิเมชั่นนั้นมีวัสดุสิ้นเปลืองหลักแค่ 2 อย่าง ซึ่งส่งผมกระทบต่อการทำงานทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นต้นทุน คุณภาพงาน ความเร็วในการผลิต หรือแม้แต่ความเสียหายต่อเครื่องพิมพ์ และงานพิมพ์โดยตรง ให้เราเลือกใช้วัสดุเหล่านี้ให้เหมาะสม จึ่งจะได้ใช้เครื่องกันยาว ๆ

3.กระบวนการทรานเฟอร์หมึกซับลิเมชั่น มีอะไรบ้าง

กระบวนการทรานเฟอร์ นั้นคือการย้ายหมึกจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ด้วยตัวทำความร้อน เรียกว่าซับลิเมชั่นทรานเฟอร์ หรือ ทรานเฟอร์ซับลิเมชั่น หรือบางที่อาจจะรีดตามวิธีการผลิตเช่น รีดงานซับ รีดงานซับลิเมชั่น แต่วิธีการทรานเฟอร์นั้นมีวิธีการตามเครื่องมือในการให้ความร้อนเป็นหลัก คร่าว ๆ ตามนี้

Heat Transfer คือ ?

Heat Transfer คือ ? การรีดด้วยความร้อนให้น้ำหมึกจากกระดาษที่พิมพ์มาแล้วลงไปที่ผ้าหรือวัสดุโดยตรง โดยใช้เครื่องรีดร้อนที่สามารถทำความร้อนได้ถึง 200 องศาเชลเซียส (โดยปกติเครื่องรีดร้อนจะสามารถตั้งอุณหภูมิได้ ตั้งแต่ 0-300 หรือ 0-400 องศาเลยที่เดียว และสามารถปรับเวลาการรีด ตั้ง 0-999 วินาที ) โดยการ Heat Transfer นั้น จะมี 2 วิธีหลัก ๆ คือ 1. เครื่องรีดจะสัมผัสกับวัสดุที่จะต้องการรีด ส่วนมากจะเป็นทรานเฟอร์กับวัสดุที่เป็นของและใช้เวลาการทรานเฟอร์ที่ค่อนข้างนาน เช่น กระเบื้องเซรามิก แผ่นอลูมิเนียม Chroma lux 2. เครื่องรีดร้อนสัมผัสกับกระดาษซับ แล้วให้หมึกระเหิดไปที่ผ้า ส่วนมากใช้กับงานที่เป็นผ้า วัสดุผิวเลียบ วัสดุที่ใช้เวลาเรียนรีดไม่นาน การรีดแบบนี้จะค่อนข้างสะดวกและเร็วกว่า ซึ่งทั้งสองวิธี ก็คือการทรานเฟอร์น้ำหมึกลงบนวัสดุ โดยต้องใช้เครื่องรีดร้อน Heat Transfer Machine ซึ่งเครื่องรีดร้อนก็มีหลายลักษณะ ตามขนาดของการใช้งาน แบ่งได้ 3 แบบ ดังนี้

1.เครื่องรีดร้อนแบบ Flat bate

คือเครืองที่มีลักษณะของหน้าเตา(ตัวให้ความร้อน) เป็นแบบแบนเลียบส่วนใหญ่จะเป็น 4 เหลี่ยม สามารถยกหน้าเตา ขึ้น ลง ได้ และมีฐานรอง เพื่อวางวัสุด และกระดาษทรานเฟอร์ลงไป จากนั้นหน้าเตาก็จะทำการกดทับเพื่อให้มีแรงกด ซึ่งเครื่องรีดแบบนี้มีขนาดหน้ากว้าง หลายขนาด เช่น A4,A3,A2 หรือ ขนาด 60x80cm,70x90cm, 100x100cm,100x150cm, หรือ 150x150cm เครื่องรีดแบบนี้เหมาะสำหรับวัสดุที่เป็นผืนเลียบ เช่น ผ้า กระเบื้องเซรามิค แผ่นอลูมิเนียม

2.เครื่องรีดร้อนแบบม้วนโรล

คือเครื่องรีดที่ตัวให้ความร้อนเป็นลูกกลิ้ง จะไม่เป็นแบบแบนๆ แล้วลูกกลิ้งนี้จะทำการหมุนตลอดเวลา วัสดุที่ต้องการทรานเฟอร์ หรือรีดร้อนนั้นจะวิ่งผ่านตัวทำความร้อนหรือลูกกลิ้ง ตามวงของลูกกลิ้ง หรือลูกดรัมโดยมีตัวประคองวัสดุทรานเฟอร์ให้แนบกับลูกค้าดรัมตลอดเวลาเพื่อให้มีแรงกดสำหรับงานทรานเฟอร์ ซึ่งตัวประคองนี้เรียกว่า ผ้าสักราช ซึ่งเครื่องรีดแบบนี้เรียกในตลาดว่า เครื่องรีดโรล ส่วนมากว่าไม่ขนาดหน้ากว้างเริ่มต้นที่ 80cm ,120cm,160cm,170cm,190cm – 500cm ยิงมีขนาดหน้ากว้างที่มาก ก็สามารถรองรับงานวัสดุที่หน้ากว้างตามด้วยเช่น ลักษณะของเครื่องรีดโรลนั้นส่วนมากแล้วจะนำมารีดผ้าเท่านนั้น ถ้าเป็นวัสดุที่มีความแข็งตัวอย่างเช่น กระเบื้อง อลูมิเนียม ไม่สามารถน้ำมารีดได้ จึงเหมาะสำหรับงานทรานเฟอร์ผ้าม้วน ผ้าชิ้นจำนวนมาก ๆ

3.เครื่องรีดแบบเข้ารูป(Mold)

เนื่องจากงานซับลิเมชั่นสามารถทรานเฟอร์ลงวัสดุที่หลากหลายแล้วเช่นแก้ว จานเซรามิค แก้วเยติ ดังนั้นเราจะใช้เครื่องทั้งสองแบบมารีดไม่ได้ จะมีการออกแบบเครื่องให้เข้ากับลักษณะของวัตถุการพิมพ์สกรีน จึงมีเครื่องรีดที่ออกแบบชุดให้ความร้อนเข้ารูปด้วยเช่นกัน เครื่องรีดแบบนี้จะใช้ได้เฉพาะวัตถุขนาดใดขนาดหนึ่งเท่านั้น

Drying sublimation

Drying sublimation หรือ การอบงานซับ คือ วิธีนี้จะถูกใช้กับงานซับลิเมชั่นอีกประเภท คือเครื่องพิมพ์หมึกซับลิเมชั่นลงพื้นผิววัสดุไปก่อน(ผ้า) ส่วนใหญ่จะให้กับผ้าที่มีการเคลือบหน้าผิวผ้ามาก่อนเพื่อให้น้ำหมึกซับลิเมชั่นเกาะที่ผ้าได้เลย โดยที่ไม่ต้องพิมพ์ใส่กระดาษแล้วไปรีด คือง่าย ๆ เลยคือพิมพ์ลงที่ผ้าได้เลย จากนั้นแทนจะรีดร้อนด้วยเครื่องรีดร้อน กาพิมพ์แบบนี้ก็จะใช้การอบผ้าที่อุณหภูมิ 200 องศา เช่นเดียวกัน ข้อดีคือไม่ต้องพิมพ์ใส่กระดาษก่อน (แต่ต้องใช้ผ้าที่มีการเคลือบน้ำยาพิเศษมาก่อน) งานซับลิเมชั่นแบบนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในการพิมพ์ป้ายผ้า แต่จะไม่เหมาะสำหรับพิมพ์ที่นำมาสวมใส่ เนื่องจากผ้าที่ผ่านการเคลือบน้ำยามาจะมีความแข็งตัว และราคาเครื่องพิมพ์จะสูงกว่าเครื่องพิมพ์ซับลิเมชั่นแบบกระดาษพอสมควร และเป็นเครื่องพิมพ์เฉพาะทาง และส่วนมากอยู่อุตสาหกรรมการพิมพ์ป้ายเป็นหลัก

vacuum transfer

Vacuum Transfer คือการทรานเฟอร์งานซับลิเมชั่นอีกแบบหนึ่งที่จะถูกใช้กลับวัตถุที่ไม่เป็นผิวเลียบ เช่นแก้วกาแฟ ขวดรูปทรงต่าง ๆ กระปุกต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถหรือเครื่องรีดมีการเข้ารูปได้ จึ่งของให้ระบบศูนย์กาศในการดูดให้กระดาษมีการแนบกับวัตถุแทน แล้วใช้ความร้อนในการอบวัตถุเหล่านั้น พร้อมกับกระดาษที่พิมพ์งานซับมาแล้ว วิธีการนี้ก็การทรานเฟอร์อีกแบบหนึ่งที่ค่อนข้างสะดวก แต่เครื่องแบบนี้จะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เลยถูกจำกัด ให้สามารถทรานเฟอร์ลงวัตถุที่ไม่ใหญ่มาก เช่นแก้วกาแฟ ขวดเล็ก ๆ แต่ขอดีของการทรานเฟอร์ด้วยเครื่องนี้คือ สามารถทำการอบครั้งได้ทีละหลายชิ้น ซึ่งบางทีอาจจะเรียกระบบนี้ว่า 3D ทรานเฟอร์ ( 3D Transfer )

4. สรุปวัสดุและอุปกรณ์ในการทำงานซับมีอะไรบ้าง

การทำงานระบบซับลิเมชั่นนั้นคือการพิมพ์สกรีนที่เป็นระบบดิจิทัล 100 % ( InkJet Sublimation) ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ file format ต่าง ๆ ต้องเป็นไฟล์ที่สามารถนำเข้าคอมพิวเตอร์ได้ เพราะการทำงานนั้นต้องถูกสั่งการคอมพิวเตอร์ เท่านั้น อันดับแรกที่ขาดไม่ได้เลยคือ

Computer

เครื่องคอมพิวเตอร์จะเป็นตัวสั่งงานพิมพ์ข้อมูลหรือไฟล์ต่างไปยังเครื่องพิมพ์ (printer) หรือในเครื่องพิมพ์บางรุ่นจะสามารถรองรับการพิมพ์จากมือถือแต่ก็ยังไม่สามารถรองรับการทำงานได้ เนื่องจากการพิมพ์งานซับลงบนกระดาษก่อนต้องมีการปรับโหมดภาพ ให้กลับด้านก่อน (Mirror Mode) และบางกรณีอาจจะต้องมีการปรับขนาดหรือแก้ไขไพล์ภาพ หรือแม้แต่เครื่องพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่เช่น Large format Printer เวลาสั่งพิมพ์งานต้องมีโปรแกรมในการควบคุม ซึ่งไม่สามารถพิมพ์ผ่านมือถือได้

เครื่องรีดร้อน Heat Press

อย่างที่กล่าวไป งานพิมพ์ซับเมื่อพิมพ์เสร็จต้องนำไปรีด ซึ่งการเลือกเครื่องรีดนั้นขึ้นกับลักษณะของงานเป็น เช่นรีดผ้า ก็ใช้เครื่องรีดแบบแบน (Flat bate) หรือรีดผ้าม้วนก็ต้องใช้เครื่องรีดแบบ (Roll Heat press) ขนาดของเครื่องรีดขึ้นอยู่กับชิ้นงานที่ต้องการผลิต ยิ่งมีขนาดใหญ่ ราคาก็ยิ่งสูงตามไปด้วย

เครื่องพิมพ์ ( Printer )

ซึ่งมีให้เลือกเยอะมาก แล้วแต่ความเหมาะสม ตามขนาดที่ต้องการ เช่นต้องการสกรีนแค่หน้าอกเสื้อยืด ก็เลือกเครื่องประมาณ A3 หรือถ้าต้องการผลิตเสื้อกีฬา ก็ดูเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง อย่างน้อย 110cm ขึ้นไป แนะนำ Epson SureColor F6330 เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์การทำงาน และได้รับความนิยมสูงสุด หรือรุ่น อื่น //www.jazz-solution.com/f-series

น้ำหมึกและกระดาษซับลิเมชั่น

แนะนำให้เลือกใช้ตามยี่ห้อของเครื่องพิมพ์นั้น ๆ ซึ่งจะได้คุณภาพงานพิมพ์ที่ดีที่สุดของเครื่องนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน หรือสามารถขอคำแนะนำจากผู้จำหน่ายได้เลย

สินค้าที่ต้องการทรานเฟอร์ลงไป

เช่น เสื้อเปล่า แก้วกาแฟ จากเซรามิค เคลสมือถือ แผ่นอลูมิเนียม ผ้าสำหรับพิมพ์ ซึ่งไม่ใช่ว่า วัสดุในท้องตลาดจะสามาถพิมพ์สกรีนได้ทั้งหมด ซึ่งต้องมีการทดสอบก่อนผลิต หรือสามารถสอบถามจะผู้จำหน่ายได้โดยตรง ซึ่งในบทต่อไปจะมาอธิบายว่าวัสดุตัวไหนบ้างที่สามารถพิมพ์ได้ และพิมพ์อย่างไร ตั้งค่าอย่างไร ทดสอบอย่างไร

5.การพิมพ์สกรีนแบบซับลิเมชั่นถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง

สามารถแบ่งได้ตามประเภทวัสดุหลักได้ตามนี้คือ

1.ผ้า

2.เซรามิค

3.อลูมิเนียม

4.พลาสติก

1.ผ้า

มีผ้าอะไรบ้าง ? ถ้าจะแบ่งประเภทตามรูปแบบของวิธีที่มาสามารถแบ่งได้ 2 แบบหลัก คือ 1 เส้นใยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แล้วนำมาทอเป็นผ้า เรียกง่าย ๆ คือเส้นใยธรรมชาติ หรือผ้าใยธรรมชาติ ได้แก่ ผ้าฝ้าย( มาจากดอกฝ้าย) ผ้าไหม (มาจากใยไหม) ผ้าลินิล (มาจากใบหญ้า) เป็นต้น ส่วนผ้าอีกประเภทคือใยผ้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นการสังเคราะห์ขึ้นมาจากกระบวนการทางเคมี หรือ กระบวนผลิตเม็ดพลาสติก นั้นเอง ซึ่งเส้นใยเหล่านี้เกิดจากเม็ดพลาสติก หรือเรียกว่า 2 เส้นใยสังเคราะห์ หรือเส้นใยประดิษฐ์ ที่นำเส้นโพลีเอสตอร์มาทอเป็นผ้านั้นเอง ซึงเราก็เรียกผ้าเหล่านี้ว่าผ้าโพลีเอสเตอร์ แต่ก็มีการพัฒนาเส้นใยต่อมาเลื่อย ๆ เป็นไมโครโพลี ซึ่งผ้าได้จากเส้นใยสังเคราะห์นี้แหละที่เราจะนำมาพิมพ์สกรีนด้วยระบบ ซับลิเมชั่น เท่านั้น ไม่สามารถนำผ้าที่ได้จากเส้นใยธรรมชาติมาพิมพ์ได้ แต่ ในตลาดทุกวันก็มีการเอาดีผ้าเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์มาผสมกัน เพื่อให้เกิดความทนทาน ลดการหดตัว หรือกันความร้อนได้ ซึ่งผ้าผสมเหล่านี้ก็สามารถใช้ได้กับการพิมพ์สกรีนแบบซับลิเมชั่น เช่นกัน เรามาดูกันกว่า ผ้าที่ถูกนำมาพิมพ์สกรีนด้วยระบบซับลเมชั่น มีอะไรบ้าง ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรือ ไมโครโพลี (Micro Poly) หรือ นาโนโพลี (Nano Poly) ซึ่งเป็นผ้าให้กลุ่มเดียวกันขึ้นอยู่กับวิธีการทอ ผ้าในกลุ่มนี้ จะถูกใช้สำหรับผลิตเสื้อผ้าที่เน้นไปทางเสื้อกีฬา หรือ เสื้อพนักงาน เสื้อกิจกรรม เนื่องจากผ้าประเภทนี้จะระบายอากาศได้เป็นอย่างดี แห้งไว ใส่แล้วรู้สึกสบาย เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ที่อากาศร้อน เช่นเสื้อวิ่ง เสื้อบอล หรือเสื้อกีฬาแทบทุกประเทภจะใช้ผ้าเหล่านี้ จะมีผ้าอีกประเภทผ้า สแปนเด็กซ์ ( Spandex ) ก็สามารถลงงานซับได้เช่นกัน ผ้า Silk Satin ผ้าประเภทนี้ส่วนมากจะนำมาทำผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ เนื่องมีน้ำหนักเบา สัมผัสที่เนื้อผ้าจะมีความนุ่ม ผ้า TC , ผ้า TK , ผ้าจุติ , ผ้าแคนวาส(โพลี), ผ้าโซล่อน

2.เซรามิค ระบบซับลิเมชั่นพิมพ์ลงเซรามิคได้ด้วยหรือ ?

ต้องบอกอย่างนี้ครับ กระเบื้องเซรามิคทั่ว ๆ ไป เช่นกระเบื้องปูพี้นห้องน้ำ พื้นบ้าง ไม่สามารถพิมพ์ได้นะครับ เนื่องจากการที่เราจะพิมพ์ระบบซับลิเมชั่นได้นั้น วัตถุ หรือวัสดุนั้น ต้องผ่านการเคลือบสารโพลีเมอร์ลงไปก่อน แต่ก็ไม่ใช้เรื่องยากในการเราจะเคลือบลงไปในกระเบื้องเพราะโรงผลิตกระเบื้องเซรามิค ก็ผสมโพลีเมอร์ ลงไปก่อนอบ ได้ รวมไปถึงแก้วกาแฟ จานกระเบื้องต่าง ๆ สรุปคือเซรามิค เหล่านี้ต้องมีการเคลือบมาก่อนถึงจะลงงานซับได้ ณ ปัจจุบัน วัสดุในการพิมพ์ที่เป็นเซรามิค ด้วยงานซับมีให้เลือกเยอะมาก ๆ

3.อลูมิเนียม

ในประเทศทางโซนอเมริกา ค่อนข้างนิยมพิมพ์ภาพถ่ายลงอลูมิเนียมเป็นอย่าง เนื่องจาก วัสดุจะมีความเงาเหมือนกระจก สีสันสวยสดใน ทำความสะอาดง่าย ดูแลรักษาง่าย ซึ่งเจ้าอลูมิเนียมนี้มีชื่อ Chroma lux เป็นวัสดุสำหรับพิมพ์ภาพถ่ายที่ออกแบบมาสำหรับงานซับลิเมชั่น โดยเฉพาะ ในบ้านเราจะคุ้นเคยกับเคลสโทรศัพท์ ที่ด้านหลังเป็นแผ่นอลูมิเนียม ก็ถือว่าเป็นงานซับเช่น กัน

4.พลาสติก

ก็พิมพ์ได้ จริง ๆ พลาสติกเองก็มีส่วนผสมของโพลีเมอร์อยู่แล้ว ก็สามารถพิมพ์ได้เลย แต่ความเป็นจริงแล้วพลาสติกที่จะพิมพ์ได้ต้องมีความคงทนต่ออุณหภูมิ ให้ได้ถึง 200 องศาเช่น กัน แต่ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนรูปไปก่อนที่น้ำหมึกจะทรานเฟอร์ไปเสียก่อน จึงไม่สามารถหาวัสดุที่พลาสติกมาทำงานซับได้เท่าไหร่ แต่ก็จะมีใช้ในกลุ่มที่เล็กๆ ที่ใช้งานซับทรานเฟอร์ลงพลาสติกเช่นกัน เช่นไปพิมพ์โล่รางวัล ที่ทำจากพลาสติก แต่ก็ไม่ได้แพร่หลายมาก แต่ให้รู้ไว้ว่างานซับก็สามารถลงพลาสติกได้เช่นกัน

6.การเตรียมความพร้อมสำหรับการจะลงทุนผลิตชิ้นงานด้วยระบบซับลิเมชั่น

การเริ่มต้นธุรกิจงานซับ สิ่งแรก ๆ เลยว่าต้องการผลิตสินค้าตัวไหนออกมาขาย เนื่องจากเครื่องพิมพ์ระบบซับลิเมชั่น มีหลากหลายขนาด และราคา ยิ่งเครื่องมีขนาดใหญ่ และความเร็วสูง ๆ ก็ยิ่งทำให้มีราคาสูงตามไปด้วย ปัจจัยต่อมา เครื่องรีดร้อน ต้องดูให้เหมาะกับงานอย่างน้อยต้องมีขนาดพื้นที่การรีดใหญ่กว่าปริ้นเตอร์ เช่น ปริ้นเตอร์ของเรามีขนาด A4 เราต้องมีเครื่องรีดขนาด A3 , ถ้าเรามีเครื่องปริ้นเตอร์หน้ากว้าง 110cm เครื่องรีดต้องมีขนาดหน้ากว้าง 120cm เป็นต้น ปัจจัยถัดมาเครื่องสถานที่ อันนี้ค่อนข้างสำคัญสำหรับท่านที่ต้องการทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง สถานที่นั้นต้องเหมาะสมกับการทำงาน เพราะอย่างที่ทราบการเรารีดร้อน ที่อุณหภูมิ 200 องศา จะมีความร้อนสะสม และอาจจะมีควันร้อนจากการรีดงาน ออกมา สภาพห้องหรือสถานที่ต้องมีการระบายอากาศ และมีอากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดี ไม่ร้อนจนเกินไป อาจจะส่งผลต่อพนักงานที่ปฏิบัติงาน ได้ ปัจจัยสุดท้ายคือกระแสไฟฟ้า เนื่องจากเครื่องรีดร้อนทำงานนั้นจะต้องการกำลังไฟฟ้าที่สูง พอทีจะต้มหน้าเตาให้ร้อนได้ ต้องเช็คสเป็คเครื่องรีดให้ดีว่าอัตราการใช้กำลังไฟเท่าไหร่ ถ้าเป็นเครื่องรีดที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ เช่นเครื่องรีดโรล ตัวเครื่องส่วนมากจะใช้ระบบไฟ 3 phase อาจจะต้องไปที่การไฟฟ้าเพื่อขอเปลี่ยนกำลังไฟในบ้าน และโรงงาน ให้เหมาะสม

มาดูตัวอย่างกันว่า สินค้าแบบไหน ต้องลงทุนเท่าไหร่ อะไรบ้าง

1.สินค้าประเภทพรีเมียม Souvenir

: แนะนำเครื่องพิมพ์ Epson L1300/Epson L1800/ Epson L3110 หรือ Epson SureColor F530 ที่เป็นเครื่องหมึกเอปสันแท้จากโรงงาน มีการรับประกันโดยบริษัทเอปสัน 2 ปี แบบ On Site Service

: เครื่องจะมีขนาด A4 เครื่องรีดแก้ว เครื่องหมวก เครื่องจาน

2.สกรีนเสื้อยืด เสื้อกจิกรรม เสื้อด่วนT-Shirt Screen

:แนะนำเครื่อง Epson L1300 / Epson L1800 หรือ Epson SureColor F530 ที่เป็นเครื่องหมึกเอปสันแท้จากโรงงาน มีการรับประกันโดยบริษัทเอปสัน 2 ปี แบบ On Site Service

:เครื่องรีดจะมีขนาด A3 และไม่ควรกว่านี้ และเครื่องต้องสามารถสวมเสื้อเข้าไปแป้นได้

3.เสื้อผ้ากีฬา Sport were

:แนะนำเครื่อง Epson SureColor F6330 (หน้ากว้าง 110cm) ราคาประมาณ 279,xxx

Epson SureColor F7270 (หน้ากว้าง 160cm) ราคาประมาณ 590,xxx

Mimaki TS130 (หน้ากว้าง 150cm) ราคาประมาณ 590,xxx

สำหรับใครที่เริ่มทำธุรกิจซับลิเมชั้นเป็นครั้งแรกเราแนะนำให้ใช้เครื่องแบรนด์ ไปเลยครับเพราะจะทำได้ง่ายและสะดวกกว่า ไม่จุกจิกใช้งานง่ายกว่า ลดปัญหาจากตัวเครื่องพิมพ์ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าต้องการเครื่องที่ราคาไม่สูง หรือมีประสบการณ์มาแล้ว เครื่องพิมพ์หน้ากว้างของจากประเทศจีนก็มีให้เลือกเยอะมาก ๆ เช่น Hybrid Sublimation , Grando Sublimation , Proprint , Arena แต่เครื่องพิมพ์จากจีนส่วนมาหน้ากว้างจะเริ่มที่ 160cm ไปเลย (ตัวใหญ่ไปเลย )ราคา ก็มีตั้ง 290,000-8xx,xxx

: เครื่องรีดที่สามารถทำเสื้อกีฬาได้ ก็จะต้องมีขนาดของหน้าเตา ไม่น้อยกว่า 70×90 cm ที่เป็นแบบ Flat bate ราคาในท้องตลาด อยู่ราว 100,000-120,000

แบบ Roll จะมีราคาอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 300,000 บาท

ดังนั้นธุรกิจำทำเสื้อกีฬาลงก็ไม่น่าจะเกิน 390,000 (เครื่องรีดแบบ Flat bate 70x90cm)ก็สามารถเริ่มได้แล้ว สำหรับการผลิตเสื้อวันละ 100 – 150 ตัวต่อวัน

4.ที่นอน ผ้าม่าน ผ้าใบ ผ้าหลา

:แน่นำเครื่อง Epson SureColor F9430 หน้ากว้าง 160cm. ราคาอยู่ที่ 9xx,xxx

Epson SureColor F7270 หน้ากว้าง 160cm. ราคาอยู่ที่ 590,xxx

Mimaki TS180 หน้ากว้าง 180cm

:เครื่องรีดสำหรับงานผ้าหลา จะต้องมีขนาดที่ใหญ่กว่าหน้ากว้างของผ้า ส่วนมากจะที่ 160-190cm ราคาก็ขึ้นอยู่กับหน้ากว้าง และความเร็ว ราคาจะอยู่ที่ 390,000-890,000 (เป็นเครื่องจีน) แต่ถ้าดูเป็นยี่ห้อดี ๆ ไปเลยก็มียี่ห้อ Montri ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2 ล้าน – 8 ล้านครับผม

: สำหรับธุรกิจพิมพ์ผ้าม้วน พิมพ์ผ้าหลา จะต้องลงทุนเริ่มต้นประมาณ 690,000 (เครื่องพิมพ์จีน) เป็นอย่างน้อย

7.ข้อดีของการพิมพ์สกรีนด้วยระบบซับลิเมชั่น

1. เป็นระบบดิจิทัล ทำงานแบบไม่ต้องมีขั้นต่ำได้ เล่น ที่เสื้อ 1 ตัวก็ทำได้ จะขึ้นสินค้าตัวอย่างก่อนผลิตจริงก็ทำได้
2. ไม่จำกัดเรื่องของไอเดียการออกแบบ ใส่สีสันได้เต็มที่
3. ไม่ต้องสต็อกผ้าสี อยากได้สีไหนก็พิมพ์ได้เลย
4. อายุการใช้ของผ้าที่พิมพ์จากซับลิเมชั่น ติดทน นาน ไม่หลุด
5. สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายประเภท และวัสดุในการพิมพ์มีเยอะ
6. กระบวนการผลิตใช้เวลาน้อย คุณสามารถสกรีนเสื้อ 1 ตัวใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ก็เสร็จแล้ว
7. ไม่ต้องเรียนรู้กระบวนการทำบล็อกสกรีน แยกสี ผสม หมึก เพราะว่าเราพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ Printer ได้เลย
8. ไม่มีของเสียจากการผลิต เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
9. ธุรกิจเกี่ยวกับกีฬา ไม่มีวันตกยุค งานผลิตเสื้อกีฬาจากงานซับลิเมชั่นจะถูกใช้ไปอีกนานแสนนาน
10. ลงทุนน้อย กำไรเยอะ เมื่อเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น เหมาะสำหรับ SME และผู้ประกอบการรายย้อย
11. ไม่ต้องใช้แรงงานการผลิตสินค้าเยอะ ๆ สามารถทำได้เพียงคน ๆ เดียว

8.ข้อเสียของการพิมพ์สกรีนด้วยระบบซับลิเมชั่น

1. ไม่เหมาะสำหรับผ้าเส้นใยธรรมชาติ(คอตอน100%)
2. ไม่สามารถพิมพ์ลงผ้าสีเข้ม ๆ ได้ เนื่องจากยังไม่มีน้ำหมึกสีขาว
3. เครื่องรีดร้อนกินกำลังไฟค่อนข้างเยอะ เป็นต้นทุนสำหรับการผลิต ที่ไม่ควรมองข้าม
4. กระดาษสำหรับรีดทรานเฟอร์ใช้ได้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง จะมีของเสียที่เป็นกระดาษเยอะ

การพิมพ์สีระเหิด[ แก้ไข]

บทความหลัก: เครื่องพิมพ์สีระเหิด

การพิมพ์แบบ Dye-sub เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลโดยใช้งานศิลปะสีเต็มรูปแบบซึ่งทำงานร่วมกับพื้นผิวที่เคลือบด้วยโพลีเอสเตอร์และโพลีเมอร์ หรือที่เรียกว่าการระเหิดดิจิทัลกระบวนการนี้มักใช้สำหรับการตกแต่งเครื่องแต่งกายป้ายและแบนเนอร์รวมถึงสินค้าแปลกใหม่เช่นฝาปิดโทรศัพท์มือถือโล่แก้วกาแฟและสิ่งของอื่น ๆ ที่มีพื้นผิวที่เป็นมิตรต่อการระเหิด กระบวนการนี้ใช้วิทยาศาสตร์ของการระเหิดซึ่งความร้อนและความดันถูกนำไปใช้กับของแข็งเปลี่ยนเป็นก๊าซผ่านปฏิกิริยาดูดความร้อนโดยไม่ต้องผ่านเฟสของเหลว

ในการพิมพ์ระเหิดสีย้อมระเหิดที่เป็นเอกลักษณ์จะถูกถ่ายโอนไปยังแผ่นกระดาษ “ทรานเฟอร์” ผ่านหมึกเจลเหลวผ่านหัวพิมพ์เพียโซอิเล็กทริก หมึกจะถูกฝากไว้บนกระดาษอิงค์เจ็ทคุณภาพสูงเหล่านี้ซึ่งใช้สำหรับขั้นตอนต่อไปของกระบวนการพิมพ์ระเหิด หลังจากพิมพ์การออกแบบดิจิทัลลงบนแผ่นถ่ายโอนการระเหิดแล้วจะถูกวางลงบนแท่นพิมพ์พร้อมกับวัสดุพิมพ์ที่จะทำให้ระเหิด

ในการถ่ายโอนภาพจากกระดาษไปยังวัสดุพิมพ์ต้องใช้กระบวนการกดความร้อนที่ผสมผสานระหว่างเวลาอุณหภูมิและความดัน เครื่องอัดความร้อนจะใช้ส่วนผสมพิเศษนี้ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสารตั้งต้นเพื่อ “ถ่ายโอน” สีย้อมระเหิดในระดับโมเลกุลไปยังสารตั้งต้น สีย้อมทั่วไปที่ใช้สำหรับการระเหิดเปิดใช้งานที่ 350 องศาฟาเรนไฮต์ อย่างไรก็ตามปกติแนะนำให้ใช้ช่วง 380 ถึง 420 องศาฟาเรนไฮต์เพื่อให้ได้สีที่เหมาะสมที่สุด

ผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการระเหิดคือการพิมพ์สีเต็มรูปแบบที่มีความละเอียดสูงและถาวรเกือบถาวร เนื่องจากสีย้อมถูกผสมลงในวัสดุพิมพ์ในระดับโมเลกุลแทนที่จะใช้ในระดับเฉพาะ (เช่นการพิมพ์สกรีนและการพิมพ์เสื้อผ้าโดยตรง) งานพิมพ์จะไม่แตกซีดจางหรือลอกออกจากวัสดุพิมพ์ภายใต้สภาวะปกติ