เงินได้ประเภทที่ 3 คือ เงินได้พึงประเมินในรูปของ ค่าลิขสิทธิ์ ค่าตอบแทนทรัพย์สินทางปัญญาหรือค่า Goodwill และเงินรายปีอื่นๆ ที่ทำให้ผู้รับเงินมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในวงการภาษีบางครั้งก็เรียกว่า เงินได้ 40(3)
อย่างไรก็ดี ถ้าคุณมีคู่สมรสที่จะแยกยื่นภาษีเองอยู่แล้ว คุณสามารถเลือกให้คู่สมรสนำเงินได้ประเภทนี้ของคุณไปยื่นเป็นรายได้ของเขาแทนก็ได้
การหักค่าใช้จ่าย
เงินได้ประเภทที่ 3 นี้ มีเพียงค่าลิขสิทธิ์ ค่ากู๊ดวิลล์ และค่าสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Royalty) เท่านั้นที่หักค่าใช้จ่ายได้
เงินได้เหล่านี้จะหัก ค่าใช้จ่าย ได้วิธีเดียว คือ หักแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน ฿100,000 หรือหักตามจริง
รายได้ ค่าใช้จ่ายที่หักได้
- ค่าลิขสิทธิ์
- ค่าสิทธิ์ในทรัพย์สินในปัญญา (Royalty)
- ค่า Goodwill หักแบบเหมา 50% แต่ไม่เกิน ฿100,000 หรือหักตามจริง เงินปีและเงินรายปีจากนิติกรรมหรือคำพิพากษาของศาล –
ดังนั้น วิธีคิดง่ายๆ คือ ทันทีที่เราได้รับค่าลิขสิทธิ์เกิน ฿200,000 คุณจะหักค่าใช้จ่าย ได้สูงสุดแค่ ฿100,000 เท่านั้น
ตัวอย่าง
ถ้าคุณมีเงินได้จากค่าลิขสิทธิ์ตลอดท้ังปี ฿360,000 เมื่อกฎหมายอนุญาตให้คุณหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 50% ได้เพียงทางเดียวเท่าน้ัน คุณจึงน่าจะหักค่าใช้จ่ายสำหรับค่าค่าลิขสิทธิ์ของคุณได้
฿360,000 x 50% = ฿180,000
แต่เนื่องจากกฎหมายกำหนดเพดานให้หักค่าใช้จ่ายสำหรับค่าลิขสิทธิ์ได้สูงสุดเพียง ฿100,000 ดังน้ัน เราจึงหักค่าใช้จ่ายสำหรับค่าค่าลิขสิทธิ์ได้
-฿180,000- ฿100,000 เท่าน้ัน
อะไรเป็นเงินได้ประเภทที่ 3 ได้บ้าง?
ค่าลิขสิทธิ์
ค่าลิขสิทธิ์ จะมาจากค่าตอบแทนหรือค่าจ้างจากงานเขียนคอลัมน์ บทประพันธ์ งานเพลง website โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือผลงานลิขสิทธิ์อื่นๆ ที่ผู้ว่าจ้างตกลงให้คุณเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อนุญาตให้ผู้ว่าจ้างใช้ประโยชน์
ค่าลิขสิทธิ์รวมถึงเงินได้จากการขายสินค้าดิจิตอลโดยให้โหลดโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป, เกมส์, วีดีโอ, รูปภาพ, ภาพยนต์, เพลง, มิวสิควีดีโอ ผ่านระบบ online เป็นต้น
แต่การโอนลิขสิทธิ์ให้แบบขายขาด หรือการขายสินค้าลิขสิทธิ์เหล่านี้เป็นของมีรูปร่าง เช่น ขายเป็นแผ่น หรือขายหนังสือหรือพิมพ์หนังสือขายเอง ไม่นับเป็นค่าลิขสิทธิ์แต่เป็น เงินได้ประเภทที่ 8
ค่าตอบแทนทรัพย์สินทางปัญญา (Royalty)
นอกจากค่าลิขสิทธิ์แล้ว เงินได้ประเภทที่ 3 ยังครอบคลุมถึงค่าแฟรนไชส์ (Franchise) หรือค่า Royalty ตอบแทนการอนุญาตให้ใช้สิทธิในสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า know-how หรือสูตรลับต่างๆ (Licensing agreement)
แต่ค่า Royalty ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายทรัพย์สินทางปัญญาแบบขายขาด เช่น โอนกรรมสิทธิ์ในสิทธิบัตร
ค่า Goodwill
เงินได้ประเภทที่ 3 ยังครอบคลุมค่า Goodwill หรือชื่อเสียงทางการค้า (ค่าความนิยม)
เงินปีพระบรมวงศานุวงศ์และเงินรายปีจากนิติกรรมหรือคำพิพากษาของศาล
เงินปีพระบรมวงศานุวงศ์หรือเงินที่กำหนดกันเป็นเงินรายปีที่มาจากนิติกรรม หรือคำพิพากษาของศาล เช่น เงินปี (Annuity) ที่ไม่ได้มาจากพินัยกรรมหรือมรดก ค่าเลี้ยงดูรายปีเนื่องจากการหย่า ค่าตอบแทนจากการจดทะเบียนภาระจำยอมในที่ดินของคุณ ค่าตอบแทนจากการให้คนอื่นเซ้งสิทธิการเช่าต่อจากคุณ ซึ่งรายได้กลุ่มนี้กฎหมายไม่อนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายได้
เรื่องที่มักเข้าใจผิดบ่อย
ในกรณีที่คุณอยู่ในประเทศไทยแล้วได้รับเงินจากการขาย LINE Creator Sticker จากประเทศญี่ปุ่น หลายคนมักเข้าใจผิดว่าต้องนำเงินก้อนนั้นมาเสียภาษีในไทยด้วย แต่ที่จริงแล้วโดยทั่วไปคุณไม่มีหน้าที่ต้องนำเงินจากการขาย LINE Creator Sticker จากญี่ปุ่นมาเสียภาษีหรือแม้แต่ ยื่นภาษี ในไทยอีกแล้ว
เพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นคู่สนธิสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย ดังนั้นเมื่อคุณถูกหักภาษีที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว สนธิสัญญาจึงช่วยยกเว้นให้คุณไม่ต้องเสียภาษีหรือยื่นภาษีในไทยอีก
อ้างอิง
- มาตรา 40(3) ประมวลรัษฎากร
- ข้อ 2.2 หน้า 2-3 คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา (ฉบับที่ 2), www.rd.go.th
- มาตรา 42 ตรี ประมวลรัษฎากร, มาตรา 4 ทวิ พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502, พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 634) พ.ศ. 2560
- ภาษีค่าสิทธิ (2), สรรพากรสาส์น: //sanpakornsarn.com
ข้อ 3 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2505, ข้อ 12.2 และ 12.3 อนุสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้
สอนยื่นภาษีออนไลน์ปี 2566 ทำตามง่าย ๆ Step-by-Step พร้อมเคลียร์ทุกข้อสงสัย ใครต้องยื่นภาษี ยื่นภาษีได้ถึงวันไหน ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ช่องทางการจ่ายภาษี และยื่นภาษียังไงให้ได้เงินคืน มาเตรียมความพร้อมก่อนยื่นภาษีปีนี้กันเลย
สำหรับคนไทยทุกคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือชาวฟรีแลนซ์ หน้าที่ที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีคือการ “ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา”
บทความนี้เราจึงสรุป “วิธียื่นภาษีออนไลน์ ฉบับมือใหม่ทำตามได้ง่ายสุด ๆ” มาฝากทุกคนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2567 ที่จะถึงนี้กัน จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้เลย!
กองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ มาซื้อที่ฟินโนมีนา ฟันด์ เปิดบัญชีที่เดียว ซื้อ SSF-RMF ได้หลากหลาย บลจ. พร้อมโปรโมชันพิเศษ ดูรายละเอียดได้ที่ //finno.me/tsf-23-ws
สารบัญ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร?
กรมสรรพากรได้นิยามความหมายของคำว่า “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ไว้ว่า
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไป หรือจากหน่วยภาษีที่มีลักษณะพิเศษ ตามที่กฎหมายกำหนด และมีรายได้เกิดขึ้น ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี รายได้ที่เกิดข้ึนในปีใด ๆ ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการตนเอง ตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนดภายในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป
ใครมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีบ้าง?
คนไทยทุกคนที่มีรายได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งเกณฑ์ตามสถานะโสดและสมรส โดยมีรายละเอียดดังนี้
- คนโสดที่มีรายได้เป็นเงินเดือนตั้งแต่ 10,000 บาท ต่อเดือน (ภ.ง.ด. 91) หรือ 120,000 บาท ต่อปี รวมถึงคนโสดที่มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน (ภ.ง.ด. 90) ตั้งแต่ 5,000 บาท ต่อเดือน หรือ 60,000 บาท ต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษี
- คนที่สมรสแล้วที่มีรายได้เป็นเงินเดือน (ภ.ง.ด. 91) ตั้งแต่ 18,333 บาท ต่อเดือน หรือ 220,000 บาท ต่อปี รวมถึงคนที่สมรสแล้วที่มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน (ภ.ง.ด. 90) ตั้งแต่ 10,000 บาท ต่อเดือน หรือ 120,000 บาท ต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษี
อ่านเพิ่มเติม สรุปวิธีคำนวณภาษี: รายได้เท่าไรต้องเสียภาษีเท่าไร?
ยื่นภาษีได้ถึงวันไหน?
ปกติการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะยื่นปีละ 1 ครั้ง ภายในวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม ของปีถัดไป เช่น รายได้เกิดขึ้นในปี 2566 (ปีภาษี 2566) ต้องยื่นภาษีภายในวันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2567
หากเป็นเงินได้บางลักษณะ เช่น การให้เช่าทรัพย์สิน เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เงินได้จากการรับเหมา เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ เป็นต้น จะต้องยื่นภาษีตอนกลางปี ภายในเดือนกันยายนของทุกปี
เอกสารที่ต้องเตรียมตอนยื่นภาษีออนไลน์
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ภ.ง.ด. 91 สำหรับผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว และ ภ.ง.ด. 90 สำหรับผู้ที่มีรายได้อื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือน โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับยื่นภาษีดังนี้
- หนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) โดยเป็นเอกสารที่แสดงถึงรายได้รวมทั้งปี หลังจากหักชำระกองทุน หรือเงินทุนสำรองต่าง ๆ – อ่านเพิ่มเติม ใบทวิ 50 คืออะไร ขอได้ที่ไหน? I TAX เพื่อนๆ EP7
- รายการลดหย่อนภาษีที่รวบรวมไว้ทั้งปี เช่น ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา ค่าเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น
- เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษีเพื่อประกอบการกรอกแบบฟอร์มยื่นภาษี เช่น จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน เบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
สอนยื่นภาษีออนไลน์ ฉบับมือใหม่ทำตามได้ง่ายสุด ๆ
ขั้นตอนที่ 1: เข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
เข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร //efiling.rd.go.th/ และเลือก “ยื่นแบบออนไลน์”
หากท่านใดยังไม่มีบัญชีให้กด “สมัครสมาชิก” ก่อน โดยระบบจะให้กรอกข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เช่น เลขบัตรประจำตัวประชาชน (เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร) วันเดือนปีเกิด เลขหลังบัตรประชาชน ที่อยู่ อีเมล พร้อมสร้างรหัสผ่านเพื่อใช้ในการเข้าสู่ระบบ E-filing สำหรับยื่นภาษีออนไลน์
ขั้นตอนที่ 2: เข้าสู่ระบบ E-filing ของกรมสรรพากร
เข้าสู่ระบบ E-filing โดยการกรอกเลขบัตรประชาชนในช่องชื่อผู้ใช้งาน พร้อมกรอกรหัสผ่าน และกด “ตกลง” จากนั้นยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP 6 หลัก ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือ
ขั้นตอนที่ 3: เลือกยื่นแบบภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 90/91
อ่านและยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร จากนั้นกด “เข้าสู่ระบบ” และเลือก “ยื่นแบบ” ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91
ขั้นตอนที่ 4: กรอกข้อมูลผู้เสียภาษี
ตรวจสอบข้อมูลผู้เสียภาษี ได้แก่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสถานที่ติดต่อ จากนั้นเลือกสถานะ และกด “ถัดไป”
ขั้นตอนที่ 5: กรอกเงินได้
กรอกข้อมูลรายได้จากเงินเดือน โดยนำข้อมูลมาจากหนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) พร้อมกรอกเลขผู้จ่ายเงินได้ (เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัทที่เราทำงานอยู่)
ทั้งนี้สำหรับคนที่เปลี่ยนที่ทำงานระหว่างปีให้ขอหนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) กับที่ทำงานเก่าเพื่อนำมากรอกข้อมูลยื่นภาษีเงินได้
และหากใครมีรายได้อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือน เช่น รายได้จากฟรีแลนซ์ รับจ้างทั่วไป และวิชาชีพอิสระ, รายได้จากทรัพย์สิน และการทำธุรกิจ, รายได้จากการลงทุน และรายได้จากมรดกหรือได้รับมา ให้กรอกข้อมูลลงไปด้วย
หลังจากกรอกข้อมูลเงินได้เรียบร้อยแล้วให้กด “ถัดไป”
ขั้นตอนที่ 6: กรอกค่าลดหย่อน
กรอกข้อมูลค่าลดหย่อนต่าง ๆ ที่มี เช่น ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา-มารดา ค่าลดหย่อนบุตร เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพ จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF RMF กองทุน Thai ESG และเงินบริจาค เป็นต้น
หลังจากกรอกข้อมูลค่าลดหย่อนเรียบร้อยแล้วให้กด “ถัดไป”
อ่านเพิ่มเติม ลดหย่อนภาษี: ทุกเรื่องที่ต้องรู้ รวบรวมมาให้แล้ว!
ขั้นตอนที่ 7: ตรวจสอบข้อมูล
ตรวจสอบข้อมูลเงินได้และค่าลดหย่อนทั้งหมดที่ได้กรอกไป โดยระบบจะทำการคำนวณภาษีที่ต้องชำระให้อัตโนมัติ ซึ่งหากมีการชำระภาษีไปแล้วระบบจะแจ้งยอดที่ชำระเกิน โดยสามารถขอคืนภาษีที่ชำระเกินได้ รวมถึงนำเงินภาษีที่ชำระเกินไปอุดหนุนพรรคการเมืองได้
หลังจากตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อยแล้วให้กด “ถัดไป”
ขั้นตอนที่ 8: ยืนยันการยื่นแบบ
เมื่อตรวจสอบข้อมูลครบถ้วนแล้ว กด “ยืนยันการยื่นแบบ” เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านช่องทางออนไลน์
ผลการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
กรณีไม่มีภาษีต้องชำระ หรือมีภาษีชำระไว้เกิน
ในกรณีไม่มีภาษีต้องชำระ ระบบจะแจ้งผลการยื่นแบบและหมายเลขอ้างอิง พร้อมออกเอกสารแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและใบเสร็จรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นแบบ
กรณีมีภาษีชำระไว้เกิน กรมสรรพากรจะทำการอนุมัติคืนภาษีให้ทันที โดยสามารถเลือกรับคืนเงินภาษีที่ชำระเกินได้ทั้งช่องทางพร้อมเพย์ และบัญชีของธนาคารกรุงไทย พร้อมติดตามสถานะคืนเงินภาษีได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร //www.rd.go.th/
กรณีมีภาษีต้องชำระเพิ่มเติม
ในกรณีมีภาษีต้องชำระเพิ่มสามารถเลือกชำระภาษีได้หลายช่องทาง ได้แก่ QR Code, E-Payment, Internet Credit Card, ATM on Internet, บัตรภาษี และชำระผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น Pay-In Slip ผ่านช่องทาง Counter Service, Tele-Banking และอื่น ๆ
ทั้งนี้หากมียอดภาษีที่ต้องชำระตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไป สามารถเลือกผ่อนชำระภาษีได้สูงสุด 3 งวดเท่า ๆ กัน โดยไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ชำระเงินภายในวันที่กำหนด (หากไม่ชำระภายในวันที่กำหนดจะคิดดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีงวดที่เหลือ) โดยระบบจะคำนวณยอดชำระพร้อมกำหนดวันที่ต้องชำระให้ทั้ง 3 งวด และจะมี SMS จากกรมสรรพากรแจ้งเตือนเมื่อครบกำหนดวันที่ต้องชำระภาษี