Macbook pro 13 2023 ราคา ม อหน ง

และแล้วก็มาถึงบทความที่ลำบากใจที่สุด เพราะผู้เขียนเข้าใจดีว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ “รีวิว Macbook รุ่นไหนดี” ในวันนี้ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่ไม่ถนัดในเรื่องเทคโนโลยีใช่มั้ยคะ? และด้วยผู้เขียนเองก็ทราบดีว่าคำศัพท์ทางคอมพิวเตอร์บางทีมันก็ค่อนข้างยุ่งยากและไม่เข้าใจจริง ๆ ค่ะ และที่สำคัญการจะลงทุนซื้อแล็ปท็อปราคาสูงทั้งทีจะหลับตาชี้นิ้วสั่ง ๆ ไปก็ไม่ได้อีก ดังนั้นในบทความนี้ ผู้เขียนจึงอยากมาแนะนำ “วิธีการเลือก Macbook ที่เข้าใจง่ายที่สุด” เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเองเหมาะกับ Macbook รุ่นไหนนะคะ

Macbook ใช้ชิปประมวลผลและใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเอง ทำให้ MacBook เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

แต่ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันนี้ ทาง Apple ได้มีการใช้ชิปของตัวเองแล้วนะคะ หรือที่มีชื่อเรียกว่า “Apple Silicon” ซึ่งตอนนี้ก็มีออกให้เราได้เชยชมกันถึง 2 เจเนอเรชั่น ได้แก่ ชิป M1 (ปี 2020-2021) และชิป M2 (ปี 2022-2023) แน่นอนว่าชิปทั้ง 2 ตัวนี้ได้ถูกนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ Macbook รุ่นใหม่ ๆ หมดแล้ว () ดังนั้นบทความในวันนี้คุณจะไม่พบ Macbook รุ่นเก่า ๆ ที่ชิปของเจ้าอื่นอีกต่อไปแล้วนะคะ

เอาละค่ะอธิบายมายืดยาวพอสมควรแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ โดยจะเริ่มจากทำความรู้จัก Macbook กันสักหน่อย ทำไมมันจึงแพงหนักหนา? และทำไมมันจึงได้รับความนิยมทั่วโลก? เรามาดูกันเลยค่ะ

Macbook รุ่นใหม่ล่าสุด ในปี 2023

Macbook ที่ไม่ใช่รุ่นใหม่ ราคาถูกกว่า คุ้มค่ากับทุกรูปแบบการทำงานของคุณ

  • MacBook Air ที่ทรงพลังมากขึ้น เข้าใกล้ความเป็น MacBook Pro อีกระดับ:
  • รุ่นเริ่มต้น ประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป:
  • การใช้งานระดับกลาง-หนัก ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับ MacBook Pro เริ่มต้น:

Apple Macbook (แมคบุ๊ค) ดีอย่างไร ?

ใช้ CPU ของตัวเอง (Apple Silicon)

สำหรับใครที่เป็นสาวกของ Macbook คงจะทราบดีว่าเมื่อก่อนนี้ทาง Apple ยังต้องใช้ตัว CPU ของ Intel® ในการประมวลผลคำสั่งต่าง ๆ แต่ในตอนนี้ Apple ได้ผลิต CPU ของตัวเองขึ้นมา หรือก็คือ Apple Silicon ที่เป็นการรวมชิปวงจรมากมายไว้ในชิปเพียงตัวเดียวเท่านั้น ทำให้หน่วยประมวลผลต่าง ๆ ทำงานสื่อสารกันง่ายขึ้น อาทิเช่น CPU หรือ GPU สามารถเข้าถึง RAM ได้ทันทีเนื่องจากมันได้รวมไว้อยู่ในชิปตัวเดียวกัน (อารมณ์เหมือนเรากับแม่ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน แล้วแม่ก็ตะโกนเรียกเราให้มากินข้าวเลยค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าแม่จะไม่ต้องโทรตามเราหรือนั่งรถเดินทางไปหาเราให้ยุ่งยากเลยใช่มั้ยคะ) ดังนั้นมันจึงช่วยลดจำนวนชุดคำสั่งลงไปได้เยอะทำให้ตัวเครื่องไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป และท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้มันกลายเป็นชิปที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น จึงเป็นที่มาของแบตเตอรี่ที่อึดทนทานและระบบความร้อนที่ดีขึ้นนั่นเองค่ะ

Apple ผลิตชิปของตัวเองที่ชื่อ Apple Silicon แทนการใช้ Intel ทำให้ MacBook มีประสิทธิภาพการทำงานดียิ่งขึ้น

ระบบปฏิบัติการที่ดี

อย่างที่ทราบกันดีว่านอกจากความแข็งแรงทนทานและดีไซน์ที่ดูสวยหรูหราแล้ว สินค้าทุกตัวของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือแม้แต่ Macbook จะมีระบบปฏิบัติการเป็นตัวเองทั้งหมด สำหรับ Macbook นั้นระบบปฏิบัติการจะมีชื่อเรียกว่า “macOS” ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ระบบปิด ที่ทาง Apple ไม่อนุญาตให้แบรนด์อื่นมาใช้งานร่วมกันได้ ทำให้มันกลายเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงมาก และน้อยครั้งที่เราจะพบว่ามีผู้ใช้ Macbook โดนแฮกเกอร์หรือโดนไวรัสเล่นงาน อีกทั้งตัว macOS เองก็ยังมีความสเถียรมากพอจนทำให้คุณใช้งานได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ซึ่งข้อดีอีกอย่างของ macOS ก็คือมันติดตั้งฟรีไม่ต้องเสียค่าจ่ายใช้ใด ๆ และยังสามารถอัปเดตเวอร์ชันใหม่ ๆ ได้ตลอดที่มีการอัปเดทจากทาง Apple อีกด้วย

ใน MacBook ทุกตัวจะใช้ระบบ macOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงมาก

โดย macOS จะมีโปรแกรมพื้นฐานฟรีที่ใช้งานได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นโปรแกรมที่มีเฉพาะแต่ใน macOS เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ภายในเครือของ Apple ได้อย่างง่าย โดยไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งยากและไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมอะไรอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ iPad และด้วยข้อจำกัดที่เชื่อมได้เฉพาะอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้นจึงทำให้สินค้าของ Apple ทั้งหมดมีความปลอดภัยสูง ติดไวรัสยากมาก ๆ นั่นเองค่ะ

แต่ในข้อดีก็จะมีข้อเสียอยู่บ้าง เพราะในบางครั้งหากคุณเซฟงานจาก Macbook แล้วไปเปิดไฟล์ใน Windows ก็อาจจะอ่านไฟล์ไม่ได้ ทำให้ต้องมีการแปลงไฟล์กันก่อนซึ่งอาจจะเสียเวลาตรงนี้ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเพราะปัจจุบันนี้ทาง Apple ก็ได้มีการพัฒนาให้เราสามารถเปิดอ่านไฟล์จากระบบอื่นได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้หากคุณไม่ถนัดใช้ระบบ macOS คุณก็สามารถลง Windows ในเครื่อง Macbook ได้ด้วยนะคะ

ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน แบตอึดใช้ได้นาน

นอกจากดีไซน์ที่สวยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว Macbook ยังเป็นแล็ปท็อปที่เหมาะสำหรับพกพาไปทำงานนอกสถานที่มาก ๆ เพราะด้วยน้ำหนักเครื่องที่เบาและบาง ทำให้คุณไม่ต้องแบกแล็ปท็อปหนัก ๆ อีกต่อไป ทั้งยังสามารถใช้งานได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จแบตตลอดเวลา เรียกว่าเป็นแล็ปท็อปที่มีแบตอึดมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ

MacBook ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางมาก ทำให้พกพาได้สะดวก ระบายความร้อนได้ดี

ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้ดี เพราะด้วยวัสดุตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม มันจึงระบายความออกได้รอบตัวเครื่องเลยค่ะ แต่ด้วยความเป็นอะลูมิเนียมนั้นมันจึงไม่เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่อุณหภูมิห้องนะคะ เพราะเครื่องอาจจะร้อนเกินไป แต่สำหรับในห้องแอร์นั้นก็สามารถใช้งานได้ปกติไม่มีปัญหาความร้อนเลยค่ะ

แต่ช้าก่อนค่ะ!!! เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เพื่อน ๆ ก็อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีไปไหนค่ะ เพราะอาการร้อนที่ว่านี้จะเกิดเฉพาะใน MacBook รุ่นเก่าที่ใช้งานหนัก ๆ เท่านั้น หากเพื่อน ๆ ซื้อรุ่นล่าสุดที่ใช้ชิปของ Apple เอง อาการเครื่องร้อนหรือเสียงพัดลมที่ดังเกินไปก็จะหายไปในพริบตา หากใครที่สนใจคุณสมบัติตัวนี้เพื่อน ๆ สามารถมองหา Macbook ที่ใช้ชิป M1 และ M2 ได้เลยค่ะ บอกเลยว่าชิปพวกนี้ชื่อในเรื่องของระบบระบายความร้อนที่ดีที่สุดในขณะนี้แล้วค่ะ

Trackpad และ Keyboard ที่ดี

ใครที่เคยมีประสบการณ์ขัดใจกับ TouchPad ของยี่ห้ออื่นจนต้องหาเมาส์มาใช้งานแทน หากคุณได้ลองมาใช้ Trackpad ของ Macbook ที่มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับปัด หนีบ หรือซูม รับรองว่าคุณจะลืมประการณ์แย่ ๆ ไปเลยค่ะ เพราะด้วยความแม่นยำของตัว Trackpad ทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและลื่นไหลมาก ๆ โดยไม่ต้องง้อเมาส์อีกต่อไป แม้ว่า Trackpad ของ Macbook จะไม่มีปุ่มใด ๆ ให้เราได้เห็นว่าควรกดซ้าย-ขวาตรงไหน แต่ Trackpad ก็แยกโซนการคลิกซ้ายขวาอย่างชัดเจนทำให้ใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ต้องกดจนนิ้วหักก็รับคำสั่งอย่างรวดเร็วแล้วค่ะ

Trackpad และ Keyboard ที่ใช้งานได้สมู้ทไหลลื่น พิมพ์งานสะดวก เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งงานเอกสารและเล่นเกม

ในส่วนของ Keyboard Macbook นั้นหรือที่เรียกว่า Magic Keyboard ก็จะออกมาแบบให้มีปุ่มนูนขึ้นมาไม่มากนัก ซึ่งทำให้เราออกแรงกดเบา ๆ ก็สามารถพิมพ์งานได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีไฟ BlackLight ในตัว และมีการเว้นระยะปุ่มในระดับที่ดี ทำให้พิมพ์งานได้ถนัดมือ รวมถึงยังมีปุ่มลัดคีย์บอร์ดใหม่ ๆ ที่ใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้งาน หากเดิมทีคุณเป็นคนที่ชอบ Keyboard แบบต้องออกแรงกดให้มีเสียงดังไว้ก่อน เราขอแนะนำให้คุณลองมาใช้ Keyboard ของ Macbook ดูสักครั้งค่ะ รับรองว่าคุณจะติดใจ 🙂

นอกจากนี้ Macbook รุ่นใหม่ ๆ ก็ได้มีการเพิ่มปุ่ม Touch ID ที่ใช้สำหรับสแกนลายนิ้วมือได้ด้วย ซึ่งปุ่มนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการปลดล็อคคำสั่งต่าง ๆ อาทิเช่น การซื้อของในแอปสโตร์ หรือการยันยืนตัวตนเป็นต้น

จอภาพสีสันคมชัดสมจริง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนชอบใช้ Macbook นั้นเป็นเพราะหน้าจอที่ให้สีสวยสมจริง มีความละเอียดคมชัดสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับแล็ปท็อปรุ่นใหญ่ ๆ บางยี่ห้อแล้ว ประสิทธิภาพของจอภาพก็ยังสู้ของ Macbook ไม่ได้เลยค่ะ ดังนั้นเราจึงสามารถทำงานได้อย่างสบายตา เหมาะสำหรับคนที่ต้องจ้องหน้าจอนาน ๆ หรือคนที่ต้องการหน้าจอที่มีความละเอียดสูง อย่างเช่น งานด้านการออกแบบ, งานกราฟิก หรืองานพัฒนาเกม โดยเฉพาะอาชีพกราฟฟิกดีไซน์นี่เรียกว่า Macbook กลายเป็นขวัญใจของคนกลุ่มนี้ไปเลยก็ได้ค่ะ และนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เรามักเห็นเหล่าบล็อกเกอร์ ยูทูปเปอร์ หรือนักตัดต่อวีดีโอทำคลิป จะใช้ Macbook หรือ iMac กันส่วนใหญ่นั่นเองค่ะ

หน้าจอ Liquid Retina XDR ใน Macbook จะเหมาะสำหรับงานสายกราฟิก ตัดต่อวีดีโอ ฯลฯ

ราคาขายต่อมือสอง

สำหรับแล็ปท็อปของ Apple นั้นมีมูลค่าการขายต่อที่สูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือคุณจะขายต่อได้ราคาดีกว่านั่นเองค่ะ โดยทั่วไปแล้วแล็ปท็อปของ Apple มีคุณภาพการผลิตที่ดี ทั้งยังเป็นที่สนใจของคนในสังคม เพราะมันจะช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ใช้ดูมีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ

MacBook มีกี่แบบ ?(Macbook Air / Macbook Pro)

สำหรับใครกำลังสนใจ MacBook อยู่สิ่งแรกที่คุณจะต้องรู้คือ MacBook แต่ละตัวมีรูปทรง ดีไซน์ และสีสันที่ไม่ต่างกันมากนัก หากมองดูเผิน ๆ คุณอาจจะแยกไม่ออกว่าเป็น MacBook รุ่นไหน ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีราคาและสเปคที่ต่างกัน ดังนั้นก่อนจะซื้อ MacBook สิ่งแรกที่คุณรู้คือประเภทของ MacBook อย่างคร่าว ๆ กันก่อนนะคะ โดยจะมี 2 ประเภทแยกตามการใช้งานดังนี้

1. MacBook Air (แมคบุ๊ค แอร์) เหมาะกับใคร?

MacBook Air เป็น MacBook ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา MacBook ทั้งหมด โดยปัจจุบันนี้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 32,900 บาทเท่านั้น ซึ่งจะมีสีสันให้เลือกเยอะมาก จึงค่อนข้างเหมาะสำหรับสาว ๆ เลยค่ะ ทั้งยังมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เน้นพกพาสะดวก โดยจะมีขนาดจอประมาณ 13 นิ้ว ในส่วนของระบบการทำงานนั้น MacBook Air จัดอยู่ในระดับที่ดี เหมาะสำหรับการใช้งานโปรแกรมพื้นฐานทั่วไป อย่างเช่น งานเอกสารหรือตัดต่อรูปภาพง่าย ๆ รวมถึงเหมาะสำหรับนักเรียนหรือกลุ่มคนที่ชอบท่องเว็บ, ฟังเพลง, ดูหนังออนไลน์เป็นหลัก

หากคุณมีความจำเป็นที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะทางหรือต้องใช้งานหนัก รวมถึงต้องการใช้งานด้านกราฟิกที่มีจอภาพความละเอียดสูงมาก แนะนำให้ข้ามไปดู MacBook Pro แทนค่ะ

ความแตกต่างระหว่าง MacBook Air M1 และ M2

MacBook Air ที่ใช้ชิป M1 (2020)

  • เริ่มต้นที่ ฿32,900
  • จอภาพ Retina 13.3″
  • CPU 8-core
  • GPU 7-core
  • RAM สูงสุด 16GB
  • SSD สูงสุด 2TB
  • กล้อง 720p

MacBook Air ที่ใช้ชิป M2 (2022)

  • เริ่มต้นที่ ฿43,900
  • จอภาพ Liquid Retina 13.6″
  • CPU 8-core
  • GPU สูงสุด 10-core
  • RAM สูงสุด 24GB
  • SSD สูงสุด 2TB
  • กล้อง 1080p

แน่นอนว่าสีและสเปกต่าง ๆ อาจจะต่างกันไปบ้าง แต่คุณสมบัติและการทำงานโดยรวมก็ยังคงอยู่ในขอบเขตของ MacBook Air เช่นเดิม สำหรับความแตกต่างระหว่างชิป M1 และ M2 นั้นหากดูจากสีที่เราไฮไลท์ไว้ก็ต้องบอกตามตรงว่า M2 ดีกว่า แม้ว่าทั้งคู่จะเร็วเหมือนกัน แต่ในชิป M2 คุณสามารถปรับขนาด RAM ได้สูงสุดถึง 24GB และสามารถเลือก GPU ได้สูงถึงแบบ 10-core

แกะกล่อง MacBook Air ชิป M1 ปี 2020

ดังนั้น MacBook Air M2 จึงเหมาะการทำงานกราฟิกอย่างการตัดต่อวิดีโอ 4K หรืองานโมเดล 3D แบบได้ด้วยนั่นเองค่ะ เพราะงานเหล่านี้ต้องอาศัยจำนวนคอร์ GPU ในการประมวลผลกราฟิกจำนวนมาก ซึ่งต่างจากชิป M1 ที่มี GPU แบบ 7-core เท่านั้น แต่หากคุณไม่มีความจำเป็นในส่วนกราฟิกแนะนำให้เลือกใช้แค่ชิป M1 ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วค่ะ

MacBook Air M1 น้ำหนักเบาเหมาะสำหรับใช้งานนอกสถานที่ และการใช้งานทั่วไป

2. MacBook Pro (แมคบุ๊ค โปร) เหมาะกับใคร?

สำหรับ MacBook Pro นั้นมีขนาดและน้ำหนักที่เบาและบางไม่ต่างจาก MacBook Air มีสีให้เลือกไม่เยอะมากนัก แต่จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพที่เหนือกว่า MacBook Air ในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นมันจึงใช้งานได้ครอบคลุมมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อมาใช้งานอย่างจริงจังหรือใช้งานที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ ค่ะ สำหรับใครที่มีอาชีพเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ MacBook Pro ก็จัดเป็นตัวเลือกยอดนิยมของกลุ่มคนกลุ่มนี้มาก

ขนาด MacBook Pro 13, MacBook Pro 14 และ MacBook Pro16

โดย MacBook Pro จะมีขนาดหน้าจอให้เลือกเยอะหน่อยค่ะ เพราะมีทั้งขนาด 13 นิ้ว, 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว โดยการแยกประเภทของ MacBook Pro ก็จะขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอเนี่ยแหล่ะค่ะ เพราะหน้าจอแต่ละตัวก็ใช้ชิปประมวลผลคนละตัว ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ MacBook Pro มีการใช้ชิปทั้ง M2, M2 Max และ M2 Pro (ปี 2023 ได้ยกเลิกใช้เจเนอเรชั่น M1 ทั้งหมดในรุ่น Pro) เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าชิปตัวไหนจับคู่กับจอหน้าขนาดไหนบ้าง?

MacBook Pro 13″

  • ชิป M2 (ปี 2022)
  • เริ่มต้นที่ ฿46,900
  • จอภาพ Retina
  • CPU 8-core
  • GPU 10-core
  • RAM สูงสุด 24GB
  • SSD สูงสุด 2TB
  • กล้อง 720p
  • Battery Life 20 ชั่วโมง

MacBook Pro 14″

  • M2 Pro หรือ M2 Max (ปี 2023)
  • เริ่มต้นที่ ฿73,900
  • จอภาพ Liquid Retina XDR
  • CPU สูงสุด 12‑core
  • GPU สูงสุด 38‑core
  • RAM สูงสุด 96GB
  • SSD สูงสุด 8TB
  • กล้อง 1080p
  • Battery Life 18 ชั่วโมง

MacBook Pro 16″

  • M2 Pro หรือ M2 Max (ปี 2023)
  • เริ่มต้นที่ ฿89,900
  • จอภาพ Liquid Retina XDR
  • CPU สูงสุด 12‑core
  • GPU สูงสุด 38‑core
  • RAM สูงสุด 96GB
  • SSD สูงสุด 8TB
  • กล้อง 1080p
  • Battery Life 22 ชั่วโมง

หากคุณต้องการ MacBook Pro ในรุ่นเริ่มต้นจริง ๆ แนะนำเป็น M2 Pro / M2 Max จะเหมาะกว่า เพราะสามารถอัปเกรดสเปกได้เยอะเลย ทั้ง CPU, GPU หรือ RAM อีกทั้งชิปที่ใช้ก็เป็นตัวล่าสุดที่ผลิตในปี 2023 อีกด้วย มาพร้อมกับจอภาพแบบ Liquid Retina XDR ในส่วนความแตกต่างของรุ่น Pro 14 และ Pro 16 นั้นจะไม่ค่อยต่างกันมากเท่าไหร่ นอกจากขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้หลายชั่วโมงมากขึ้นค่ะ

ซื้อ Macbook เครื่องแรก : เลือกรุ่นไหนดี ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง?

เมื่อเรารู้แล้วตัวเองเหมาะกับชิปประเภทไหนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการสำรวจสเปคของเครื่องที่ระบุมาให้ เพราะแต่ละรุ่นก็มีการเพิ่มฟังก์ชันและคุณสมบัติพิเศษที่ต่างกัน และเนื่องจากมันจะมีคำศัพท์เฉพาะทางที่สาย IT หรือคนกลุ่มที่สนใจเท่านั้นจะรู้กันดี แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่ถนัดในเรื่องพวกนี้มากนัก ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ผู้เขียนขออนุญาตอธิบายแบบไม่เจาะลึกความรู้ด้าน IT มากมายนะคะ

1. ดูที่จอภาพ Retina

โดยปกติแล้ว จอภาพ Retina จะให้สีสันสวยสมจริง ซึ่งจะมีใน MacBook ทุกรุ่น แต่ความละเอียดเริ่มต้นไม่เท่ากัน ยิ่งความละเอียดสูง ก็ยังดีทำให้จอภาพของเราสวยมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีประเภทจอภาพ Retina 3 ประเภทคือ

  1. จอ Retina
  2. จอ Liquid Retina
  3. จอ Liquid Retina XDR

คุณภาพของจอภาพนั้นก็จะเรียงตามลำดับ นั่นหมายความว่าจอ Liquid Retina XDR เป็นจอภาพที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ เหมาะสำหรับงานต้องการความละเอียดสูงมาก ๆ แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานด้านความละเอียดมากเท่าไหร่ เลือกรุ่นจอภาพ Retina ทั่วไปก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ

Liquid Retina XDR จอภาพที่ดีที่สุดใน Macbook เหมาะสำหรับมืออาชีพ

ปัจจุบันนี้ในรุ่น Pro 14 และ Pro 16 นิ้วจะเปลี่ยนเป็นใช้แบบ Liquid Retina XDR ทั้งหมด หากถามว่า Liquid Retina XDR มีดีอะไรบ้าง? ตอบเลยว่ามันมี Mini-LED และเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาแสงฟุ้งช่วยหรี่แสงและคอยปรับอัตราการรีเฟรชให้อัตโนมัติสร้างความรู้สึกลื่นไหลสำหรับสายตาของมนุษย์และช่วยประหยัดแบตเตอรีให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตัวเดียวกันกับที่ใช้ใน iPad Pro ด้วยนะคะ

2. ดูที่ตัวจัดเก็บข้อมูล (SSD)

ที่เก็บข้อมูลของ MacBook ทุกรุ่นจะใช้แบบ SSD ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เร็วกว่า ดังนั้นให้คุณประเมินจากความจุของ SSD หากมีความจุมาก ๆ ก็ทำให้คุณสามารถโหลดพวกโปรแกรม, เก็บไฟล์งานขนาดใหญ่, เก็บภาพและวีดีโอเยอะ ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหาเลยค่ะ

3. ดูที่หน่วยความจำ (RAM)

หน่วยความจำ vs ตัวจัดเก็บข้อมูล ต่างกันนะคะ ให้จำง่าย ๆ ว่า ความจำเป็นอะไรที่สั้น ๆ เดี๋ยวก็ลืมค่ะ ดังนั้นมันจึงเป็นหน่วยความจำสำรองที่หากมีมากพอก็จะช่วยให้คุณใช้โปรแกรมทำงานต่าง ๆ ได้ไม่มีสะดุด ใครที่รู้ตัวว่าต้องคอยเปิดโปรแกรมเยอะ ๆ แก้ไฟล์งานขนาดใหญ่ ๆ และมักมีอาการเครื่องค้าง-ช้า-ดีเลย์อยู่ตลอด ต้องลองเพิ่มจำนวน RAM ให้สูงขึ้นดูค่ะ รับรองทำงานไหลลื่นไม่มีสะดุด

4. Touch Bar และ Touch ID

Touch Bar จะเป็นแท็บหน้าจอระบบสัมผัสขนาดเล็ก ๆ แนวยาว ที่ติดตั้งมาตรงพื้นที่ใกล้กับ Keyboard มันสามารถช่วยให้คุณใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น ด้วยฟังก์ชันการทำงานปุ่มลัดหรือคำสั่งลัดต่าง ๆ ซึ่ง Touch Bar มีประโยชน์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและงานที่คุณใช้ ทั้งนี้ในปัจจุบันจะมีระบบ Touch Bar เฉพาะรุ่น Pro 13″ เท่านั้นค่ะ

Touch Bar และ Touch ID บน MacBook มีความจำเป็นอย่างไร ?

ส่วน Touch ID เป็นฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือในการล็อคหรือปลดล็อคเครื่อง โดยที่คุณไม่ต้องกรอกรหัสผ่านซ้ำ ๆ อีกต่อไป นอกจากนี้ยังใช้ยันยืนตัวตนการสั่งซื้อใน App Store หรือคำสั่งต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นฟังก์ชันพิเศษที่มีใน MacBook ใหม่ ๆ ทุกรุ่นเลยค่ะ

5. ดูที่ความคมชัดของกล้อง

ยิ่งความละเอียดของกล้องสูงก็ยิ่งทำให้ภาพออกมาดูสวยและสมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดนี้อาจจะไม่ใช่สเปกเครื่องลิสต์แรก ๆ ที่หลายคนสนใจ แต่หากคุณมีความจำเป็นต้องติดต่องานหรือประชมทางออนไลน์ เราแนะนำให้คุณตรวจสอบรายละเอียดในส่วนนี้ด้วยนะคะ

6. ดูที่จำนวนคอร์ GPU สูงสุด

โดยปกติแล้วเราจะพบว่า GPU เริ่มต้นของ MacBook จะอยู่ที่ 7-core หรือ 8-core ซึ่งในบางรุ่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนจำนวนคอร์ให้สูงกว่านี้ได้แล้ว ดังนั้นหากคุณมีความจำเป็นใช้งานประมวลผลกราฟิกหนัก ๆ ควรเลือกรุ่นที่สามารถเพิ่มจำนวนคอร์ GPU ที่สูงที่สุดตามที่คุณต้องการเลยค่ะ

MacBook Pro รุ่นใหม่ในปี 2023

MacBook Pro 16-inch (M2 Max ปี 2023)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 89,900 บาท*

ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่ายในไทย ราคาเริ่มที่ 89,900 บาท

ที่สุดของความสมบูรณ์ที่คุณสามารถหาได้จาก Macbook Pro ณ ขณะนี้คงต้องยกให้ Macbook Pro 16 นิ้ว M2 Max เท่านั้น เพราะด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ที่อัดแน่นมาในชิป M2 Max ทำให้มันเหมาะสำหรับการทำงานเกี่ยวกับการตัดต่อวีดีโอ, ตัดต่อรูปภาพ, ทำงานที่เน้นกราฟิกหนัก ๆ ,งานสร้างฉาก 3D หรืองานพัฒนาเกมได้สบายหายห่วง รวมถึงใครที่อยากจะซื้อมาใช้สำหรับการเข้าชมเว็บเพจอื่น ๆ รวมจนถึงการเล่นเกมต่าง ๆ เรียกว่ากลายเป็นเรื่องหมู ๆ ในทันที เพราะเป็น Macbook Pro ที่เริ่มต้นด้วย CPU แบบ 12-core และ GPU แบบ 30‑core / 38‑core โดยทั้งนี้ก็มีหน่วยความจำแบบรวมหรือ RAM เริ่มต้นที่ขนาดสูง 96GB ใครที่รู้ตัวว่าต้องใช้พื้นที่มากกว่าก็เพิ่มเป็น 96GB ได้ค่ะ

ในส่วนด้านความสามารถอื่น ๆ ก็ไม่ต่างจาก แล้วค่ะ จะต่างกันก็แค่ความอึดของแบตเตอรี่และขนาดของจอแสดงผลที่มีความละเอียดปกติ 3456 x 2234 ที่ 254 พิกเซลต่อนิ้วเท่านั้นค่ะ ถ้ามองในแง่ของราคาแล้ว ถือว่าการเพิ่มเงินขึ้นมาอีกนิดคุณก็จะได้ Macbook Pro ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับการทำงานหลากหลาย

ชิป M2 Max (2023) CPU 12‑core GPU 30‑core / 38‑core SSD 512BG - 8TB RAM 32GB / 64GB / 96GB (เฉพาะ) หน้าจอ Liquid Retina XDR Webcam 1080p Media Engine H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW

MacBook Pro 14-inch (M2 Max ปี 2023)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 73,900 บาท*

ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่ายในไทย ราคาเริ่มที่ 73,900 บาท

Macbook Pro 14 นิ้ว ตัวนี้จะเป็นการเปิดประสบการณ์ความแรงของ Macbook ที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ชิป M2 Max ขอบอกเลยว่าสายงานกราฟิกหรือสาย hard-code ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะภายในชิปประกอบไปด้วย CPU 12-core ที่เร็วแรงที่สุดในขณะนี้

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ M2 Max ต่างจาก M2 Pro คือความสามารถด้านกราฟิกที่ล้ำหน้า เพราะคุณสามารถเพิ่ม GPU สูงถึง 38 คอร์ ส่งผลให้มันเร็วกว่า M2 Pro อีกทั้ง M2 Max มาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถเพิ่ม RAM ได้ไกลถึง 64GB หรือ 96GB ดังนั้นยิ่ง RAM สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำงานได้หนักหน่วงเต็มพิกัดได้มากขึ้น หรือจะสามารถเปิดโปรแกรมต่าง ๆ ได้พร้อมกันมากขึ้นนั่นเองค่ะ

ชิป M2 MAX (2023) CPU 12‑core GPU 30‑core / 38‑core SSD 512GB - 8TB RAM 32GB / 64GB / 96GB หน้าจอ Liquid Retina XDR Webcam 1080p Media Engine H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW

MacBook Pro 16-inch (M2 Pro ปี 2023)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 89,900 บาท*

ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่ายในไทย ราคาเริ่มที่ 89,900 บาท

สำหรับรุ่นนี้จะมีหน่วยประมวลต่าง ๆ ที่ไม่ต่างจาก เลยค่ะ รวมถึงการเข้ารหัสถอดรหัส, หน้าจอแบบ Liquid Retina XDR, คุณภาพของกล้อง, ไมโครโฟน และความสามารถในเชื่อมต่อจอภายนอกได้ 2 จอ เช่นเดียวกัน เรียกว่าเหมือนกันทุกประการเนื่องจากใช้ชิป M2 Pro เหมือนกันนั่นเองค่ะ

แต่สิ่งที่ทำให้มันต่างกันก็คือขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นถึง 16.2 นิ้วตามแนวทแยง ซึ่งมีความละเอียดของจออยู่ที่ 3456 x 2234 รวมถึงค่าเริ่มต้นของ CPU และ GPU ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รุ่นนี้เหมาะสำหรับสายงานด้านกราฟิกมาก ๆ โดยมีการปรับปรุงแบตเตอรี่ใหม่ให้ทนทานมากยิ่งขึ้น สามารถเล่นวิดีโอ HD 1080p นานต่อเนื่องสูงสุด 22 ชั่วโมง และด้วยจอภาพ Liquid Retina XDR ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับระบบลำโพงสุดเจ๋ง จึงสามารถเนรมิตโรงภาพยนตร์ฉบับพกพาได้เลยค่ะ

ชิป M2 Pro (2023) CPU 12‑core GPU 19‑core SSD 512 - 8TB RAM 16GB / 32GB หน้าจอ Liquid Retina XDR Webcam 1080p Media Engine H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW

MacBook Pro 14-inch (M2 Pro ปี 2023)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 73,900 บาท*

ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่ายในไทย ราคาเริ่มต้น 73,900 บาท

ใครที่กำลังมองหา Macbook Pro ที่ใช้ชิปเร็วแรง แต่ไม่อยากให้งบบานปลาย เราแนะนำให้คุณเลือก Macbook Pro ขนาด 14 นิ้ว กับชิป M2 Pro เลยค่ะ เพราะหากคุณไม่ได้มีความจำเป็นใช้งานด้านกราฟิกที่สูงมากนัก และคุณก็ไม่ได้ต้องการหน้าจอที่ใหญ่เกินไป ดูเหมือนว่า MacBook Pro 14 ชิป M2 Pro จะตอบโจทย์คุณได้ดีกว่า

เนื่องจากหากมองในแง่ของตัว CPU รุ่นนี้สามารถเลือกเป็นแบบ CPU 10-core หรือ 12-core ที่เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก ๆ ได้ และหากคุณต้องการขยับความสามารถด้านกราฟิกให้สูงขึ้นมาอีกนิด ก็เปลี่ยน GPU เป็น 16-core หรือ 19‑core ได้ค่ะ ในส่วนของ RAM ก็เพิ่มได้สูงสุดถึง 32GB อีกด้วย สำหรับคุณสมบัติอื่น ๆ ของ M2 Pro ที่น่าสนใจก็คือการประหยัดพลังงานและความเร็วแรงที่มีมากกว่า ทั้งนี้ยังคงเน้นย้ำเรื่องการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิมค่ะ

ชิป M2 Pro (2023) CPU 10‑core / 2‑core GPU 16‑core / 19‑core SSD 512GB ถึง 8TB RAM 16GB / 32GB หน้าจอ Liquid Retina XDR Webcam 1080p Media Engine H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW

MacBook Pro 13-inch (M2 ปี 2022)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 46,900 บาท*

สำหรับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้วยังคงเป็นการใช้ชิป M2 ของปี 2022 ซึ่งแต่น่าเสียดายเมื่อเทียบรุ่น Pro รุ่น 13 ก่อนหน้านี้ทาง Apple ไม่ได้เปลี่ยนสเปกอะไรมาให้มากนัก เพราะไม่ว่าจะเป็น จอภาพก็ยังคงใช้ Retina เหมือนเดิม, CPU ขนาด 8-core เหมือนเดิม, กล้องความละเอียด 720p ที่คมชัดเท่าเดิมเป๊ะ ๆ จะดีขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่รุ่นนี้มีการเพิ่ม GPU มาให้เป็น 10-core ซึ่งจะดีต่อการประมวลผลด้านกราฟิก ไม่อย่างนั้นก็เสียฟอร์มรุ่น Pro แย่เลยค่ะ ส่วนข้อดีอีกอย่างคือเราสามารถอัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 24GB ซึ่งจะว่าไปแล้วก็สูงสุดเท่ากับรุ่น เหมือนกัน หากจะให้พูดง่าย ๆ เลยก็คือ MacBook Pro M2 แทบจะไม่ได้มีการเพิ่มอะไรใหม่ ๆ ที่ทำให้รู้สึกว้าวเท่าไหร่ เปลี่ยนมากสุดก็แค่ใช้ชิป M2 ที่ดีกว่าเท่านั้นค่ะ (Pro 13" M1 เลิกขายแล้ว)

แต่ช้าก่อนค่ะ!!! สิ่งที่ MacBook Pro M2 ดีกว่านั้นก็ยังมี เพราะมี Active Cooling Fan หรือก็คือมีพัดลมระบายความร้อนในตัว ซึ่งจะต่างจากรุ่น Air ที่ไม่มีพัดลม เนื่องจากขึ้นชื่อว่ารุ่น Pro อย่างไรเสียก็ต้องมีการใช้งานที่หนัก ดังนั้นจะตัดพัดลมออกไม่ได้ค่ะ สิ่งต่อมาก็คือ Touch Bar สำหรับควบคุมปุ่มคำสั่งต่าง ๆ ที่ค่อนข้างใช้งานได้สะดวกซึ่งจะมีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น และสุดท้ายคือความอึดของแบตเตอรี่ที่มากกว่ารุ่น Air โดยสามารถทำงานได้ต่อเนื่องนานถึง 20 ชั่วโมงเชียวนะคะ

หมายเหตุ : สำหรับเราแล้วหากจะให้ลงความเห็นส่วนตัวว่าควรซื้ออะไรดีระหว่าง MacBook Pro M2 และ MacBook Air M2 ? เราขอตอบจากใจจริงเลยว่า ซื้อ MacBook Air M2 ดีกว่าค่ะ เพราะว่าฟอร์มแฟกเตอร์ของ Pro M2 แทบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง ในทางกลับกันที่สิ่งเพิ่มพิเศษเข้ามาใน Pro M2 นั้น MacBook Air M2 ก็สามารถให้คุณได้ และด้วยราคาที่ต่างกันไม่มากนัก (ประมาณ 1,000 บาท) ทำให้เรารู้สึกว่า MacBook Air M2 คุ้มกว่า เพราะเราจะได้ทั้งหน้าจอที่ดีกว่า กล้องชัดกว่า และยังได้ระบบเสียงลำโพงถึง 4 ตัว แถม Media Engine ก็ยังรองรับได้ทั้ง 3 แบบเลยนะคะ

ชิป M2 (2022) CPU 8-core GPU 10-core SSD 512GB RAM 8GB หน้าจอ Retina Webcam 720p Media Engine H.264 และ HEVC

MacBook Air 13-inch (M2 ปี 2022)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 53,900 บาท*

เราจะเห็นว่าการเปรียบเทียบ M2 กับ M1 นั้น ด้านประสิทธิภาพ M2 ดูเหมือนจะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นในทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU, Memory Bandwidth หรือ Media Engine ที่ซัพพอร์ตไฟล์ 8K ทั้ง 3 แบบ รวมถึงหน้าจอที่เปลี่ยนมาใช้แบบ Liquid Retina และขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ส่วนกล้อง Webcam ก็ชัดขึ้นเป็น 1080p (ชัดกว่า อีกค่ะ) ทั้งยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง

ดังนั้นหากใครที่กำลังชั่งใจระหว่าง MacBook Air M1 และ MacBook Air M2 ก็ไม่ต้องคิดมากเลยค่ะ MacBook Air M2 ดีกว่าในหลาย ๆ ด้าน เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว เผื่อในอนาคตคุณอาจจะต้องใช้งานหนัก ๆ อย่างเช่น การตัดต่อวีดีโอ RProRes ระดับ 4K และ 8K

หมายเหตุ : ไม่แนะนำให้ซื้อ SSD ขนาด 256GB เพราะพบว่าความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลจะช้ากว่ารุ่น M1 เนื่องจาก M1 ใช้ SSD 128GB x 2 ทำงานร่วมกัน จึงทำให้ M1 อ่านเขียนเร็วกว่า แต่ใน M2 กับใช้ SSD 256GB ไปเลยเพียงตัวเดียว จึงทำให้มันอ่านเขียนได้ช้ากว่า ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการประสิทธิภาพในการอ่านเขียนที่รวดเร็วแนะนำให้ซื้อ SSD 512GB ค่ะ

ชิป M2 (2022) CPU 8-core GPU 10-core SSD 512BG RAM 8GB หน้าจอ Liquid Retina Webcam 1080p Media Engine H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW

MacBook Air 13-inch (M1 ปี 2020)

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 32,900 บาท*

สำหรับคนที่ไม่ได้เน้นการใช้งานหนัก ๆ ไม่ได้ต้องการ GPU ไว้สำหรับประมวลผลกราฟิกโหด ๆ เราคิดว่า MacBook Air M1 ก็เพียงพอต่อการใช้งานของคุณแล้วค่ะ เพราะถึงแม้มันจะเป็นชิป M1 ที่สร้างขึ้นใน 2020 แต่ถ้าการใช้งานส่วนใหญ่ของคุณคือการท่องเว็บไซต์ ดูหนังและซีรีส์ออนไลน์ รวมถึงการใช้งานเอกสารทั่วไป และอาจจะมีการตัดต่อภาพหรือตัดวิดีโอ Full HD เบา ๆ ด้วยสเปกของเครื่อง MacBook Air M1 นั้นสามารถใช้งานได้อย่างสบาย ๆ

เนื่องจากตัว CPU ของมันก็คือค่อนข้างเร็วกว่า Mac รุ่นก่อนที่ใช้ชิปของ Intel ถึง 3.5 เท่า ทั้งยังทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า MacBook Air รุ่นก่อนอีกด้วย หรือใครต้องการจะซื้อมาเล่นเกมที่กราฟิกไม่ได้ซับซ้อนมากนักก็ถือว่า MacBook Air M1 ตัวนี้ยังคงใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ ในส่วนของการระบายความร้อนนั้น เนื่องจากมันเป็นรุ่น Air จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีพัดลมระบายความร้อนในตัว ดังนั้นก็หมดปัญหาเรื่องเสียงพัดลมดังขณะใช้งานไปได้เลยค่ะ นอกจากนี้ทาง Apple ยังมีการปรับปรุงแป้นพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้นด้วยนะคะทำให้ใช้งานไหลลื่นมาก ๆ

โดยรวมแล้ว หากคุณอยากซื้อ MacBook เครื่องแรก เราแนะนำให้เริ่มต้นจากรุ่นนี้เลยค่ะ ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม ทั้งเรื่องคุณภาพและราคา แถมยังพกพาสะดวก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับน้อง ๆ นักเรียน นักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศที่ใช้งานเอกสารทั่วไปที่ไม่ได้มีโปรแกรมเฉพาะเจาะจง การเริ่มต้นจาก MacBook Air 13-inch M1 นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

หมายเหตุ : สำหรับคนที่ชอบเปิดโปรแกรมหลาย ๆ ตัวหรือชอบเปิดบราวเซอร์พร้อมกันหลายหน้า ประมาณ 20-30 แท็บ เรียกว่าทำงานแต่ละครั้งจำเป็นต้องเปิดทุกอย่างค้างไว้ตลอด แนะนำให้เพิ่ม RAM จาก 8GB เป็น 16GB นะคะ โดยราคาก็จะบวกไปประมาณ 7,000 บาทเท่านั้น และข้อเสียเพียงเดียวของรุ่นนี้คือคุณไม่สามารถอัปเกรด GPUให้สูงกว่า 7-core ได้ ซึ่งนั้นหมายความว่ามันเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไป หากต้องการเครื่องที่ใช้งานกับกราฟิกโหด ๆ แนะนำให้ข้ามไปรุ่นอื่นเลยค่ะ

ชิป M1 (2020) CPU 8-core GPU 7-core SSD 256BG RAM 8GB หน้าจอ Retina Webcam 720p Media Engine H.264 และ HEVC

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

เปรียบเทียบ MacBook แต่ละรุ่น เหมาะสำหรับการทำงานแบบไหนที่สุด

รุ่นของ Macbook จุดเด่น MacBook Pro 16 นิ้ว MacBook Pro 14 นิ้ว

  • มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เหมาะกับการใช้งานกราฟิก ตัดต่อภาพขั้นสูง และการตัดต่อวิดีโอ
  • หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจึงไม่เหมาะสำหรับพกพา เพราะหากระเป๋าเป้ใส่ลำบาก หากคุณต้องเดินทางบ่อยๆ รุ่น 13 นิ้วเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
  • มีตัวเลือกการกำหนดค่าที่หลากหลายที่สุด โดยหากคุณเลือกรุ่น 2023 คุณจะสามารถอัพความเร็วความแรงของเครื่องด้วยการใช้ชิป M2 Pro หรือ M2 Max ก็ได้ค่ะ MacBook Pro 13 นิ้ว
  • Pro 13 นิ้วเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเหมาะกับการเน้นพกพา ที่ยังต้องการคอมที่ทรงพลัง
  • รองรับโปรแกรมต่าง ๆ ที่คุณต้องการใช้ได้มากพอ
  • หากอยากใช้ตัดต่อวิดีโอด้วย แต่ไม่อยากได้รุ่น 16 นิ้ว เลือกรุ่น 13 นิ้ว M2 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี MacBook Air 13 นิ้ว
  • ประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับใช้งานนอกสถานที่
  • เหมาะมากที่จะดูหนังหรือซีรีส์ รวมถึงการท่องอินเทอร์เน็ต และเขียนรายงาน
  • หากคุณต้องใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีความต้องการสูงเป็นประจำ คุณควรเลือก MacBook Pro จะเหมาะกว่า

Apple Silicon เปรียบเทียบ M1, M2, M2 Pro, M2 Max แบบไหนดีกว่ากัน ?

ต้องขอเกริ่นก่อนว่าก่อนที่คุณจะเลือก MacBook รุ่นใด ๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องรู้จักก่อนคือ Apple Silicon ซึ่งก็คือชิปที่รวมวงจรต่าง ๆ ไว้ในชิปตัวเดียว เราจะเรียกชิปแบบนี้ว่า System on Chip (SoC) โดยภายในชิปนั้นจะมีทั้ง CPU, GPU, RAM และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในชิป ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการ Mac ครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะในอนาคตเราไม่พบ Macbook ที่ใช้ CPU ของ Intel® อีกต่อไปแล้ว

โดยตอนนี้ทาง Apple ก็ได้นำร่องการใช้ Apple Silicon ในบางรุ่นกันไปบ้างแล้วนะคะ ซึ่งคุณจะต้องรู้ด้วยว่า Apple Silicon ก็มีชิปรุ่นย่อย ๆ แยกออกมาตามปีที่ผลิตโดยตอนนี้ก็มีชิป M1, M1 Pro, M1 Max ของปี 2021 และ M2 ของปี 2022 ล่าสุดก็ได้ปล่อย M2 Pro, M2 Max ออกมา ทำให้ Mac ที่ใช้ M1 Pro, M1 Max ทั้งโดนแทนที่ด้วยรุ่นที่ใหม่กว่า (M1 Pro, M1 Max จะไม่มีขายอีกต่อไปแล้ว)

โดย MacBook ที่มีการใช้ Apple Silicon ณ ข้อมูลล่าสุดของปี 2023 ได้แก่ :
  1. ชิป M1 ผลิตในปี 2020 ปัจจุบันมีอยู่ในรุ่น MacBook Air iMac
  2. ชิป M1 Pro และชิป M1 Max ผลิตในปี 2021 ปัจจุบันนี้ไม่มีการผลิตในรุ่นไหนแล้ว
  3. ชิป M2 ผลิตในปี 2022 ปัจจุบันมีอยู่ในรุ่น MacBook Pro 13″ MacBook Air Mac mini
  4. ชิป M2 Pro และชิป M2 Max ผลิตในปี 2023 ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุด มีอยู่ในรุ่น MacBook Pro 14″ MacBook Pro 16″ Mac mini (มีเฉพาะ M2 Pro)
ไฮไลท์สีชมพูก็คือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้ชิป M2 Pro / M2 Max หากคุณจะซื้อ MacBook รุ่น 2023 แบบไม่ต้องคิดวิเคราะห์อะไรมาก เน้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไว้ก่อน เราขอแนะนำเป็น MacBook Pro M2 Pro หรือ M2 Maxเลยค่ะ ส่วนขนาดจอนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ซึ่งมีให้เลือก 14″ และ 16″

วิเคราะห์ชิป M2 ดีกว่า M1 ตรงไหนบ้าง ?

สำหรับชิป M2 ที่ออกมาใหม่นั้น จะยกระดับความสามารถเพิ่มขึ้นจาก M1 ด้วยการสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีแบบ 5 นาโนเมตร และปรับความเร็ว CPU ให้เร็วขึ้น 18%, GPU ก็จะประมวลผลกราฟิกได้เร็วขึ้นอีก 35%, Neural Engine ก็จะเร็วขึ้นอีก 40% ซึ่งมันสามารถประมวลผลได้สูงสุด 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที ส่วน Bandwidth ก็สูงขึ้น 50% และยังรองรับวิดีโอ H.264 และ HEVC ระดับ 8K รวมถึงทำให้สามารถเล่นวิดีโอทั้งระดับ 4K และ 8K ได้หลายสตรีม

ชิป M2 ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์มากกว่าชิป M1 ถึง 25% และสร้างแบบ 5 นาโนเมตรจึงดียิ่งกว่าเดิม

เรียกว่า M2 ดีกว่าชิป M1 แทบทุกอย่าง นอกจากนี้ทาง Apple ยังได้ปรับให้ RAM เลือกได้สูงสุดถึง 24GB บอกเลยว่าชิป M2 เป็นการรวบรวมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดมาไว้ในชิปตัวเดียว ซึ่งนอกเหนือจากความเร็วต่าง ๆ นานาที่เรากล่าวไปแล้ว การใช้งานของแบตเตอรี่ก็ยังอึดมากขึ้นอีกด้วยนะคะ หลาย ๆ อาจสงสัยว่าทำไม M2 ถึงดีกว่า M1 ได้เยอะขนาดนี้? นั่นเป็นเพราะ ใน M2 มีทรานซิสเตอร์ถึง 2 หมื่นล้านตัว ซึ่งมากกว่า M1 ถึง 25% และเจ้าทรานซิสเตอร์ที่ว่านี้ก็จะช่วยลดการทำงานอันซับซ้อนให้ง่ายขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนคือ CPU แบบที่ใช้คอร์ 10-core ของ M2 สามารถประมวลผลหนัก ๆ ได้อย่างสบาย ๆ แต่กลับใช้พลังงานน้อยมาก บอกเลยว่า CPU ของ M2 เร็วว่าแล็ปท็อป PC ท่ัวไปที่ใช้แบบ 10-core ถึง 2 เท่าเชียวนะคะ

วิเคราะห์ชิป M1 เหมาะกับใคร ?

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือก M1 ของ Apple ดีมั้ย ขอบอกเลยว่ามันเร็วมากเพียงพอสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่ ที่เน้นใช้ท่องเว็บไซต์ การทำงานเอกสาร และการตัดต่อภาพถ่ายและวิดีโอแบบเบา ๆ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ให้เร็วขึ้นถึง 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac รุ่นก่อน และเพิ่ม GPU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลด้านกราฟิกให้เร็วขึ้น ทำให้เราเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิกได้ไม่มีสะดุด

วิเคราะห์ชิป M2 Pro และ M2 Max เหมาะกับใคร ?

ในส่วนของ M2 Pro และ M2 Max นั้นค่อนข้างพัฒนาไปไกลมาก เรียกว่าอาจจะไม่เหมาะกับกลุ่มคนที่ใช้งานทั่ว ๆ ไป เพราะมันจะเหมาะกับคนที่ต้องใช้โปรแกรมประมวลผลหนัก ๆ ในกรณีที่คุณเลือก CPU สูงสุด 12-core จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีความเร็วเพิ่มขึ้น ทั้งยังใช้พลังงานน้อยกว่าด้วยนะคะ

อีกทั้งสิ่งเพิ่มเข้าในชิป M2 Pro และชิป M2 Max คือค่า Bandwidth I/O ที่สูงขึ้นด้วย หากถามว่า Memory Bandwidth คืออะไร? มันก็เปรียบเสมือนถนนที่ใช้รับส่งข้อมูล ยิ่งมีขนาดสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ส่งข้อมูลได้ไหลลื่นรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เปรียบเทียบชิป M2 Pro และ ชิป M2 Max เลือกแบบไหนดี ?

หากให้เลือกระหว่าง M2 Pro และ M2 Max ก็ต้องดูก่อนว่าคุณมีความจำเป็นใช้งานด้านกราฟิกมากน้อยแค่ไหน? เพราะจากที่ดูสเปกของ M2 Pro และ M2 Max แล้วเราจะพบว่า M2 Max เน้นงานด้านกราฟิกมากกว่าเห็น ๆ อย่างค่าเริ่มต้นของ GPU ก็ใช้เป็น 30-core เข้าไปแล้ว ซ้ำยังสามารถอัพให้สูงขึ้นได้ถึง GPU 38-core ได้อีกด้วย ซึ่ง GPU 38-core ถือว่ามันมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU แบบแยกออกของ PC Laptop ตัวแรง ๆ เลยก็ว่าได้ แต่มันกลับกินไฟน้อยกว่า

อีกทั้ง M2 Max ก็สามารถเข้ารหัสถอดรหัสวิดีโอได้เร็วกว่า M2 Pro ถึง 2 เท่าตัว มันจึงรองรับการทำงานแบบหลายสตรีมได้ดีส่วน Bandwidth ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าของ M2 Max สูงกว่า M2 Pro

ถ้าจะให้สรุปจริง ๆ ทั้งสองตัวก็เป็นชิปที่เร็วและแรงทั้งคู่ เหมาะสำหรับสายใช้งานแบบฮาร์ดคอร์ทั้งหมดเลยค่ะ ช่วยให้การเรนเดอร์เร็วขึ้น แต่หากจะให้คำยามสั้น ๆ ที่เข้าใจง่าย ๆ ก็ขอกล่าวว่า “ชิป M2 Pro เร็วทะลุโลก” ส่วน “ชิป M2 Max เร็วทะลุจักรวาล” น่าเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ?

คู่มือการซื้อแล็ปท็อป MacBook ในปี 2022

หากคุณกำลังคิดที่จะซื้อ MacBook สักเครื่องไม่ว่าจะเป็น MacBook Pro หรือ MacBook Air คุณอาจรู้แล้วว่าการตัดสินใจในการเลือกซื้อแล็ปท็อป MacBook ของ Apple นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะบางคนก็เน้นสำหรับ , , , , , หรือซื้อมา ซึ่งไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เรามีคู่มือการซื้อ MacBook ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรุ่นที่ดีที่สุด

MacBook รุ่นไหนเหมาะสำหรับการพกพา

→ MacBook Air หรือ MacBook Pro 13 นิ้ว ปัจจุบันนี้คงต้องยกให้ MacBook Air เป็นโน้ตบุ๊กที่สะดวกต่อการพกพาที่สุด เพราะด้วยขนาดจอเพียง 13 นิ้ว และน้ำหนักเบามาก มาพร้อมกับจุดเด่นที่เน้นประหยัดพลังงานสามารถใช้งานแบบไม่ต้องชาร์จแบตได้ยาวนาน แต่ช้าก่อน!! ใครที่อยากได้เครื่องที่แรงและเร็วกว่าเดิม ทั้งยังสามารถใช้งานหนัก ๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวล คุณสามารถเลือกเป็น MacBook Pro 13 นิ้ว ได้นะคะ เพราะขนาดจอเท่ากัน มีน้ำหนักต่างกันไม่มาก หากเทียบกันในแง่ของประเภทการใช้งานที่หนักหน่วงเลือก MacBook Pro 13 นิ้ว จะตอบโจทย์มากว่า

MacBook รุ่นไหนที่เด่นในเรื่องของแบตเตอรี่

→ MacBook Pro 13 นิ้ว M2 หรือ 16 นิ้วที่ใช้ M2 Pro หรือ M2 Max อย่างที่บอกไปแล้วว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ MacBook Pro นั้นสูงที่สุดในบรรดา MacBook ใด ๆ ที่วางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ จริง ๆ แล้ว MacBook ทุกรุ่นนั้นจะใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ที่ให้ระยะเวลาการใช้งานแบตสูงสุดในขนาดที่กะทัดรัด ดังนั้นด้วยตัวเครื่องที่เน้นความเบาบางเป็นหลัก ซึ่งคุณต้องทำใจยอมรับว่าแบตเตอรี่ก็ทำการยืดเวลาได้ดีที่สุดแล้วในขนาดเล็กเช่นนี้

หลาย ๆ คนมักจะบ่นกันว่า “แบตไม่ได้นานตามที่ระบุเลย” ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่คุณใช้ในเครื่องขณะนั้นด้วยนะคะ โปรแกรมบางตัว เว็บไซต์บางเว็บ หรือแม้แต่การเลือกใช้เว็บบราวเซอร์เองก็มีการกินพลังงานแบตต่างกันได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรเอาข้อมูลการทดลองไม่ว่าจะของใครมาเปรียบเทียบกัน อย่างตัวผู้เขียนเองก็ใช้ MacBook Pro 13″ ที่จำนวนชั่วโมงแบตก็ไม่ได้สูงตามที่ทาง Apple ระบุไว้ แต่มันก็ยังใช้ได้ยาวนานกว่าแบตของโน้ตบุ๊กยี่ห้ออื่นที่เคยใช้มา และตอนนี้ก็ใช้มา 3 ปีแล้วก็ยังไม่มีอาการแบตเสื่อมเร็วจนต้องชาร์จตลอดอีกด้วยนะคะ

MacBook รุ่นไหนเหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูล

→ MacBook Pro ที่ใช้ M2 Pro หรือ M2 Max MacBook ทุกเครื่องมาพร้อมกับที่จัดเก็บข้อมูล SSD (แบบแฟลช) ที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งหากจะให้เปรียบเทียบเรื่องพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลกันจริง ๆ MacBook ทุกรุ่นสามารถอัพเกรดสเปคเครื่องจากโรงงานได้นะคะ ไม่ว่าคุณจะซื้อรุ่นไหนมันก็สามารถเพิ่มจำนวนพื้นที่ให้สูงขึ้นไปได้อีก ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนค่ะ แต่หากมองในเรื่องของขอบเขตการอัพสเปคเครื่องนั้นต้องขอบอกว่า MacBook แต่ละรุ่นก็มีขอบเขตในการเพิ่มอยู่เหมือนกันค่ะ อาทิเช่น MacBook Air และ MacBook Pro 13in สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุดได้ถึง 2TB ในขณะที่ MacBook Pro ที่ใช้ M1 Pro หรือ M1 Max สามารถเลือกได้สูงสุด 8TB ดังนั้นหากคุณมีความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง ให้คุณเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 8TB แต่ก็จะต้องแลกมาด้วยราคาที่แสนแพงเช่นกัน

ข้อเสนอแนะ : คุณไม่จำเป็นต้องเลือก MacBook ที่เก็บข้อมูลได้มากมายก็ได้ค่ะ เพราะคุณสามารถซื้อ External ฮาร์ดดิสก์ แบบพกพาใช้เก็บข้อมูลได้ค่ะ แต่จะต้องเลือกรุ่นที่ใช้กับระบบ macOS ได้ด้วยนะคะ นอกจากนี้คุณยังสามารถเช่าพื้นที่ในอินเตอร์เน็ตบนระบบคลาวด์ก็ยังได้ค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่บนโลกเลยค่ะ

MacBook รุ่นไหนที่เร็วที่สุด

→ MacBook Pro ที่ใช้ M2 Pro หรือ M2 Max M2 Pro หรือ M2 Max เรียกว่าเป็นชิปที่สูงสุดที่และประหยัดพลังงานที่สุดแล้วในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Apple ณ ขณะนี้ เพราะเป็น CPU แบบ 12-core ที่ช่วยให้ CPU ทำงานเร็วขึ้น ออกแบบมาเพื่อรับมือกับงานหนัก ๆ ทุกอย่าง และเมื่อเพิ่มขนาดของ RAM ให้สูงสุดเป็น 96GB ก็จะกลายเป็น MacBook เครื่องที่ดีที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะยิ่ง RAM มากขึ้น คุณก็สามรถใช้งานหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกันมากขึ้น

MacBook ที่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกม

→ MacBook Pro ที่ใช้ M2 Max จริง ๆ แล้วในความคิดผู้เขียน MacBook ไม่ได้ถูกออกแบบมาใช้เล่นเกมมากเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่หากคุณต้องการซื้อ MacBook สำหรับเล่นเกมจริง ๆ เราขอแนะนำ MacBook Pro ที่ใช้ M2 Max เพราะมันโดดเด่นในเรื่องกราฟิกมาก ๆ สามารถปรับ GPU เป็น 38-core ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU แบบแยกออกของ PC Laptop ตัวแรง ๆ ได้ แต่กลับกินไฟนิดเดียวเท่านั้น ทั้งยังมีจอภาพแบบ Liquid Retina XDR ที่สวยสมจริงอีกด้ว

MacBook สำหรับนักเรียน

→ MacBook Air ในกรณีนี้เราอาจแนะนำ MacBook Air ที่เหมาะแก่การพกพาและมีความเร็วที่เพียงพอสำหรับการใช้งานของน้อง แต่หากต่อไปในอนาคตน้อง ๆ จะเรียนเกี่ยวกับกราฟิก, การแต่งภาพขั้นสูง, การตัดต่อวิดีโอ หรือการออกแบบนั้นไม่แนะนำให้ซื้อ MacBook Air นะคะ หากคิดว่าจะใช้งานในระยะยาวให้เลือกเป็น MacBook Pro 16in ไปเลยค่ะ ตัวนี้โดดเด่นเรื่องกราฟิกมาก ๆ

ข้อควรรู้ก่อนซื้อ MacBook

1. อัพเกรดสเปคเครื่องภายหลังได้ไหม?

หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการอัพเกรดสเปคคอมโดยมักจะซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มาติดตั้งเสริมเข้าไปในภายหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk), การ์ดจอ หรือ เมมโมรี่ (RAM) ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างเบสิกมาก ๆ ในการอัพเกรดสเปคคอมทั่วไป

แต่สำหรับ MacBook แล้วในบางรุ่นคุณก็ไม่สามารถอัพเกรดภายหลังได้นะคะ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ ที่มักจะเป็นแบบ CTO หรือ Custom To Order ที่จะต้องสั่งให้โรงงานผลิตสเปคเครื่องขึ้นมาพิเศษเท่านั้น ไม่สามารถให้ร้านภายนอกหรือศูนย์ Apple แก้ไขภายหลังได้อีก ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อ MacBook เครื่องใหม่คุณจะต้องวางให้แผนดี ๆ เลยค่ะ ว่าคุณมีความจำเป็นใช้งานประมาณไหนและในอนาคตคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? เพราะคุณจะอัพเกรด MacBook ของคุณภายหลังไม่ได้เลย นอกจากการซื้อเครื่องใหม่ค่ะ (เตือนแล้วนะ!!) แต่การจะซื้อ MacBook ที่อัพเกรดสเปคคอมนั้นคุณอาจจะต้องใช้เวลารอเครื่องจากโรงงานนานกว่าปกติ อย่างน้อย 7-14 วัน ทั้งนี้ก็แล้วแต่ออร์เดอร์ด้วยนะคะ

คำแนะนำ : หากคุณไม่แน่ใจว่าอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนสายงานหรือไม่? และตอนนี้คุณเองก็ยังไม่มีเงินสำรองมาพอจะสั่งสเปคคอมพิเศษ ผู้เขียนแนะนำให้คุณลองคำนวณระยะเวลาการใช้งานที่คุณคิดว่าเป็นจุดคุ้มทุนขึ้นมาก่อน หากคุณคิดว่าจุดคุ้มทุนของ MacBook สำหรับคุณคือมีอายุเพียง 2-3 ปีก็ไม่จำเป็นต้องอัพเกรดสเปคเครื่องค่ะ เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะซื้อ MacBook รุ่นใหม่ ๆ อย่างไม่ต้องสังสัย แต่หากจุดคุ้มทุนของคุณอยู่ 5-7 ปีขึ้นไปและคุณไม่เน้นทำงานหนัก ๆ ก็อาจจะอัพเกรดสเปคคอมเผื่อไว้สักหน่อยก็ได้ค่ะ อย่างตัวผู้เขียนเองตอนซื้อ MacBook ก็ยังไม่รู้ว่าสายงานของเราจะเป็นในทิศทางไหนแต่ผู้เขียนไม่ต้องการเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ ก็ตัดสินใจซื้อ MacBook Pro ที่มีการเพิ่มหน่วยความจำและเพิ่มตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD เข้าไปแทน ซึ่งแน่นอนว่าจุดคุ้มทุนของผู้เขียนที่ตั้งเป้าไว้คงต้องใช้งานให้คุ้มค่าอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไปเลยค่ะ 😛

2. ซื้อ MacBook มาเล่นเกมได้ไหม?

หากให้ตอบตามความจริงแบบไม่อ้อมค้อม MacBook ทุกประเภทไม่เหมาะสำหรับการใช้เล่นเกมเป็นหลักเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น MacBook Air หรือ MacBook Pro แม้ว่าคุณจะพยายามอัพเกรดสเปคเครื่องให้สูงมากขนาดไหน แต่ด้วยราคาที่เสียไปค่อนข้างสูง เราแนะนำให้คุณซื้อ Laptop หรือคอม PC ฝั่ง Windows ยี่ห้ออื่นที่เหมาะสำหรับเล่นเกมจะดีกว่าเพราะด้วยราคาที่เสียไปกับสเปคที่ได้มานั้นคุ้มค่ามากกว่าแน่นอน คุณสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบทความโน๊ตบุ๊คสาย Gaming หรือ โน๊ตบุ๊ค Core i5 สำหรับเล่นเกม ได้เลยค่ะ

จำเป็นต้องซื้อ AppleCare เพิ่มไหม?

จำเป็นต้องซื้อ AppleCare เพิ่มไหม?

โดยปกติแล้ว AppleCare ก็เหมือนกับการซื้อประกันให้สินค้าของคุณ หากสินค้าของคุณมีปัญหา AppleCare จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ ซึ่งการส่งเคลมหรือส่งซ่อมนั้นก็ต้องดูด้วยว่าปัญหาเกิดจากอะไรและตรงตามเงื่อนไขความคุ้มครองหรือเปล่า? ทั้งนี้ในบางกรณีอาจจะเป็นแค่การซ่อมเท่านั้น แต่บางกรณีอาจจะเป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เลย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณจะได้รับการบริการจากผู้เชี่ยวชาญของ Apple โดยตรง แม้ว่าปกติทาง Apple จะมีการรับประกันสินค้าอยู่แล้วอย่างน้อย 1 ปี แต่หากคุณซื้อ AppleCare สำหรับ MacBook ก็จะเพิ่มความคุ้มครองให้อีก 2 ปี รวมทั้งหมด 3 ปีเลยค่ะ แต่ไม่สามารถซื้อ AppleCare สำหรับสินค้าชิ้นเดิมซ้ำได้อีก นอกจากนี้คุณยังมีสิทธิ์ซื้อ AppleCare ได้ภายใน 60 วันหลังจากซื้อสินค้าเท่านั้น ส่วนในกรณีที่คุณส่งต่อสินค้าให้คนอื่นก่อนที่ AppleCare จะหมดอายุลง คุณก็ยังสามารถถ่ายโอนสิทธิ์ AppleCare ของคุณไปยังเจ้าของใหม่ได้ไม่มีปัญหาค่ะ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv Terjemahan แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip lmyour แปลภาษา ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาอาหรับ-ไทย Bahasa Thailand app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม พจนานุกรมศัพท์ทหาร ยศทหารบก ภาษาอังกฤษ สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทั้งหมดกี่ภาค มัจจุราชไร้เงา 1 mono29 มัจจุราชไร้เงา 1 pantip มัจจุราชไร้เงา 3 pantip รายชื่อวิทยานิพนธ์ นิติศาสตร์ 2563 ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาอิสลามเป็นไทย ่้แปลภาษา Google Drive กรมการปกครอง กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ที่อยู่สมุทรปราการ ภาษาอังกฤษ ประปาไม่ไหล วันนี้ มหาวิทยาลัยรามคําแหง เปิดรับสมัคร 2566 มัจจุราชไร้เงา 2 facebook ราคาปาเจโร่มือสอง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น หนังสือราชการ ส ถ หยน ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ อาจารย์ ตจต Google Form Info arifureta shokugyou de sekai saikyou manga online legendary moonlight sculptor www.niets.or.th ประกาศผลสอบ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf