Del bosque เคยทำท ม ได แชมป โลกม ย

"ซีเนดีน ซีดาน" ขาขึ้น / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่: 24 พ.ค. 2560 11:25 ปรับปรุง: 24 พ.ค. 2560 11:51 โดย: MGR Online

EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

หลังจากบุกไปชนะทีมปลาเค็ม มาลากา (Malaga CF) ได้ถึงถิ่นสวนกุหลาบ เอ๊สตาดิโอ ลา โรซาเลด้า (Estadio La Rosaleda) 2 ประตูต่อ 0 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซีเนดีน ซีดาน โค้ชชาวฝรั่งเศสก็นำ เรอัล มาดริด คว้าแช้มพ์ ลา ลีก้า ซานตานแดร (La Liga Santander) ฤดูกาล 2016-17 ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของ ราชันชุดขาว ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 33 ของสโมสร และเป็นครั้งแรกของตนเองนับตั้งแต่เริ่มคุมทีมในเดือนมกราคม 2016

ซีซู ถือเป็นโค้ชชาวฝรั่งเศสคนแรกที่นำทีมคว้าแช้มพ์ลีกสูงสุดของสเปน และถูกบันทึกในทำเนียบซึ่งมีจำนวนไม่กี่คนว่า เคยคว้าแช้มพ์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช คนแรกคือ มีเกล มูญอส (Miguel Munoz) มิดฟีลด์ทีมชาติสเปนเล่นให้ ราชันชุดขาว ปี 1948-58 ได้แช้มพ์ 4 สมัย มาเป็นโค้ชปี 1960-74 ซิวแช้มพ์ไป 9 หน

ในช่วงปี 1946-57 ลูอิ๊ส โมโลวนี (Luis Molowny) เพื่อนนักเตะทีมชาติสเปนที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ในแดนกลางกันมากับรายแรกก็คว้าแช้มพ์ 3 สมัย และตอนเป็นโค้ชช่วงปี 1977-79 ทำทีมได้แช้มพ์ 2 สมัย และกลับมาคุมทีมปี 1985-86 ก็ยังได้แช้มพ์อีกด้วย

ฆอรเก บัลดาโน (Jorge Valdano) ศูนย์หน้าทีมชาติอารเกนตีนา ตอนมาค้าแข้งที่ เรอัล มาดริด ปี 1984-87 คว้าแช้มพ์ 2 ครั้ง และเมื่อเป็นนายใหญ่ของทีมในปี 1994-96 ก็ทำแช้มพ์ให้สโมสรได้ในปี 1995

ยุคปี 1968-84 บีเซนเต เด็ล บ๊อสเก (Vicente Del Bosque) เตะให้ เรอัล อย่างยาวนาน แม้บางช่วงจะถูกปล่อยยืมตัวไปบ้าง แต่เขาก็คว้าแช้มพ์ให้สโมสรถึง 5 สมัย ตอนเป็นโค้ชแรกๆ 1994 และ 1996 กระท่อนกระแท่น แต่ช่วงยึดซุ้มข้างสนามยาว ปี 1999-2003 ก็คว้าแช้มพ์ได้ 2 หน

แบร์นด์ ชุสเต้อร์ (Bernd Schuster) กองกลางตัวรุกชาวเจอรมานี หลังจากเล่นให้ บารเซโลน่า มาอย่างยาวนานช่วงปี 1980-88 คว้าแช้มพ์ได้หนเดียว แต่พอย้ายมาเตะให้ เรอัล ปี 1988-90 ดันคว้าแช้มพ์ทั้ง 2 ฤดูกาล อย่างไรก็ตาม หมอนี่ทำโค้ชให้สโมสรฤดูกาลเดียวคือ 2007-2008 และคว้าแช้มพ์ได้ด้วย

ซีดาน ตำนานนักเตะฝรั่งเศสเจ้าของถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลด์ คัพ 1998 รายนี้ซึ่งมี เอ็นโซ ฟรานเช้สโกลี่ (Enzo Francescoli) มิดฟีลด์ตัวรุกทีมชาติอูรูกวัย เป็นอายด้อล ค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด ในช่วงปี 2001-06 เก็บแช้มพ์ไป 1 สมัย แต่เกียรติประวัติอื่นๆกับสโมสรยังมีอีกมาก ซูแปรโกป้า เด เอ๊สปาญ่า 2001 กับ 2003 อันนี้คือรายการที่เอาแช้มพ์ ลา ลีก้า มาเตะกับ แช้มพ์ โกป้า เดล เรย์ เขาพาทีมคว้าถ้วยใหญ่ ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2001-02 ต่อด้วย ยูเอ๊ฟฟ่า ซุปเป้อร์คัพ 2002 และ อินเตอร์คอนทิเน็นทอล คัพ 2002

ครั้นผันตัวมาเป็นโค้ชทีมใหญ่ หลังจากผ่านช่วงเวลาในการเล่าเรียนโค้ชและการบริหารทีม ทั้งบ่มฟัก เก็บประสพการณ์จากโค้ชรุ่นพี่หลายๆคน ตลอดจน คุมทีมเล็กอย่าง เรอัล มาดริด ก๊าสตียา (Real Madrid Castilla) มาอีกร่วม 2 ปี ซีซู เริ่มพาทีมใหญ่เก็บถ้วย ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2015-16 ยูเอ๊ฟฟ่า ซุปเป้อร์ คัพ 2016 และ ฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด์ คัพ 2016 มาแล้ว ก่อนที่ล่าสุดจะได้แช้มพ์ ลา ลีก้า ซานตานแดร นี่ยังเหลือถ้วยใบใหญ่อีกใบให้ไล่ล่า นั่นคือ ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2016-17 ที่ เรอัล มาดริด จะเข้าชิงชนะเลิศกับ ยูเวนตุส ทีมเก่าที่ตนเคยค้าแข้งในช่วงปี 1996-2001 ในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ ที่ มิลเลเนียม สเตเดี้ยม ใน คาร์ดิฟ ประเทศเวลส์ นัดนี้ผมว่า ทีมไหนจะชนะ ต้องดูที่โค้ชว่า ขาขึ้นหรือเปล่าครับ

สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด (สเปน: Real Madrid Club de Fútbol) เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริด ปัจจุบันเล่นอยู่ในลาลิกา ลีกสูงสุดของฟุตบอลสเปน สโมสรก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1902 เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในทวีปยุโรป ชื่อ "เรอัล" เป็นตำแหน่งที่ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน ใน ค.ศ. 1920 ซึ่งมีความหมายว่า "ของกษัตริย์หรือของหลวง" และยังเป็นที่มาของมงกุฏซึ่งปรากฏในตราสัญลักษณ์ของสโมสร มีสนามเหย้าคือซานเตียโก เบร์นาเบว ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมาดริดซึ่งถูกใช้งานมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 สีประจำสโมสรคือสีขาวและเพลงประจำสโมสรคือ อาลา มาดริด อี นาดา มาส ประพันธ์โดยเรดวัน และ มานูเอล จาบัวส์ เรอัลมาดริดเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก พวกเขายังเป็นสโมสรแรกในห้าลีกใหญ่ของยุโรปที่ชนะเลิศถ้วยรางวัลครบ 100 รายการ และเป็นสโมสรที่ลงแข่งขันรายการยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมากที่สุดจำนวน 42 ฤดูกาล ซึ่งพวกเขายังเป็นเจ้าของสถิติในการชนะมากที่สุด เสมอมากที่สุด และทำประตูได้มากที่สุดในรายการดังกล่าว

เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่มีหุ้นส่วน (socios) เป็นเจ้าของ และเป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1902 ซึ่งแตกต่างกับสโมสรส่วนใหญ่ และเป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุดสโมสรหนึ่งของโลก รวมทั้งมีมูลค่าทีมสูงที่สุดในโลกจำนวน 5.1 พันล้านดอลลาร์ใน ค.ศ. 2022 และมีรายรับมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกใน ค.ศ. 2023 จำนวน 713.8 ล้านยูโร เรอัลมาดริดเป็นหนึ่งในสามสโมสรผู้ร่วมก่อตั้งลาลิกาซึ่งไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งลีกใน ค.ศ. 1929 ร่วมกับอัตเลติกเดบิลบาโอ และ บาร์เซโลนา สโมสรมีคู่ปรับคือบาร์เซโลนา และ อัตเลติโกเดมาดริด โดยถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่เรียกว่า เอลกลาซิโก และ เดร์บิมาดริเลญโญ

เรอัลมาดริดเริ่มครองความยิ่งใหญ่ในประเทศได้ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของการก่อตั้งลาลิกา และกลายเป็นทีมชั้นนำของยุโรปในช่วงทศวรรษ 1950 โดยประสบความสำเร็จหลายรายการ สโมสรชนะเลิศยูโรเปียนคัพ 5 สมัยติดต่อกัน รวมทั้งชนะเลิศลาลิกา 4 สมัยในช่วงเวลานี้ ต่อมา ในทศวรรษ 1960 สโมสรชนะเลิศลาลิกาได้ถึง 8 สมัยจาก 10 ฤดูกาล ด้วยผู้เล่นชั้นนำ ได้แก่ อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน, แฟแร็นตส์ ปุชกาช, ปาโก เฆนโต และ เรมง โกปา ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก สโมสรยังมีชื่อเสียงจากนโยบายการสร้างทีมด้วยผู้เล่นระดับโลกที่เรียกว่าโลสกาลักติโกส อาทิ โรนัลโด, ซีเนดีน ซีดาน, เดวิด เบคแคม และ กาก้า โดยใน ค.ศ. 2009 สโมสรได้เซ็นสัญญากับ คริสเตียโน โรนัลโด ด้วยค่าตัวสถิติโลกในขณะนั้นจำนวน 80 ล้านปอนด์ (94 ล้านยูโร) ซึ่งกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสร โดยในปัจจุบันภายใต้การบริหารทีมของ โฟลเรนติโย เปเรซ สโมสรยังยึดนโยบายโลสกาลักติโกส ด้วยการใช้ผู้เล่นระดับโลกซึ่งอายุน้อยอย่าง วีนีซียุส ฌูนีโยร์, โรดรีกู กอยส์ และ จูด เบลลิงงัม เป็นแกนหลัก

ในการแข่งขันภายในประเทศ เรอัลมาดริดชนะเลิศถ้วยรางวัล 69 รายการ ประกอบด้วยสถิติชนะเลิศลาลิกา 35 สมัย, โกปาเดลเรย์ 20 สมัย, ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา 12 สมัย รวมทั้งโกปาเอบาดัวร์เตและโกปาเดลาลิกา ในการแข่งขันระดับทวีปและระดับโลก พวกเขาชนะเลิศการแข่งขัน 29 รายการ ประกอบด้วยสถิติชนะเลิศยูโรเปียนคัพ / ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 14 สมัย, ยูฟ่าคัพ 2 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 5 สมัย (สถิติสูงสุด), อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 3 สมัย (สถิติสูงสุด) และ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 5 สมัย (สถิติสูงสุด) เรอัลมาดริดยังเป็นสโมสรเดียวที่ชนะการแข่งขันยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกันได้ถึงสองครั้งใน ค.ศ. 1956–58 และ ค.ศ. 2016–18

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2000 ฟีฟ่าได้ประกาศให้เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 และยังได้รับรางวัลสโมสรผู้ทรงอิทธิพลและทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 (FIFA Centennial Order of Merit) ใน ค.ศ. 2004 รวมทั้งรางวัลสโมสรยุโรปยอดเยี่ยม จากสหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติใน ค.ศ. 2010 ต่อมา ใน ค.ศ. 2017 เรอัลมาดริดสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาจากยูโรเปียนคัพ และในปีต่อมา สโมสรทำสถิติชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 4 สมัยในรอบ 5 ปี ต่อมา ใน ค.ศ. 2023 เรอัลมาดริดถูกจัดอยู่ในอันดับห้าตามค่าสัมประสิทธิ์สโมสรฟุตบอลยุโรป และเป็นอันดับหนึ่งจากการจัดอันดับรวมใน 10 ฤดูกาลหลังสุด (ค.ศ. 2013–2023)

ประวัติ

ยุคแรก (ค.ศ. 1897–1945)

cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)